เพื่อไทยเข้าขั้นวิกฤตแพแตก.. ลางร้าย“วาดะห์-สะสมทรัพย์-วังน้ำยม”ส่อแยกมุ้ง โบกมือลา คาด ส.ส.หายวับไปกับตา?

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

หลังจากที่ คสช.อนุญาตให้พรรคการเมืองเก่า เริ่มทำกิจกรรมทางการเมืองได้ ซึ่งเริ่มจาการตรวจสอบจำนวนสมาชิกด้วยการเปิดให้สมาชิกพรรคยืนยันการเป็นสมาชิกภาพ ระหว่าง 1-30 เมษายน ความเคลื่อนไหวทางการเมือง เริ่มคึกคักขึ้นมาทันที ที่น่าสนใจเป็นพิเศษนั่นก็คือ ความเคลื่อนไหวจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเปิดให้สมาชิกพรรคยื่นเอกสารยืนยันตัวในวันที่2 เป็นวันแรก มีบรรดาสมาชิกพรรคจากเขตต่างๆของกรุงเทพมหานคร เข้ายืนยันตนเป็นจำนวนมาก อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี, พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค, นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรค, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกฯและแกนนำกลุ่มบ้านริมคลอง, นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าทีมกฎหมาย, นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรค, พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร, นายชัยเกษม นิติสิริ, นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา, นายจาตุรนต์ ฉายแสง, นายวราเทพ รัตนากร เป็นต้น

 

เรียกได้ว่าสำหรับแกนนำและสมาชิกคนหลักๆของพรรคต่างทยอยเดินทางมายืนยันความเป็นสมาชิกเกือบครบแล้ว. ส่วนกลุ่มที่มีกระแสข่าวว่าจะไปร่วมกับพรรคใหม่อย่างตระกูลบุรณศิริ ก็มายืนยันความเป็นสมาชิกตั้งแต่ต้นเดือนเมษาที่ผ่านมา

 

แต่กลุ่มที่ต้องสงสัยว่าอาจจะมีโยกย้าย ออกจากพรรค. นั่นก็คือกลุ่มมัชฌิมาอย่างนายสมศักดิ์ เทพสุทิน  ซึ่งคงต้องจับตาดูต่อไป จนกว่าจะถึงวันสุดท้ายการยืนยันความเป็นสมาชิกสิ้นเดือนนี้ ซึ่งเหลือเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น แหล่งข่าวจากกลุ่มมัชฌิมา เปิดเผยว่านายสมศักดิ์ ระบุจะไม่มายืนยันสมาชิกกับพรรคเพื่อไทย ส่วนเหตุผลให้ไปสอบถามกับเจ้าตัวเอง เนื่องจากเป็นสิทธิส่วนบุคคล

 

 

เพื่อไทยเข้าขั้นวิกฤตแพแตก.. ลางร้าย“วาดะห์-สะสมทรัพย์-วังน้ำยม”ส่อแยกมุ้ง โบกมือลา คาด ส.ส.หายวับไปกับตา?

 

ด้วยความไม่ชัดเจนที่เกิดผสมกับข่าวลือว่านายสมศักดิ์ เตรียมแพ็คกระเป๋า สวมคอนเวิร์ส โบกมือลาทางใครทางมัน ท่ามกลางกระแสโจมตี ถล่มคสช. ดูดนักการเมืองเข้าร่วมพรรคหนุน  เพราะเมื่อช่วงปลายปี60  บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  เดินทางไปยังพื้นที่พิษณุโลก และได้ร่วมพูดคุยกับผู้นำท้องถิ่น แน่นอนว่า มีนายสมศักดิ์ ร่วมอยู่ในวงดังกล่าวด้วย

 

แม้ บิ๊กตู่ จะตอบโต้ด้วยวลีเด็ด “ผมไม่ใช่เครื่องดูดอากาศ หรือ เครื่องดูดฝุ่น” แต่ก็ไม่ได้ทำให้คำครหาดังกล่าวจะจางลงแต่อย่างใด  จึงทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ากรณีของนายสมศักดิ์ เข้าข่ายดังกล่าวหรือไม่ และเป็นเหตุที่นายสงศักดิ์ ไม่เดินทางยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคด้วยหรือไม่นั้น ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัด

 

เพื่อไทยเข้าขั้นวิกฤตแพแตก.. ลางร้าย“วาดะห์-สะสมทรัพย์-วังน้ำยม”ส่อแยกมุ้ง โบกมือลา คาด ส.ส.หายวับไปกับตา?

 

ขณะที่ตระกูลสะสมทรัพย์ที่ขณะนี้ยังไม่เดินทางมายืนยันตัว โดยในส่วนของนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ก่อนหน้านี้เปิดเผยว่าช่วงสิ้นเดือนติดธุระอื่นจึงอาจไม่ได้เดินทางมายืนยันความเป็นสมาชิกได้

 

 

เพื่อไทยเข้าขั้นวิกฤตแพแตก.. ลางร้าย“วาดะห์-สะสมทรัพย์-วังน้ำยม”ส่อแยกมุ้ง โบกมือลา คาด ส.ส.หายวับไปกับตา?

 

ด้าน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำกลุ่มวาดะห์  แม้ก่อนหน้านี้จะเคยระบุว่าอาจจะเดินทางมายืนยันตนในวันที่ 4เมษายน แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่เดินทางมายืนยันสมาชิก

การยืนยันตัวของสมาชิกพรรคการเมือง หากภายใน 30 เมษายน ไม่เข้ายืนยันตัว จะถือว่าขาดจากการเป็นสมาชิก  นั่นเท่ากับว่าพรรคเพื่อไทย  สิ่งที่น่าจับตาว่าจะเกิดขึ้นลำดับแรก  พรรคเพื่อไทยจะฐานเสียง และโอกาสที่จะได้ส.ส.หลังการเลือกตั้งจะลดลง ทั้งแบบส.ส.แบ่งเขต และแบบปาร์ตี้ลิสต์ เพราะ ด้วยการเลือกตั้งระบบใหม่ หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า “ระบบจัดสรรปันส่วนผสม”จากการคำนวนสูตรแบบสัดส่วนผสม  และเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งจากใช้บัตรลงคะแนนเสียงสองใบ ให้เหลือใบเดียว

 

จากฐานข้อมูลเดิมจากการ เลือกตั้งปี 54นำมาอธิบายเป็นตัวอย่าง  ในการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม จะนำเอาจำนวน ผู้ใช้สิทธิ์ทั้งหมดมาหารด้วยจำนวน สส. 500 ที่นั่ง ก็จะได้มาเป็นคะแนนเสียง สส.ต่อ หนึ่งคน โดยการนับคะแนนเสียงส.ส.เขต  ก็นับคะแนนไปเหมือนระบบเก่า ใครได้คะแนนสูงสุดของเขตนั้น ก็จะได้เป็น ส.ส.เข้าไปนั่งในสภา ส.ส.กลุ่มนี้มี 350 คน

          ส่วนอีก 150 คน วิธีการที่จะได้เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เริ่มจากนำคะแนนจากผู้สมัครทุกคน ในทุกเขต คือ 350 เขตทั่วประเทศมารวมกัน คะแนนของคนแพ้ก็เอามานับด้วย เรียกว่า “คะแนนตกน้ำ” ซึ่งปกติแล้วคะแนนคนแพ้จะทิ้งไปเลย คะแนนทั้งหมดที่ประชาชนไปลงคะแนน จะเป็นคะแนนเลือกตั้งของประเทศ

 

นำมาหักลบจำนวน “บัตรเสีย” และบัตรที่กา “โหวตโน” ออกไป ก็จะได้คะแนนดีที่เลือกผู้สมัครพรรคไหนก็ได้เป็น “คะแนนประเทศ” จากนั้นนำมาหารกับจำนวน ส.ส.ทั้งหมด คือ 500 คน เพื่อหาอัตราส่วนคะแนนว่า ส.ส.1 คน ควรจะได้คะแนนเท่าไร แล้วจึงนำตัวเลขที่ได้ไปคำนวณจำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่แต่ละพรรคจะได้รับอีกที

       

ดังนั้นจะเท่ากับว่าหากมีการย้ายออกจากพรรคเพื่อไทยของทั้ง3กลุ่มจริงดังว่า แน่นอนว่าทั้งว่าฐานเสียงของทั้ง3กลุ่ม ก็จะหายไปจึงทำให้เมื่อนำคะแนนรวมทั้งประเทศ ที่ใช้หาจำนวนส.ส.แบบปาร์ตี้ลิสต์ก็จะลดลงตาม  พูดง่ายๆว่า จำนวนส.ส.ทั้งแบ่งขตและปาร์ตี้ลิสต์ หายวับไปกับตา เรื่องนี้กระทบโดยตรงสำหรับพรรคเพื่อไทย และอาจเข้าขั้นวิกฤต แน่นอน  ส.ส.เพียงเสียงเดียวก็สำคัญ ในสภา