พร้อมยอมรับทุกเงื่อนไข ไม่ว่ามติที่ประชุมจะออกมาแบบใด

สื่บเนื่องจากกรณีที่ เมื่อวันที่ 25ก.ย. 61นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ได้เดินทางเข้า พบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหารือ เกี่ยวกับกระบวนการการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค โดยก่อนที่จะหารืออย่างเป็นทางการ นายอลงกรณ์ได้เข้าร่วมพูดคุยกับสภากาแฟของพรรคซึ่งมีทุกวันอังคารอยู่แล้ว โดยเป็นการพูดคุยถามทุกข์สุข มีอดีต ส.ส.หลายคน อาทิ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค นายเทพไท เสนพงษ์ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีต ส.ส กรุงเทพมหานคร.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส.ตรัง นายเจริญ คันธวงศ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายนิพนธ์ บุญญามณี ผู้ประสานงานสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

ศึกสามเส้า ชิงหัวหน้าประชาธิปัตย์ "หมอวรงค์" พร้อมสู้ ทุกเงื่อนไข!

 

โดยภายหลังจากการหารือ นายอลงกรณ์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ในการหารือนายอภิสิทธิ์ มีท่าทีรับฟังข้อเสนอที่จะให้สมาชิกพรรคทั้งหมด รวมทั้งที่ยังไม่ได้มายืนยันในช่วงเดือนเมษายน มีสิทธิลงคะแนนหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค โดยใช้วิธีนับทุกคะแนน หรือแบบวันแมนวันโหวต และให้ผู้ที่ลงสมัครชิงหัวหน้าพรรคต้องดีเบตแสดงวิสัยทัศน์ให้สมาชิกพรรคพิจารณาตัดสินใจ แต่หลักเกณฑ์ การรับรองจากอดีต ส.ส. น้ำหนักการหยั่งเสียงว่า จะใช้เกณฑ์ผู้ได้คะแนนสูงสุด หรือจะต้องได้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิหยั่งเสียงทั้งหมด จะต้องมีการปรึกษาหารือเพื่อหาข้อยุติในกติกาก่อนที่จะมีการหยั่งเสียง รวมถึงจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการการหยั่งเสียง ที่มาจากตัวแทน 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายของตน ฝ่ายของนายอภิสิทธิ์ และฝ่ายของ น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม  เพื่อมากำหนดกติกาต่างๆ ซึ่งจะมีการพูดคุยกันในช่วงสุดสัปดาห์นี้

 

"ผมพร้อมที่จะลงแข่งขัน แต่ต้องรอให้มีความชัดเจนในเรื่องกติกาก่อน ถึงจะมีการตัดสินใจอีกครั้ง เพราะเงื่อนไขบางอย่าง เช่น จำนวนสมาชิกที่จะรับรองจะต้องมีการผ่อนคลาย เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ที่ประชุมใหญ่เป็นผู้เลือกหัวหน้าพรรค จึงมีแนวคิดที่จะเสนอให้ ผู้เข้าแข่งขันทำสัญญาระหว่างกันว่า บุคคลใดไม่ได้คะแนนเสียงสูงสุดในการหยั่งเสียง ก็ให้ถอนชื่อออก เพื่อให้เหลือรายชื่อเดียวที่จะนำเสนอในที่ประชุมใหญ่ ซึ่งดูแนวโน้มแล้วนายอภิสิทธิ์ ก็เห็นด้วยกับแนวทางนี้"

 

นายอลงกรณ์ ยังระบุถึงกรณีที่มีข้อสังเกตว่า หากนายอลงกรณ์ได้รับเลือกก็ไม่สามารถลงสมัคร ส.ส.ได้นั้นว่า  ไม่ว่าตนแพ้หรือชนะ ก็จะกลับมาทำงานปฏิรูปพรรค โดยนำกฎเหล็ก 5 ข้อที่เสนอเพื่อให้การเมืองโปร่งใส มาพัฒนาพรรค และเห็นว่า ในอดีตการที่หัวหน้าพรรคเป็นส.ส. จะต้องทำงานในสภา เสมือนถูกมัดมือไว้ข้างหนึ่ง ซึ่งหากตนได้รับเลือก จะมอบหมายให้รองหัวหน้าพรรครับผิดชอบงานในสภา รับผิดชอบงานนโยบายของพรรค และมีผู้รับผิดชอบดูแลแก้ปัญหาให้กับประชาชนโดยเฉพาะ โดยตนจะลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชนด้วย

ศึกสามเส้า ชิงหัวหน้าประชาธิปัตย์ "หมอวรงค์" พร้อมสู้ ทุกเงื่อนไข!

 

“ผมยืนยันว่า ตั้งใจกลับมาทำงานการเมือง เพราะคิดถึงอนาคตประเทศ อนาคตพรรค มากกว่าอนาคตตัวเอง หากชนะการหยั่งเสียง ได้เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะฟื้นฟูสร้างรากฐานใหม่ให้กับพรรค โดยจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ยึดมั่นในกฎเหล็ก 5 ข้อ ไม่มีการซื้อเสียงหรือทุจริตการเลือกตั้ง ไม่หาเสียงโจมตีใส่ร้ายคนอื่น  ไม่รับทุนใต้โต๊ะทางการเมือง ไม่ต่อสู้นอกระบบโดยเด็ดขาด ต้องยึดมั่นระบบรัฐสภา ไม่คอร์รัปชั่นโดยเด็ดขาด และผมเชื่อมั่นว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็จะพลิกกลับมาชนะการเลือกตั้งได้ ” นายอลงกรณ์ กล่าว

 

ศึกสามเส้า ชิงหัวหน้าประชาธิปัตย์ "หมอวรงค์" พร้อมสู้ ทุกเงื่อนไข!

 

ล่าสุดทางด้านนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส. พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้สมัครท้าชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการหารือระหว่างนายอลงกรณ์ และนายอภิสิทธิ์ กติกาการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค ที่ทั้งคู่มีความเห็นพ้องร่วมกันในการเปิดกว้างให้สมาชิก กว่า 2 ล้าน 5 คน ที่ยังไม่ได้ยืนยันเป็นสมาชิก มีสิทธิร่วมโหวตหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคและสัญญาสุภาพบุรุษ ที่ผู้ได้คะแนนในลำดับที่ 2 และ 3 ต้องถอนตัวจากการชิงหัวหน้าพรรค ว่า ส่วนตัวไม่มีปัญหา พร้อมยอมรับทุกเงื่อนไข ไม่ว่ามติที่ประชุมจะออกมาแบบใด ก็จะปฏิบัติตาม สำหรับตัวเองในวันนี้แม้จะยังไม่ได้เป็นสมาชิกเนื่องจากไปบวชมาทำให้ขาดการเป็นสมาชิกภาพ แต่ก็ยังสามารถเข้าร่วมประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคได้ในฐานะอดีตส.ส. และหลังจากทราบระเบียบข้อบังคับใหม่แล้วก็จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคต่อไป