"ศาลฎีกา" พิพากษากลับ สั่งจำคุก "มือปืนป๊อปคอร์น" 37 ปี 4 เดือน

"ศาลฎีกา" พิพากษากลับ สั่งจำคุก "มือปืนป๊อปคอร์น" 37 ปี 4 เดือน

"ศาลฎีกา" พิพากษากลับจากชั้นอุทธรณ์ โดยยืนตามศาลชั้นต้น สั่งจำคุก "มือปืนป๊อปคอร์น" 37 ปี 4 เดือน


วันนี้ (7 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องพิจารณา 806 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาฎีกา คดีมือปืนป๊อบคอร์น หมายเลขดำ อ.1626/2557 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ และ "น.ส.เอื้องฟ้า แซ่ลิ้ว" บุตรสาวของ "นายอะแกว แซ่ลิ้ว" ผู้เสียชีวิต โจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง "นายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์" หรือ "มือปืนป๊อบคอร์น" อายุ 28 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่า, พยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมืองที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำอาวุธปืนออกนอกเคหะสถานภายในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 371, พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 8, 72 และ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 5, 6, 11, 18

 

คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2557 สรุปความผิดจำเลยว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2557 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกได้มีปืนเล็กยาวไม่ทราบชนิดและขนาด ติดตัวไปที่ทางแยกหลักสี่ เขตหลักสี่ ซึ่งเป็นพื้นที่ประกาศให้เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และยิงปืนเข้าไปในอาคารศูนย์การค้าไอทีสแควร์ ในการชุมนุมกลุ่ม กปปส. เพื่อสกัดผู้ชุมนุมกลุ่ม นปช. ที่จะเข้ามาปะทะกัน จนนายอะแกว แซ่ลิ้ว เสียชีวิต ส่วน น.ส.สมบุญ สักทอง นายนครินทร์ อุตสาหะ และนายพยนต์ คงปรางค์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย เหตุเกิดที่แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. จำเลยให้การปฏิเสธ

 

โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 3 มี.ค.2559 เห็นว่าพยานหลักฐานของอัยการโจทก์รับฟังได้ปราศจากข้อสงสัยว่า นายวิวัฒน์ จำเลย เป็นคนเดียวกับคนร้ายที่สวมชุดดำ และในมือสวมถุงกระสอบข้าวโพดสีเขียวเหลือง โดยการกระทำนั้นเป็นความผิดตามฟ้อง ให้จำคุกจำเลย 37 ปี 4 เดือน

 

ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างฎีกา เนื่องจากเห็นว่าคดีนี้มีพยานโจทก์หลายปาก แต่ไม่มีประจักษ์พยานมายืนยัน จึงยังมีข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดหรือไม่

จากนั้นทางด้านอัยการโจทก์และโจทก์ร่วมยื่นฎีกา ขอใหศาลลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น วันนี้ศาลเบิกตัวจำเลยจากเรือนจำมาฟังคำพิพากษา


โดยวันนี้ ศาลฎีกาพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบแล้วเห็นว่า นอกจากจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งได้ทำการสืบสวนพยานหลักฐานวงจรปิดของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่บริเวณแยกหลักสี่ กับภาพเคลื่อนไหวบันทึกเหตุการณ์จากอินเตอร์เน็ตบางส่วน ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ต่อเนื่องกัน จึงสืบทราบว่าคนร้ายชุดดำที่สวมหมวกไหมพรม ใช้อาวุธปืนสวมถุงกระสอบข้าวโพดสีเขียวเหลืองปิดบังอาวุปืน ยิงใส่กลุ่มผู้สนับสนุนการเลือกตั้งบริเวณไอทีแสควร์ โดยโจทก์ก็มีทั้งภาพเคลื่อนไหวและภาพนิ่งจากกล้องวงจรปิด และภาพบันทึกเหตุการณ์ในอินเตอร์เน็ต เปรียบเทียบบุคคลได้ชัดว่าเป็นตัวจำเลย และพี่ชายของจำเลยก็ให้การว่าบุคคลตามภาพมีลักษณะตรงกับจำเลย 

 

พยานหลักฐานที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาให้ยกฟ้องจำเลยนั้น ยังคลาดเคลื่อนไปจากพยานหลักฐานที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบมา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย จึงพิพากษากลับให้จำคุกตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นเวลา 37 ปี 4 เดือน