นายกฯตู่ ปรามม็อบอย่าก้าวล่วงสถาบัน ตอกหน้าสื่อตปท.ถามปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เชื่อเด็กคิดบริสุทธิ์

วันนี้ ( 19 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ถึงสถานการณ์ประเทศ โดยระบุว่า เรื่องที่ทุกคนอยากจะทราบคือ เรื่องการดำเนินการกรณีผู้ชุมนุม ซึ่งตนคิดว่าเป็นหลักการประชาธิปไตยของทุกประเทศ ตนเข้าใจ หลายคนมองตนว่ามาอย่างไร เผด็จการอย่างไร วันนี้อย่าลืมว่าเราเข้ามาด้วยกระบวนการประชาธิปไตย เรามีรัฐธรรมนูญ

วันนี้  ( 19 ส.ค.)  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ  ถึงสถานการณ์ประเทศ  โดยระบุว่า   เรื่องที่ทุกคนอยากจะทราบคือ เรื่องการดำเนินการกรณีผู้ชุมนุม   ซึ่งตนคิดว่าเป็นหลักการประชาธิปไตยของทุกประเทศ ตนเข้าใจ หลายคนมองตนว่ามาอย่างไร เผด็จการอย่างไร วันนี้อย่าลืมว่าเราเข้ามาด้วยกระบวนการประชาธิปไตย เรามีรัฐธรรมนูญ 

ส่วนที่จะแก้อะไรก็ไปว่ากันต่อไปในอนาคต แต่ขออย่าก้าวล่วงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน   ตนคิดว่าทุกประเทศก็คงเผชิญสถานการณ์แบบนี้มาด้วยกัน  ฉะนั้นสิ่งที่เรากังวลในขณะนี้ หากเกิดความวุ่นวายมากยิ่งขึ้น  ส่วนจะมีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่มีก็ตาม  ซึ่งทุกคนทราบดีอยู่แล้ว แ ละหลายคนก็บอกว่าไม่ใช่ ไม่ได้เกี่ยวข้อง  ไม่อะไรต่างๆ อย่างไรก็ตาม อยากให้มองไกลไปอีกหน่อย   นั่นคือ อนาคตของพวกเราทุกคนว่าอยู่ที่ไหน ที่ประเทศชาติใช่หรือไม่   ถ้าเกิดสถานการณ์บานปลายไปเรื่อยๆ และทุกคนมุ่งหวังให้เกิดความรุนแรง ให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ สิ่งที่จะเกิดตามมาคือ ความไม่สงบเรียบร้อย จะกลับไปสู่สถานการณ์เดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว 

 

“วันนี้อยากให้ทุกคนมองว่าเด็กๆ เหล่านั้นคือ พลังที่บริสุทธิ์   อาจจะมีส่วนหนึ่งที่ไม่เข้าใจ ส่วนหนึ่งอาจจะถูกชักนำ  ฉะนั้นขอให้ทุกคนมองถึงอนาคตเด็กๆ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ในวันนี้ต้องมองถึงอนาคตของเด็กในวันหน้า   ผมเห็นหัวข้อเรียกร้องมีมากขึ้นเรื่อยๆ หลายข้อซึ่งมีความเป็นไปไม่ได้  แต่อาจจะทำให้เด็กมีความคาดหวัง หลายเรื่อง และผมเห็นหลายสิบข้อที่ตามมา ยกเลิกการไหว้ครู  ไม่ต้องเคารพครู  พ่อแม่ก็ไม่ต้องเคารพ  ผมถามว่าถ้าไม่ใช่ผมแล้วเป็นคนอื่นที่เข้ามา   สิ่งที่มันเกิดขึ้นในลักษณะเช่นนี้ ในสถานการณ์แบบนี้ จะมีใครแก้ปัญหานี้ได้ต่อไป นั่นหมายความว่าประเทศเราก็ล่มสลาย แกนนำ หลักการต่างๆ ของประเทศชาติทั้งหมด ล้มไปทั้งหมด สถาบันครอบครัวล้ม สถาบันการศึกษา ครู ล้มหมด นี่หรือคืออนาคต”

 

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์  ยังได้กล่าวถึงการทำงานของสื่อมวลชน ว่า   อยากจะขอร้องสื่อ การที่สื่อให้ข่าว ขยายข่าว รีรันข่าว บางครั้งขอให้ดูข้อเท็จจริงด้วย ไม่ใช่พูดกันทั้งวันทั้งคืน ซ้ำแล้วซ้ำอีก รีรันบ่อยๆ มันทำให้รู้สึกว่ามากขึ้นหรือไม่   การมากขึ้นมันมากขึ้นตามจำนวนอยู่แล้ว   การประเมินสถานการณ์ของเราจะมากหรือน้อย ตนให้ความสำคัญทั้งหมด ไม่ว่าจะน้อย คนเดียว สองคน สิบคน ยี่สิบคน หรือหมื่นคน ตนให้ความสำคัญเท่ากัน 

 

เพราะทั้งหมดคือ ประเทศของเรา และการที่เราไปส่งเสริมให้มีการเคลื่อนไหว ขอให้มองอีกมุมหนึ่ง ถ้ามีคนที่เจตนาไม่บริสุทธิ์ต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้น ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ถามว่ากฎหมาย เจ้าหน้าที่เขาจะทำอย่างไร  เมื่อถึงเวลานั้น เด็กพวกนี้จะเป็นกันชนให้กับเขาหรือเปล่า  นั่นคืออันตรายที่จะเกิดกับเด็ก ขอให้ทุกคนได้สำนึกเรื่องเหล่านี้ไว้ด้วย และรัฐบาลไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาอยู่แล้ว จะเห็นว่าเราดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ เราไม่มีการห้ามการชุมนุม แต่ขอให้ชุมนุมโดยสันติ 

 

คำว่าสันติไม่ใช่เฉพาะแต่ในเรื่องการใช้อาวุธ หรือไม่ใช้อาวุธ ใช้ความรุนแรง  แต่รวมถึงการกล่าวด้วยความอาฆาตมาดร้าย ด่าหยาบคราย  ซึ่งสิ่งเหล่านี้ตนคิดว่าไม่เคยเกิดในสังคมไทย ฉะนั้น ขอร้องสื่อช่วยกันหยุดเสียบ้าง ไม่ได้หมายความว่าให้หยุดให้ข่าว เพียงแต่ต้องเตือนบ้าง ไม่ใช่เสนอข่าวทางนู้นทาง ทางนี้ทาง ให้เกิดข่าวไปเรื่อยๆ เปิดเวทีให้เรื่อยๆ คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้บ้านเมืองสับสนอลหม่านไปทั้งหมด วันนี้ทุกประเทศทราบดีอยู่แล้วว่าเรามีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ทุกประเทศ ทั้งอาเซียน ยุโรป ตะวันตก อะไรต่างๆ เห็นอยู่แล้วว่าทุกประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทั้งสิ้น

 

“ผมไม่อยากให้ใครมาใช้ประโยชน์ในช่วงนี้   ในช่วงที่ประชาชนยังมีความอ่อนไหว  การที่เรามาพูดถึงอนาคต คิดว่าเอาวันนี้ให้ผ่านก่อน  ว่าเราจะเดินหน้าของเราอย่างไร  วันนี้ทุกคนเอาแต่ละอันมาเชื่อมโยงไปหมด  ท้ายที่สุดรัฐบาลไม่ดี ผมถามว่ารัฐบาลที่ดีควรจะทำอย่างไร ท่านต้องไปหามาให้ผม อย่างข้อเรียกร้องทุกคนจบมาต้องมีงานทำ เงินเดือนๆ ละ 5 หมื่นบาท มีที่ไหนทำได้ อันที่สองผ่อนรถให้ทุกคน อันที่สามเก็บภาษีเฉพาะคนรวย 

 


สิ่งเหล่านี้มันไม่มีความเป็นไปได้ในข้อเท็จจริง ดังนั้น ขอฝากไปถึงบรรดาสถานศึกษา ครู อาจารย์ แม้กระทั่งนักการเมือง ที่มีความคิดต่างออกไป ซึ่งผมเคารพความเห็นต่างอยู่แล้ว จะเห็นได้ว่าช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าผมจะเป็นนายกฯสมัยไหนก็ตาม จะใช้อำนาจของผมให้น้อยที่สุด แต่วันนี้ก็ใช้อำนาจในกรอบของการบริหารราชการแผ่นดินตามปกติ เรื่องใดก็ตามที่มีความจำเป็นก็จะใช้ในเรื่องของการสาธารณสุข เพราะกฎหมายปกติดำเนินการไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไปยกเลิกกฎหมายปกติทุกอัน สิ่งนี้คือ สิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกคนที่ผมยอมรับ แต่การที่ก้าวล่วงคนอื่นมันเหมาะสมหรือไม่ อันนี้เป็นสิ่งที่สังคมไทยต้องไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง”
 

 

นายกฯตู่ ปรามม็อบอย่าก้าวล่วงสถาบัน ตอกหน้าสื่อตปท.ถามปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เชื่อเด็กคิดบริสุทธิ์

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์  ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้จะเห็นได้ว่าโลกเราเปลี่ยนแปลงไปเยอะ   พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูก   เพราะจะต้องไปสู้ในเรื่องของเศรษฐกิจ ฉะนั้นความใกล้ชิดจึงห่างไป อาจจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างวัย  ช่องว่างระหว่างผู้ปกครองกับเด็ก สิ่งเหล่านี้ต้องไปดูว่ามีใครฉวยโอกาสตรงนี้หรือเปล่า    ฉะนั้นสื่อจะต้องเข้าไปช่วยประเทศไม่ต้องมาช่วยตน เพราะตนไปพบกับสื่อมาทุกสื่อแล้ว   ไปอธิบายถึงเหตุผลและความจำเป็นในการที่ต้องทำงานในช่วงเวลานี้ เพื่อนำไปสู่อนาคตที่ปลอดภัยยั่งยืน ฉะนั้นทุกคนต้องพยายามเข้าใจกันบ้าง อย่าเสนอข่าวในแง่เดียว ให้เสนอ 2 ทางเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือกเอง ซึ่งตนก็จะถือว่าไม่เหมาะสมในสถานการณ์เวลานี้ ฉะนั้นขอฝากความรับผิดชอบไว้กับสื่อด้วย ต้องขอร้องในฐานะที่รักกัน 

 


จากนั้นสื่อมวลชนต่างประเทศจากสถานีโทรทัศน์ Channel 4 ซึ่งเป็นทีวีสาธารณะของอังกฤษ  ได้ซักถามว่าที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี   ยืนยันว่ามีการรับฟังเสียงของเด็กเด็กมาโดยตลอดแต่บนเวทีการชุมนุมก็ยังยืนยันว่านายกรัฐมนตรี    ไม่ได้รับฟังเสียงเรียกร้องจากพวกเขาที่มีหลายประเด็น   โดยเฉพาะข้อเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปสถาบัน จะสามารถตอบสนองได้มากน้อยเพียงใด  พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบว่า “ในเรื่องของสถาบัน พวกคุณต้องเข้าใจว่าสถาบันกับประเทศไทย  มีความสัมพันธ์กันอย่างไร เพราะฉะนั้นจะไม่ตอบในประเด็นนี้ เพราะผมเองก็ไม่เคยไปก้าวล่วงต่างประเทศ ไม่เคยไปสนับสนุนการเมือง   ที่มาเคลื่อนไหวในประเทศไทยต่อต้านประเทศอื่นๆไม่เคยสนับสนุนแบบนั้นผมต้องดำเนินนโยบายการต่างประเทศอย่างสมดุลย์”

 

ขณะเดียวกัน  พล.อ.ประยุทธ์  ยังกล่าวถึง  เรื่องของการปฏิรูปประเทศตนก็มีแผนและยุทธศาสตร์อยู่แล้วใน 6 ประเด็น ซึ่งเป็นอนาคตของเด็กๆทุกคน  “สำหรับการรับฟังความคิดเห็นของผมไม่ใช่ว่าที่ผมไม่ได้ไปคือการที่ผมไม่ได้ฟัง ผมสั่งจากข้อมูลในด้านต่างๆรวมทั้งจากสื่อโซเชียล หนังสือพิมพ์ ที่มีข้อเสนอต่างๆออกมาจำนวนมากก็เป็นวิธีการการรับฟัง ของผมอีกทางและผมก็ต้องหาวิธีการปฏิบัติที่เหมาะสม ดำเนินการอย่างไรไม่ให้เกิดการลุกลามบานปลาย ขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจว่าการชุมนุมทุกครั้งมีจุดมุ่งหมายด้วยกันทั้งสิ้น อาจจะทั้งดีและไม่ดีทุกคนคงทราบดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยในหลายปีที่ผ่านมาไม่ใช่เฉพาะปีที่ผมอยู่ในรัฐบาลที่สอง เหตุการณ์เกิดขึ้นมา 10 กว่าปีที่ผ่านมาแล้ว และคนที่อยู่เบื้องหลังคนเหล่านั้นก็เคยทำความเสียหายให้กับประเทศชาติบ้านเมืองมาโดยตลอด สื่อก็ต้องมองในมุมนี้ว่าความเสียหายที่ผมทำมันมีมากน้อยเพียงใด และที่ผมเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาผมได้ทำอะไรที่ทำให้ประเทศชาติหยุดชะงักบ้างหรือเปล่า ขณะเดียวกันการทุจริตต่างๆของผมโดยตัวของผมเองก็ไม่มี ก็ขอให้นำสิ่งเหล่านี้มาเปรียบเทียบและผมก็คิดว่าสิ่งที่ผมทำวันนี้ ผมได้ใช้สติปัญญาของผม  การรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนราชการ ภาคประชาชนแม้แต่นักเรียนนักศึกษาผมก็รับรู้ทุกข้อเรียกร้องของพวกเขา ขอร้องอย่างเดียวไม่อยากให้มาแตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนเคารพนับถือ อย่าลืมว่าคนไทยมี 67 ล้านคน การที่มาชุมนุมอาจจะดูมากหรือน้อยแต่ผมถือว่าประชาชนส่วนใหญ่เกือบทั้งประเทศไม่ได้เห็นด้วยกับการชุมนุมดังกล่าว ก็ต้องเปรียบเทียบให้ดู”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า    คนที่อาจจะเผลอไปคิดไม่ถึง  คิดไม่ได้ด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ของเด็กๆ  ถามว่าอันตรายต่อพวกเขาหรือไม่ แล้วเราจะมีอนาคตของเราแบบนี้หรือ ตนไม่ได้ขัดแย้งในเรื่องของการชุมนุม หากเป็นการชุมนุมเรียกร้องในสิ่งที่เป็นประโยชน์ หรือสิ่งที่ดำเนินการให้ได้ต้นก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม   อะไรที่มันไม่ได้เราก็ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ด้วย อย่าเรียกว่านักศึกษาทั้งหมดหรือนักเรียนทั้งหมดมันไม่ใช่  มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของคนในสังคม   แต่ตนก็ฟังพวกเขา   พยายามตอบคำถามให้ได้ว่าสิ่งเหล่านี้กำลังเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองของเรา    และเรากำลังเผชิญกับสถานการณ์วิกฤตอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจ ซึ่งตนต้องเดินหน้า ถ้าเดินหน้ารุมเร้าทั้งหมด ทุกอย่างก็จะพังไปทั้งหมดและต้นก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย แต่หลายคนอาจจะคาดหวัง ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

 


“ผมถามว่าเขาพร้อมหรือไม่ในการที่จะเข้ามาแก้ปัญหาเหล่านี้ มันจะนำพาท่านเสื่อมลงไปทั้งหมดหรือเปล่า แล้วในวันข้างหน้าจะควบคุมกันไหวหรือไม่ ตราบใดที่ยังมีเรื่องแบบนี้ขึ้นมา วันข้างหน้าก็จะมีอีกฝ่ายเกิดขึ้น แล้วดำเนินการเช่นนี้อีกเช่นกัน ผมถามว่าแล้วประเทศไทยจะอยู่อย่างไร ก็ขอให้เคารพความเป็นอัตลักษณ์ของประเทศไทยด้วย เรามีชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่คู่กับแผ่นดินเรามาหลาย 100 ปี  ไม่ใช่เพิ่งมีมาเพียง 2-3 วัน 

 


เรามีมาโดยตลอดหลายรัชกาล เรามีความเป็นมา 700 กว่าปีแล้วทุกคนมีการเรียนรู้ตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช  สถาบันพระมหากษัตริย์มีคุณูปการต่อประเทศไทยตลอดเวลา ขอร้องว่าอย่าลืมในสิ่งเหล่านี้ สิ่งที่เป็นพื้นฐานของประเทศ สิ่งที่เป็นพื้นฐานศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ สิ่งเหล่านี้จะต้องถูกทำลายหรือ ความแตกต่างของสถาบันเรากับสถาบันต่างประเทศ ทุกประเทศมีสถาบันมาตั้งแต่ก่อตั้งประเทศทั้งสิ้น แล้วสถาบันของเราทำแบบประเทศอื่นหรือไม่ ต้องกลับไปทบทวนตรงนี้ 

 


"ผมคิดว่าสิ่งที่พวกเขาเรียกร้องบางอย่างทำไม่ได้ สมมติว่าประเทศอังกฤษมีการเรียกร้องว่าเมื่อจบการศึกษามาแล้วจะต้องมีการใจงานเดือนละ 50,000 ดอลลาร์จะให้ได้หรือไม่ ก็คงไม่ได้ หรือข้อเรียกร้องไม่ต้องไหว้ครู ประเทศไทยมีแบบและธรรมเนียมปฎิบัติมาอยู่ วันนี้พยายามสร้างว่าครูเป็นลูกจ้างของเด็ก เป็นลูกจ้างของพ่อแม่ แต่วันนี้ลูกกับพ่อคิดเห็นไม่ตรงกัน ลูกประกาศตัดพ่อ  แล้วเราจะอยู่กันอย่างนี้หรือ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ประเทศล่มสลาย จากนั้นก็จะเกิดจลาจล และสงครามกลางเมืองต่อไป ผมไม่อยากให้ไปถึงจุดดังกล่าว สื่อมวลชนต้องช่วยผมตรงนี้ด้วย”

 

 

นายกฯตู่ ปรามม็อบอย่าก้าวล่วงสถาบัน ตอกหน้าสื่อตปท.ถามปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เชื่อเด็กคิดบริสุทธิ์