- 31 ต.ค. 2563
นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ทนไม่ได้ ขบวนการบ่อนทำลาย เดินหน้าทำลายพระเกียรติ ผ่านขบวนการปล่อยข่าวเฟคนิวส์ บิดเบือน ใส่ร้าย พระองค์ภาฯ
สืบเนื่องจากการที่มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง โพสต์ข้อความบิดเบือน ใสร้าย พระบรมวงศานุวงศ์ กระทั่งต่อมา กองทัพภาคที่ 1 ได้ชี้แจงผ่านช่องทางทวิตเตอร์ ว่า “Fake News พระองค์ท่านไม่เคยปล่อยช้าง มีแต่ปลูกอาหารช้างในป่าเพื่อไม่ให้ช้างลงมาหาอาหาร ข้อสังเกตคนตามน้อยมากแต่ retweet เยอะมาก”
ต่อมาในเพจเฟซบุ๊ก ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง ได้โพสต์ข้อความว่า "วันนี้ในทวิตเตอร์ ขบวนการ IO กำลังแต่งเรื่องโดยเอาเรื่องช้างป่าที่ออกจากป่ามาทำร้ายผู้คน ในแถบชลบุรี ว่าเป็นช้างที่พระองค์ภาฯ ทรงปล่อย แล้วออกมาทำร้ายชาวบ้าน เจ้าหน้าที่หรือชาวบ้านจะจัดการก็ไม่ได้ เพราะเป็นช้างของเจ้า
นี่คือหนึ่งในวิธีชั่วร้ายที่ใช้กันในโลกออนไลน์ในเวลานี้ เมื่อปฏิบัติการปั่น Fake News ได้บิดเบือนจากโครงการพัชรสุธาคชานุรักษ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นโครงการอนุรักษ์ป่าและช้าง เพื่อแก้ปัญหาช้างป่าหลุดมาทำร้ายชาวบ้าน ให้กลายเป็นเรื่องเล่าอีกแบบ... (แชร์ต่อกันไปเป็นหมื่นแล้ว) ก็รอดูกันครับว่าเจ้าหน้าที่ซึ่งมีหน้าที่ดูแลปัญหาเหล่านี้ จะทำอย่างไร หรือจะปล่อยผ่านๆ ไปแบบที่ทำกันมาตลอด 6 ปี
อ้างอิง:
https://www.royaloffice.th/.../%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8...
ขณะที่ในเพจเฟซบุ๊กของ นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ก็มีการแสดงความเห็นในประเด็นดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยระบุข้อความพร้อมแชร์ข้อมูลของเพจ "วันนี้ยุวชนคิดอะไรบ้าง" ว่า "ขบวนการบ่อนทำลายเริ่มหาเรื่องเจ้านายทีละพระองค์ ทำกันเป็นขบวนการปล่อยข่าวเฟคนิวส์ ช่วยกันแชร์ครับ"
ส่วนเพจเฟซบุ๊ก "วันนี้ยุวชนคิดอะไรบ้าง" ให้ข้อมูลว่า "เมื่อยุวชนทวิตเตอร์ทวิตกล่าวหาองค์ภาว่าเป็นคนปล่อยช้างเพื่อทำบุญกุศลใหญ่ แล้วตอนนี้ช้างเหยียบคนตายสิบกว่าศพ แล้วก็ตามสไตล์ยุวชนทวิตเตอร์ ไม่มีใครสอบหาความจริง กระโดดงับพร้อมด่ากันสนุกปาก ยอดรีไปหลักหมื่น ทั้งๆที่ช้างที่ก่อเหตุคือช้างป่า และที่สำคัญโครงการพัชรสุธาคชานุรักษ์ที่องค์ภาสานต่อไม่น่าจะมีการปล่อยช้างแต่เป็นโครงการที่จะป้องกันช้างไม่ให้ออกมารบกวนชาวบ้าน เฮ่อออ จบเรื่องวิ่งก็มาหาเรื่องกันด้วยเรื่องนี้อีก ยุวชนหรืออะไรวะเนี่ยกัดมั่วซั่วไปหมด"
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่า ผู้โพสต์ข้อความต้นทางได้ลบตัวเองออกจากบัญชีทวิตเตอร์ไปแล้ว
