Sculptra คืออะไร? ทำไมช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวได้ดี

Sculptra เป็นหัตถการชนิดหนึ่งที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิวให้มีความแข็งแรงมากขึ้น จากคุณสมบัติที่โดดเด่นด้านการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับมากยิ่งขึ้น การฉีด Sculptra จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวอ่อนแอ และมีริ้วรอยบนใบหน้า ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกันว่า Sculptra คืออะไร ไปจนถึงราคา Sculptra ว่าคุ้มค่าหรือไม่

• Sculptra คืออะไร? กระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวให้ฉ่ำวาว

Sculptra คือฟิลเลอร์ประเภทหนึ่งที่มีส่วนผสมหลักคือ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวอ่อนแอ และลดริ้วรอยบนใบหน้าได้อย่างล้ำลึก การฉีด Sculptra จะค่อย ๆ กระตุ้นให้ผิวฟื้นฟูตัวเองตามกระบวนการธรรมชาติ ผิวจึงดูอิ่มฟู กระชับ และเรียบเนียนขึ้นในระยะยาว

 

Sculptra 1 ขวดมีกี่ cc? คำตอบคือประมาณ 10 cc ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่สามารถกำหนดปริมาณที่ชัดเจนได้ว่า Sculptra ฉีดกี่ขวด เพราะปริมาณที่ต้องใช้นั้นจะขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและบริเวณที่ฉีดอันจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละคน

หลังฉีด Sculptra ผิวจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงภายใน 4-6 สัปดาห์ และผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี อย่างไรก็ตาม Sculptra ข้อเสียอาจจะมีอยู่บ้างเล็กน้อย เช่น อาจเกิดอาการบวม แดง หรือเจ็บในบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปและจะค่อย ๆ หายไปเองภายในไม่กี่วัน

 

• ฉีด Sculptra เหมาะกับใครบ้าง? อยากฉีด Sculptra ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ

การฉีด Sculptra ถือเป็นทางเลือกยอดนิยมทำเพื่อฟื้นฟูคอลลาเจนในชั้นผิว แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่เรียบเนียน มาดูกันว่า Sculptra เหมาะกับใครบ้าง

• ผู้ที่ต้องการกระตุ้นคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวจากภายใน
• ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ใบหน้าตอบ หรือขมับยุบ
• ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูอิ่มฟูและอ่อนเยาว์ขึ้น
• ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า
• ผู้ที่ต้องการปรับผิวให้มีความเรียบเนียน กระชับรูขุมขน
• ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงวัยที่คอลลาเจนเริ่มน้อยลง

• ข้อดีของการฉีด Sculptra ช่วยอะไรได้บ้าง?

Sculptra ไม่ใช่แค่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังช่วยทำให้ผิวค่อย ๆ ฟื้นฟูตัวเองจากภายใน ทำให้หลังฉีด Sculptra มีข้อดีหลายอย่าง ดังนี้

• ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 และชนิดที่ 3 ในชั้นผิว
• ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน
• ช่วยปรับผิวหน้าให้มีความอิ่มฟูและชุ่มชื้นมากขึ้น
• ช่วยให้ผิวแลดูสุขภาพดี สภาพผิวค่อย ๆ แข็งแรงขึ้น
• ช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใส กระชับ และเรียบเนียนยิ่งขึ้น
• เห็นผลลัพธ์หลังฉีดชัดเจนและอยู่ได้นานหลายปี
   

ฉีด Sculptra VS Radiesse แบบไหนดีกว่ากัน? เทียบกันชัด ๆ เลือกให้เหมาะกับเรา 
Sculptra และ Radiesse ต่างเป็นฟิลเลอร์ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยบนใบหน้า เรามาดูกันว่า Sculptra VS Radiesse แบบไหนดีกว่า

สรุปคือ หากต้องการฉีดคอลลาเจนและฟื้นฟูโครงหน้าแบบค่อยเป็นค่อยไป Sculptra จะตอบโจทย์ได้ดีกว่าในระยะยาว แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเติมเต็มใบหน้าได้ทันที Radiesse อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากกว่านั่นเอง

 

•  ดูแลตนเองหลังฉีด Sculptra อยากได้ผิวสวย ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ต้องทำตามนี้

 

หลังฉีด Sculptra การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คอลลาเจนในชั้นผิวถูกกระตุ้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง พร้อมช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานยิ่งขึ้น ควรปฏิบัติดังนี้

• นวดบริเวณที่ฉีดตามเทคนิค 5 - 5 - 5 (นวด 5 นาที วันละ 5 ครั้ง ต่อเนื่อง 5 วัน) เพื่อป้องกันการเกิดพังผืดหรือเป็นก้อน และช่วยให้ตัว Sculptra กระจายตัวไปตามส่วนต่าง ๆ ของใบหน้าได้ง่ายขึ้น
• งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพื่อป้องกันการอักเสบ บวม หรือติดเชื้อ
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนสูง เช่น การออกแดดแรง ๆ การเข้าอบซาวน่า การทำอบไอน้ำ หรือเลเซอร์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
• ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและช่วยให้ผิวฟื้นฟูได้เร็วขึ้น
• หากมีอาการบวมแดงหรือเจ็บ ให้ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม ลดรอยแดง

 

• บริการฉีดคอลลาเจน Sculptra ที่ APEX พร้อมเผยผิวสุขภาพดี 

Sculptra คือหัตถการที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้อย่างล้ำลึก ช่วยฟื้นฟูผิวหย่อนคล้อย เติมเต็มใบหน้าให้ดูอิ่มฟูและอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญคือผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 2 ปี โดยไม่ต้องฉีดบ่อยเหมือนฟิลเลอร์ทั่วไป

สำหรับใครที่กำลังมองหาคลินิกฉีด Sculptra แนะนำให้มาที่ Apex Beauty คลินิกเสริมความงาม มีบริการฉีด Sculptra โดยแพทย์เฉพาะทาง เผยผลลัพธ์ที่สวยแลดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งมีบริการด้านความงามด้านอื่น ๆ อีกมากมายที่ช่วยแก้ไขทุกปัญหาผิวที่สำคัญ อีกทั้งยังมีสาขาให้เลือกเข้าใช้บริการกว่า 50 สาขาทั่วประเทศ ให้คุณสามารถเลือกคลินิกใกล้บ้านเพื่อติดต่อขอประเมินผิวหน้ากับแพทย์ได้เลย