- 17 ต.ค. 2568
กองทุนรวม vs ลงทุนเอง: แนวทางเลือก 2025 แบบไหนเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าและตอบโจทย์มากกว่า ทั้งในแง่ความยืดหยุ่นและผลตอบแทนที่จะได้รับ
กองทุนรวม คือ การลงทุนประเภทหนึ่ง ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทำให้การลงทุนในกองทุนรวมถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ปลอดภัย ในยุคของโลกการเงินยุคใหม่
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนรวมก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่คุณควรพิจารณา และในบางกรณี คุณก็อาจเหมาะกับการลงทุนด้วยตัวเองเสียมากกว่า ลองดูแนวทาง พร้อมข้อเปรียบเทียบด้านล่างนี้ครับ
- ภาพรวม กองทุนรวมไทย 2025
จากการวิเคราะห์ของสื่อทางด้านการเงินอย่าง compareforexbrokers ระบุว่า “ปี 2025 นี้ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่มีความเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงินหลายแห่ง ทั้งในและนอกประเทศ รวมถึง กองทุนรวมในไทย ซึ่งเป็นผลกระทบจากนโยบายรัฐในแง่โครงสร้างภาษี และการแข่งขันในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ ของผู้ให้บริการทางการเงินทั้งหลาย”
- ตัวอย่างข่าวสารในวงการกองทุนรวม
นี่คือสรุปย่อการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่เกิดขึ้นในปีนี้
- หมดยุค SSF กองทุนรวมเพื่อการออม
กองทุน SSF ที่หลาย ๆ คนเลือกใช้เพื่อลงทุนและลดหย่อนภาษี ออกมาประกาศว่า กองทุนนี้จะไม่สามารถใช้ประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีได้อีกต่อไป ทำให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ) ไม่มีนโยบายรับคำสั่งซื้อกองทุน SSF ตั้งแต่ 2 มกราคม 2568 เป็นต้นไป
- Thai ESG ทางเลือกใหม่สำหรับการลดหย่อนภาษี
จากการหยุดให้บริการของ SSF ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า Thai ESG จะกลายเป็นตัวเลือกกองทุนลดหย่อนภาษีที่น่าสนใจในปี 2025 เพราะอนุญาตให้คุณสามารถลงทุนในกลุ่มธุรกิจ ESG ร่วมกับการใช้สิทธิหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้ (สูงสุด 300,000 บาท) แต่ต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 5 ปี
- Thai ESGX Fund ตัวเลือกใหม่จากรัฐบาล
อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่และผู้ที่ต้องย้ายการลงทุนจาก LTF แบบเดิมที่กำลังจะหมดอายุ นอกจาก Thai ESGX Fund จะให้คุณสามรารถลงทุนผ่านกลุ่มธุรกิจที่มี ESG สูง คุณยังจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงถึง 300,000 บาทต่อปี กำหนดระยะเวลาถือครอง 5 ปี
- กองทุนรวมดีอย่างไร?
โดยทั่วไปแล้วกองทุนรวมเป็นที่นิยมกว่าสำหรับนักลงทุนมือใหม่ เพราะกองทุนรวมจะมีผู้จัดการกองทุนและทีมวิจัยมืออาชีพคอยดูแล และยังถือเป็นวิธีการกระจายความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากเงินลงทุนของคุณจะถูกแบ่งไปลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายแบบ
นอกจาก สิทธิประโยชน์ทางภาษี คุณยังจะได้รับความสะดวกและปลอดภัยในการซื้อขายกองทุนรวมในไทย ที่สามารถทำได้ผ่านแอปของธนาคารหรือแอปพลิเคชันของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนรวมอาจมีต้นทุนที่สูงกว่าในการดูแลบริหารพอร์ต รวมทั้งสิ่งที่ปฎิเสธไม่ได้คือ การลงทุนประเภทนี้จะขาดความยืดหยุ่นในการตัดสินใจซื้อขาย นำมาซึ่งความเสี่ยงในการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Rate Risk) ได้
- กองทุนรวม vs ลงทุนเอง
ในกรณีที่คุณมีประสบการณ์ในการลงทุนมาบ้างแล้ว การลุงทุนด้วยตัวเองอาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า เพราะคุณจะมีอิสระในการเลือกลงทุนได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ หรือแม้กระทั่ง ETF, CFD หรือ คริปโต ด้วยโอกาสในการสร้างผลกำไรที่สูง ต้นทุนการบริหารที่ต่ำกว่า แต่ก็อาจะต้องแบกรับความเสี่ยงที่สูงกว่า หากตลาดนั้นยังไม่ได้รับการรับรองโดย ก.ล.ต. ของไทย
ลองดูตารางการเปรียบเทียบด้านล่างนี้ครับ
- เคล็ดลับเลือกซื้อกองทุน 2025
โดยรวมแล้วเทรนด์การลงทุนในปี 2025 ยังอยู่ในทิศทางบวกสำหรับนักลงทุนไทย นอกจากประโยชน์ในเรื่องค่าเงินบาทแล้ว คุณยังมีตัวเลือกการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้นอีกด้วย
- นักลงทุนมือใหม่ เริ่มจากกองทุนไหนดี ?
หากคุณเป็นมือใหม่ การเริ่มต้นจากกองทุนรวมประเภท กองทุนดัชนี (Index Fund) หรือกองทุน ESG ที่มุ่งเน้นความยั่งยืน เช่น SCBASF และ K-ESG-SF ค่อนข้างเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะมีความเสี่ยงต่ำ และใช้ประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีได้ (บางรายการ)
ซึ่งวิธีการลงทุนที่น่าสนใจยังคงเป็นแบบ DCA (Dollar-Cost Averaging) หรือการลงทุนเป็นงวดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเข้าตลาดผิดจังหวะครับ
กองทุนไหนที่เหมาะสำหรับนักลงทุนระดับกลาง ?
เมื่อคุณมีประสบการ์ณในระดับหนึ่ง และพร้อมรับความเสี่ยงในระดับที่สูงขึ้น การมองหากองทุนที่มีความเสี่ยงสมดุลและมีการเติบโตที่ดี เช่น K-GLOBE-A, SCBGINFRA-A หรือ KT-ESG-A ที่ให้ผลตอบแทน 6–10% ต่อปีโดยเฉลี่ย หรือการใช้กลยุทธ์การผสมผสานระหว่างกองทุนและ ETF ก็น่าสนใจไม่น้อย หากคุณยังไม่ต้องการเพิ่มความเสี่ยงที่สูงไป ดังเช่น การเทรดหุ้นรายตัว
- นักลงทุนมืออาชีพกับการเลือกกองทุนที่น่าสนใจ ?
กองทุนที่เหมาะกับนักลงทุนมืออาชีพควรเป็นกองทุนที่เปิดโอกาสให้สามารถลงทุนได้ในหลากหลายสินทรัพย์ หรือเป็นกองทุนที่มีการกระจายเชิงกลยุทธ์ เช่น K-GOLD-A หรือ TMBABOND เพราะนักลงทุนกลุ่มนี้มีความสามารถในการแบกรับความสี่ยงที่สูงกว่า เพื่อแลกกับผลตอบแทนที่มากขึ้น
- เมื่อไหร่ที่คุณควรเปลี่ยนกองทุนรวมที่ถืออยู่?
แม้กองทุนรวมจะมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่าการลงทุนประเภทอื่น คุณก็ควรใส่ใจดูผลตอบแทนของกองทุนอยู่เสมอ และดำเนินการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม เมื่อจำเป็น
สิ่งที่คุณควรนำมาพิจารณาคือ ผลตอบแทนของกองทุน หากมีจำนวนที่ต่ำกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมหรือดัชนีอ้างอิงติดต่อกันหลายปี ผมแนะนำให้คุณลองปรับพอร์ตหรือย้ายกองทุนครับ ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จำเป็นต้องคำนวณค่าธรรมเนียมการขายหน่วยและผลกระทบด้านภาษีให้รอบคอบก่อนตัดสินใจนะครับ
- สรุป
ในโลกของการเงินและการลงทุน ไม่มีตัวเลือกไหนที่ไม่มีความเสี่ยง และไม่มีสูตรการลงทุนใดที่ตายตัว ในฐานะนักลงทุน
การมองการกองทุนรวมที่น่าเชื่อสำหรับการลงทุน อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า หากคุณมีเวลาจำกัดและยังไม่มีประสบการณ์ในการวิเคราะห์ตลาดที่มากพอ
แต่ถ้าคุณมีเวลา ทักษะ และพร้อมรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้มากกว่า การลงทุนด้วยตัวเองอาจเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์มากกว่า ทั้งในแง่ความยืดหยุ่นและผลตอบแทนที่จะได้รับ
และจากประสบการณ์ของผม การรู้จักตัวเองร่วมกับการวางแผนการลงทุนและบริหารความเสี่ยงที่ดี จะเป็นตัวชี้วัดว่าคุณควรจะลงทุนสไตล์ไหน และการลงทุนแบบใดที่เหมาะสมสำหรับคุณครับ
- คำเตือน
บทความนี้ไม่ถือว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน และการลงทุนประเภทล้วนมีความเสี่ยง ซึ่งคุณควรศึกษาข้อมูลพร้อมวางแผนการลงทุนด้วยตัวเองเสมอ อย่าลืม ประเมิณความเสี่ยงก่อนการลงทุน!






