"ฉันจะลงไปหาเอง ไม่ต้องให้ขึ้นมาหรอก ให้เขาอยู่นั่นแหละ" เพราะความห่วงใยที่พ่อหลวงรัชกาลที่๙ มีต่อพสกนิกรเหมือนลูกๆของพระองค์

“ฉันจะลงไปหาเอง ไม่ต้องให้ขึ้นมาหรอก ให้เขาอยู่นั่นแหละ” เพราะความห่วงใยที่พ่อหลวงรัชกาลที่๙ มีต่อพสกนิกรเหมือนลูกๆของพระองค์

ในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในภาคอีสานครั้งแรก เมื่อวันที่ ๒ -๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๘ เป็นการเสด็จพระราชดำเนินที่สร้างประวัติศาสตร์เช่นกัน เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดเสด็จเยี่ยมราษฎรในภาคอีสานมาก่อนเลย เนื่องจากเส้นทางคมนาคมยังทุรกันดาร แม้ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เคยเสด็จไปถึงโคราชเมื่อมีทางรถไฟถึงและเป็นการเสด็จส่วนพระองค์  แต่การเสด็จในครั้งนี้ รัชกาลที่๙ ทรงให้ทางจังหวัดต่างๆที่เตรียมการรับเสด็จ ยึดถือหลักประหยัดหลักสำคัญให้มากที่สุด และขออย่าให้มีการเกณฑ์ราษฎรมารับ

ที่สถานีรถไฟนครราชสีมา ในวันนั้น ฝนซึ่งไม่ได้ตกในนครราชสีมาเป็นเวลานานแล้ว ก็โปรยลงมาขณะที่แดดยังอ่อนๆ มหาดเล็กนำพระมาลามาถวาย แต่ทรงปฏิเสธ ทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปในหมู่ราษฎรที่มาเฝ้าในสายฝน ทรงรับของถวายและทรงทักทายเป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตร ทรงพระเมตตาให้ราษฎรได้เฝ้าอย่างใกล้ชิดในบรรยากาศที่ชุ่มชื่นเป็นเวลาถึง ๒ ชั่วโมงกว่า ผู้เฒ่าผู้แก่ต่างยกมือขึ้นเหนือหัวกล่าวว่า “บารมีของในหลวงองค์นี้ล้นเหลือนัก เหมือนฟ้ามาโปรด แต่นี้ไปความแห้งแล้งจะหมดไปจากอีสานละ”  และที่อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา มีราษฎรมารอเฝ้าเป็นจำนวนมาก ขณะที่ประทับอยู่บนที่ว่าการอำเภอ ราษฎรจะขอนำของขึ้นมาถวาย พระบาทสมเด็จภูมิพลอดุลยเดชได้รับสั่งกับนายอำเภอว่า “ฉันจะลงไปหาเอง ไม่ต้องให้ขึ้นมาหรอก ให้เขาอยู่นั่นแหละ” แล้วเสด็จลงไปเยี่ยมอย่างใกล้ชิด ทรงห่วงใยในเรื่องน้ำทำนา ทรงซักถามเรื่องนี้เป็นพิเศษ มักจะรับสั่งถามว่า “ฝนแล้งขาดน้ำไหม ชลประทานช่วยดีไหม”

       ข่าวการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรภาคอีสานในครั้งนั้นได้แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว แม้สื่อการประชาสัมพันธ์สมัยนั้นยังไม่มีประสิทธิภาพนัก แต่การร่ำลือปากต่อปากก็ทำให้แพร่ไปอย่างทั่วถึง ประชาชนแม้ในถิ่นทุรกันดาร ก็ได้ชักชวนกันมาเฝ้า ทั้งในตัวเมืองที่กำหนดเป็นสถานที่รับเสด็จ หรือตามเส้นทางเสด็จผ่านทางถนนและทางรถไฟ แม้แต่บนยอดภูกระดึง ก็ยังมีราษฎรขึ้นไปเฝ้าชมพระบารมีกันมากมาย ด้วยปรารถนาที่จะเข้าเฝ้าชมพระบารมีอย่างใกล้ชิดที่สุด ซึ่งต่างก็ประทับใจในพระราชจริยาวัตรอันงดงาม และปลื้มปีติในพระมหากรุณาธิคุณ อันเป็นความทรงจำที่มีค่ายิ่งของชีวิต

ที่มา : จาก http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9590000104156

          CR.ภาพ คลังภาพพิพิธภัณฑ์นครราชสีมา

ข่าวโดย :  กิตติ ทีนิวส์  / สำนักพิมพ์ กรีนปัญญาญาณ/ ทีมข่าวปัญญาญาณ – ทีนิวส์