8 มค.รำลึก 22 ปี หลวงปู่ชอบละสังขาร ประมวลบารมีธรรม แม้เทวดา นาคา ยังศรัทธามาฟังธรรม ถวายอาหารทิพย์ ย้อนเล่าเมื่อพบพระอรหันต์ครั้งพุทธกาล

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th

8 มค.รำลึก 22 ปี หลวงปู่ชอบละสังขาร ประมวลบารมีธรรม แม้เทวดา นาคา ยังศรัทธามาฟังธรรม ถวายอาหารทิพย์ ย้อนเล่าเมื่อพบพระอรหันต์ครั้งพุทธกาล

 

วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๘ เป็นวันที่หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ละสังขาร สิริรวมอายุได้ ๙๕ ปี ๗๐ พรรษา ทางทีมข่าว ปัญญาญาณ ทีนิวส์ จึงขอร่วมรำลึก นำเอาบารมีธรรมแห่งองค์หลวงปู่ มาถ่ายทอดให้แฟนๆ ปัญญาญาณ ทีนิวส์ ให้ได้อ่านกัน เพื่อเผยแพร่บุญญาบารมีแห่งอดงค์หลวงปู่ ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง อีกทั้งเป็นการเพิ่มแรงศรัทธา ในการที่จะทำนุบำรุงพุทธศาสนา ตั้งใจรักษาศีล เจริญภาวนา ตามรอยพระศาสดา และเหล่าอริยสงฆ์ต่อไป

 

เทวดาขอถวายอาหารทิพย์

หลวงปู่ชอบได้มาพักทำความเพียรที่ถ้ำนายม จ.เพชรบูรณ์  ท่านได้เร่งความเพียรอย่างหนัก จนไม่สนใจกับการฉันอาหาร สังขารร่างกายของหลวงปู่ซูบผอมลงอย่างมาก วันหนึ่งได้มีเทวดาองค์หนึ่ง เข้ามากราบคารวะขออนุญาตถวายอาหารทิพย์

เทวดากราบเรียนหลวงปู่ว่า  ที่ท่านมาทำความเพียรอยู่ ณ ที่นี้ เทวดาได้คอยอารักขาท่านตลอดเวลา เหล่าเทพเทวดาที่อยู่บริเวณนั้นได้รับความสุขสงบร่มเย็นโดยทั่วกัน

ด้วยกระแสธรรมที่ท่านแผ่ไปให้ไม่มีประมาณ  แม้ใจของพระคุณเจ้าจะผ่องใส แต่ร่างกายของท่านอ่อนเพลีย อาจเป็นอุปสรรคให้ท่านล้มเจ็บลงได้  เทวดาทนดูอยู่หลายวันแล้วอดไม่ได้ วันนี้ต้องขออนุญาตถวายท่านด้วยอาหารทิพย์

หลวงปู่ถามว่าอาหารทิพย์เป็นอย่างไร เทวดาก็เนรมิตอาหารทิพย์ในมือให้ดู ลักษณะเหมือนแท่งดินสอพอง แต่มีลักษณะใสๆ  เทวดาบอกว่านี่ไม่ใช่อาหารธรรมดา ไม่ต้องอาศัยการเคี้ยวหรือกลืน เป็นเพียงโอชารสที่จะซึมซาบเข้าไปในร่างกายเท่านั้น

เทวดาจึงนำอาหารทิพย์นั้นมาถูให้ท่านทางกาย  ปรากฏว่า ร่างกายมีกำลังสดชื่น ราวกับได้ฉันอาหารตลอดเวลาในหลายๆวันที่ผ่านมา

เทวดายังได้เล่าถวายหลวงปู่อีกว่า ในอดีตชาติเคยเกิดเป็นคู่บารมีกันกับหลวงปู่  แม้จะอยู่กันคนละภพภูมิ แต่ก็ปรารถนาถวายอารักขาท่าน

เทวดามาเยี่ยมฟังธรรม

หลวงปู่ชอบ  ฐานสโม เป็นพระอรหันต์อีกรูปหนึ่ง ที่มีเหล่าเทพเทวดามาเยี่ยมฟังธรรมจากท่านเสมอ

หลวงปู่เล่าว่า เทวดามาเยี่ยมฟังธรรมท่านแต่ละครั้งมีจำนวนไม่แน่นอนมากบ้างน้อยบ้าง ไม่เหมือนพระอาจารย์มั่นผู้เป็นอาจารย์ของท่าน ที่มีเทวดามาฟังธรรมกับท่านอย่างล้นหลาม เครื่องนุ่งห่มของเทวดา ทั้งเบื้องบนเบื้องล่างที่มาในบางครั้งมีสีขาวล้วนบ้าง สีแดงล้วนบ้าง เป็นแบบเดียวกันทั้งหมดในชุดที่มา เวลาที่พวกเทวดาเข้ามาหาพระผู้ทรงศีลทรงธรรม หัวหน้าเทวดาที่พามาประกาศห้ามไม่ให้ใส่เครื่องประดับตกแต่งเข้าไปหาพระ ให้นุ่งห่มแบบเรียบๆ เหมือนพุทธมามกะชาวพุทธ

เทวดาแต่ละพวกที่มาชอบธรรมแตกต่างกัน  บางพวกชอบรับศีลก่อนฟังธรรม  บางพวกชอบฟังธรรมสังโยชน์เบื้องบน  บางพวกชอบฟังสังโยชน์เบื้องต่ำ บางพวกชอบฟังธรรมจักกัปปวัตนสูตร  พวกเทวดาก็ยังมีความรัก ความชอบอยู่เพราะยังไม่สิ้นกิเลส

8 มค.รำลึก 22 ปี หลวงปู่ชอบละสังขาร ประมวลบารมีธรรม แม้เทวดา นาคา ยังศรัทธามาฟังธรรม ถวายอาหารทิพย์ ย้อนเล่าเมื่อพบพระอรหันต์ครั้งพุทธกาล

พญานาคเทพนาคา

หลวงปู่ชอบท่านเคยธุดงค์ร่วมกันกับ หลวงปู่เหรียญ  วรลาโภ ในท้องที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  หลวงปู่เหรียญเล่าว่า อยู่มาวันหนึ่งขณะที่หลวงปู่ชอบกำลังภาวนา พอจิตสงบลง ก็เกิดแสงสว่างพุ่งไปสู่ทางจงกรมของท่าน ขณะนั้นปรากฏเห็นพญานาคตัวหนึ่ง โผล่มาที่หัวทางจงกรมนั้น

หลวงปู่ชอบ ก็ถามพญานาคว่ามาจากไหน เขาบอกว่าเขามาจากลำธารที่เชิงเขาลูกนี้ ท่านจึงถามพญานาคต่อว่า “ท่านชื่อว่าอย่างไร ”

พญานาคตอบว่า “ ข้าพเจ้ามีชื่อว่า เทพนาคา ”

พญานาคตนนี้มีขนาดใหญ่ และยาวมาก เมื่อเอาหัวโผล่ขึ้นที่ทางจงกรมแล้ว ก็เอาหางพาดไว้ที่ภูเขาอีกลูกหนึ่ง

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ จึงถามหลวงปู่ชอบว่า ลักษณะสีของพญานาคเป็นอย่างไร

หลวงปู่ชอบบอกว่า พญานาคนั้นมีหงอนสีแดง  มีแผงเหมือนม้า และลำตัวเป็นเกร็ดสีดำเลื่อม แสดงตัวให้ดูอยู่ครู่หนึ่งก็จมลงไปในที่เดิมนั้นเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก http://watthamsahai.com/

นอกเหนือจากเทวดา และเทพนาคา ที่อยู่ต่างภพภูมิแล้ว เรื่องราวแห่งบุญญาบารมีของหลวงปู่ชอบ ยังไม่จบเพียงเท่านั้น ท่านยังได้เคยพบปะกับพระอรหันตสาวกสมัยพุทธกาล และได้สนทนาธรรมกัน ดังในหนังสือ “วินาทีบรรลุธรรม อรหันต์มีจริง” โดยนักเขียน “เธียรนันท์”  ได้เล่าไว้ว่า

หลังจากพ้นพรรษาที่ถ้ำดอกคำ หลวงปู่ชอบมีความตั้งใจว่าจะธุดงค์เข้าพม่าให้จงได้ แม้จะทราบว่า เส้นทางป่าเขาฝั่งพม่าเต็มไปด้วยความยากลำบาก และถูกทัดทานจากสหธรรมิกหลายรูปก็ตาม  ท้ายที่สุด หลวงปู่ชอบจึงเดินธุดงค์เข้าเขตป่าพม่านานถึง ๓ ปี  ท่านเล่าว่า

“เมืองพม่านั้นมีมนต์เพรียกให้ไปเยี่ยมให้ได้ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรขวางกั้นก็ต้องไปให้ได้”

ซึ่งเสียงเพรียกที่เรียกนี้ก็มาจากส่วนหนึ่งในอดีตชาติของท่านที่เคยอยู่ในพม่านั่นเอง

หลวงปู่ชอบเดินธุดงค์ตามแนวป่าเขาในเขตแดนพม่า  ตลอดเส้นทางแทบจะไม่พบเจอผู้คนเท่าใดนัก  ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่เทวดาที่มาฟังธรรมในยามค่ำคืน  คราวใดที่ท่านปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะเดินจงกรม ทำสมาธิภาวนา หรือเจริญพระพุทธมนต์ กระแสแห่งธรรมเหล่านี้ก็จะแผ่กระจายสะเทือนไปทั่วทั้งไตรภูมิ รับรู้ได้ถึงสวรรค์ชั้นฟ้า

ในดินแดนที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังแห่งนี้เองได้บังเกิด “บทเพลงอรหันต์” อันเป็น “ธรรมสากัจฉา” คือ “ปุจฉา-วิสัชนา” อันลือลั่น ระหว่างหลวงปู่ชอบกับพระพากุลเถระและพระมหากัสสปเถระ สองพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาล  บทเพลงเสวนาธรรมในนิมิตนั้นเป็นบทจารึกธรรมที่ถูกบันทึกถ่ายทอดให้ลูกหลานชาวพุทธเข้าใจหลักธรรมได้กระจ่างชัดอีกครั้ง

บทสนทนาธรรมแห่งอรหันต์เริ่มต้นขึ้น เมื่อหลวงปู่ชอบได้เดินธุดงค์มาพักอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง และได้ทำบริขารชิ้นหนึ่งหายไปในช่วงกลางวัน  ตามหาเท่าไรก็ไม่เจอ จนเลิกล้มการค้นหา  พอพลบค่ำ ท่านนั่งสมาธิเจริญภาวนา กระทั่งยามดึกสงัดก็ปรากฏนิมิตแจ่มกระจ่างขณะที่ดำรงในองค์ภาวนา  ในนิมิตมีพระอรหันต์เถระท่านหนึ่งแสดงปาฏิหาริย์ลอยเหาะตรงมายังถ้ำแล้วหยุดอยู่ที่หน้าหลวงปู่ชอบ ทราบได้ทันทีว่ามีนามว่า “พระพากุละ” รูปร่างสูงขาว สวยงาม 

8 มค.รำลึก 22 ปี หลวงปู่ชอบละสังขาร ประมวลบารมีธรรม แม้เทวดา นาคา ยังศรัทธามาฟังธรรม ถวายอาหารทิพย์ ย้อนเล่าเมื่อพบพระอรหันต์ครั้งพุทธกาล

 

พระอรหันต์เข้ามาสอบถามว่า

“ท่านกำลังมองหาบริขารที่หายไปในช่วงกลางวันใช่หรือไม่”  (พลางชี้มือไปแล้วบอกว่า)  “อยู่ที่นั่น มิได้หาย ... ท่านลืมไว้ต่างหาก”

เช้าวันรุ่งขึ้น หลวงปู่ชอบเดินไปดูยังตำแหน่งที่พระพากุละบอก ซึ่งก็เห็นบริขารอยู่ตรงนั้นจริงๆ  สร้างความแปลกใจเป็นอย่างมาก

ในคืนวันนั้นเอง ทันทีที่หลวงปู่ชอบเข้าสมาธิก็เกิดนิมิตกระจ่างใสดังจันทร์เพ็ญ  ในนิมิตเห็นพระพากุละเหาะมาเยี่ยมท่านเหมือนคืนที่ผ่านมา  พระอรหันต์ได้สรรเสริญว่า ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สมเป็นพุทธทายาทของอริยวงศ์  จากนั้นจึงได้แสดงธรรมแก่ท่านโดยเน้นข้อ “ธุดงควัตร” โดยมีความดังนี้

“จงพยายามรักษาธุดงค์ไว้ให้มั่นคงต่อไป อย่าให้เสื่อมร่วงโรยไปเสีย  ธุดงควัตรเสื่อมเท่ากับศาสนาเสื่อม  แม้คัมภีร์ธรรมทั้งหลายยังมีอยู่ก็ไม่อาจทรงคุณค่าแก่ผู้สนใจเท่าที่ควร  ธุดงควัตรเป็นธรรมขั้นสูงมาก  ผู้รักษาธุดงค์ได้ต้องเป็นผู้มีจิตใจสูง

ท่านควรทราบว่า  พระอริยเจ้าทุกประเภทไปจากธุดงควัตรนี้ทั้งนั้น เพราะธุดงค์เป็นธรรมเครื่องทำลายกิเลสได้ทุกประเภท  ธุดงควัตรจึงเป็นทางเดินเพื่ออริยธรรม อริยบุคคล  คนไม่มีธุดงควัตรคือคนวัตรร้าง เช่นเดียวกับบ้านร้าง เมืองร้าง  อะไรก็ตาม ถ้าลงได้ร้างแล้วไม่เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาเลย

ท่านจงรักษาธุดงควัตรอันเป็นเครื่องทำลายกิเลสไว้ให้ดีและมั่นคง  อย่าให้เป็นพระวัตรร้าง เพราะจะเป็นทางรั่วไหลแตกซึมแห่งมรรคผลนิพพานที่ควรจะได้จะถึง  พระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลายบรรดาที่เลิศแล้วล้วนแต่รักษาธุดงควัตรกันทั้งนั้น  ใครประมาทธุดงค์ว่าไม่สำคัญ ผู้นั้นคือผู้หมดสาระสำคัญในตัวเอง  ท่านจงรักษาความสำคัญของตนไว้ด้วยธุดงควัตร

ผู้ที่มีธุดงควัตรเป็นผู้มีอำนาจทั้งภายนอกภายในอย่างลึกลับจับใจที่บอกใครไม่ได้ เป็นผู้เด่นในวงทวยเทพชาวไตรภพทั้งหลาย  มนุษย์และเทวดาทุกชั้นภูมิเคารพรักผู้มีธุดงควัตรประจำตัวอยู่  และไปที่ไหนไม่เป็นภัยแก่ตัวเองและผู้อื่น  มีแต่ความเย็นฉ่ำภายในทั้งกลางวันและกลางคืน

ธุดงควัตรเป็นธรรมลึกลับ ยากที่จะมองเห็นความสำคัญ ทั้งที่ธุดงควัตรเป็นธรรมสำคัญในศาสนามาดั้งเดิม  ธุดงควัตรเป็นหลักใหญ่แห่งพระศาสนา  ผู้ที่มีธุดงค์ประจำตัวคือผู้รู้ความสำคัญของตัวและรักษาถูกจุดแห่งความสำคัญได้ดี เป็นที่น่าชมเชยอย่างถึงใจ  ผู้ที่มีธุดงควัตรดีเป็นผู้มีจิตใจเมตตาอ่อนโยนในสัตว์ทั้งหลาย  ถ้ายังมีผู้ปฏิบัติธุดงควัตรอยู่ตราบใด ศาสนาก็ยังทรงออกทรงผลอยู่ตราบนั้น  เพราะธุดงค์เป็นทางที่ไหลมาแห่งมรรคและผลทุกชั้น  ไม่มีสถานที่ กาลเวลา หรือสิ่งใดๆ มาเป็นอุปสรรคกีดขวางทางเดินเพื่อมรรคผลนิพพานได้ ถ้าธุดงควัตรยังเป็นไปอยู่กับผู้ปฏิบัติทั้งหลาย

ท่านจงจดจำให้ถึงจิต คิดไตร่ตรองให้ถึงธรรม ถือธุดงควัตรดังกล่าวมา  อยู่ที่ใดไปที่ใดจะชุ่มเย็นอยู่กับตัวท่านเอง  ธุดงควัตรนี่แลคือบ่อเกิดแห่งธรรมทั้งหลายดังนี้”

ในนิมิตนั้น หลังจากพระพากุละแสดงธรรมเทศนาเป็นที่เรียบร้อยก็ได้จากไป  แต่ถึงแม้พระอรหันตเถระจะจากไปแล้ว ข้อธรรมที่ท่านได้แสดงไว้ก็ยังจารึกอยู่ในใจไม่รู้ลืม  หลวงปู่ชอบนำข้อธรรมที่เต็มไปด้วยความลุ่มลึกนั้นมาพิจารณาและรู้สึกว่า

“การดำเนินของเราคงไม่เป็นโมฆะในวงพระศาสนา  มิฉะนั้น พระอรหันต์องค์วิเศษคงไม่เหาะมาโปรดเมตตาให้เสียเวลา”

คิดได้ดังนี้ก็รู้สึกมีกำลังใจ เร่งความเพียรภาวนาอย่างเต็มที่

เรียบเรียงโดยเธียรนันท์ จากหนังสือ วินาทีบรรลุธรรม อรหันต์มีจริง 1

8 มค.รำลึก 22 ปี หลวงปู่ชอบละสังขาร ประมวลบารมีธรรม แม้เทวดา นาคา ยังศรัทธามาฟังธรรม ถวายอาหารทิพย์ ย้อนเล่าเมื่อพบพระอรหันต์ครั้งพุทธกาล

นำเสนอข่าว : ไญยิกา เมืองจำนงค์ (ทีมข่าวปัญญาญาณ ทีนิวส์)