โครงการสุดท้าย และบ้านของพ่อหลังสุดของพ่อหลวง รัชกาลที่ ๙ที่ยังไม่เคยได้ไปประทับ ในโครงการ #โครการราชดำริ

รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์   http://panyayan.tnews.co.th

โครงการสุดท้าย และบ้านของพ่อหลังสุดของพ่อหลวง รัชกาลที่ ๙ที่ยังไม่เคยได้ไปประทับ ในโครงการ #โครการราชดำริ

โครงการสุดท้าย และบ้านของพ่อหลังสุดของพ่อหลวง รัชกาลที่ ๙ที่ยังไม่เคยได้ไปประทับ ในโครงการ #โครการราชดำริ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ ผู้เป็นกษัตริย์นักพัฒนาของปวงชนชาวไทย พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรชีวิตความเป็นอยู่ของพสกนิกรตามภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศไทย ทำให้มีพระตำหนักในถิ่นทุรกันดารหลายแห่ง ซึ่งพระตำหนักตามต่างจังหวัดของพระองค์มักเป็นบ้านที่มีความเรียบง่าย ตามพระราชดำรัสพอเพียงที่ทรงสอนประชาชน ยิ่งตามต่างพื้นที่ที่ทุรกันดารมากๆ พระองค์จะไม่ได้ใช้ที่ดินเพื่อสร้างบ้านอย่างเดียว แต่จะทรงแบ่งพื้นที่สำหรับใช้เป็นพื้นที่วิจัยเพื่อพัฒนาที่ดินในย่านนั้นด้วย ทำให้ “บ้านของพ่อ” ในถิ่นทุรกันดารไม่เหมือนกับพระราชวังของกษัตริย์พระองค์ใด เพราะบ้านของพ่อจะไม่ใช่วิลล่าที่สวยงามแต่จะเป็นตำหนักที่ประทับทรงงานของท่านด้วย

โครงการสุดท้าย และบ้านของพ่อหลังสุดของพ่อหลวง รัชกาลที่ ๙ที่ยังไม่เคยได้ไปประทับ ในโครงการ #โครการราชดำริ
ติดตามข่าวเพิ่มเติมที่ :บทสรุปจากการทรงงาน“โครงการพระราชดำริเขาเต่า”ทรงบอกและให้อะไรมากมายแก่คนไทย และก่อเกิดนับพันกว่าโครงการถัดมา ลองมาทำความเข้าใจกับบทสรุปกัน

โครงการสุดท้าย และบ้านของพ่อหลังสุดของพ่อหลวง รัชกาลที่ ๙ที่ยังไม่เคยได้ไปประทับ ในโครงการ #โครการราชดำริ
บ้านทรงงานหลังสุดท้ายของพ่อ ณ บ้านเลขที่ 1 หมู่ 5 บ้านหนองคอกไก่ ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี บ้านพักส่วนพระองค์ใน”โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ” เป็นบ้านพักส่วนพระองค์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถือโฉนดและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน โดยทรงขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรทำไร่ ซึ่งมาทราบภายหลังจากที่ซื้อที่ดินแล้วว่าเป็นที่ดินผืนที่แห้งแล้งที่สุดในจังหวัดเพชรบุรี ภายในที่ดินมีเพิงเก่าอยู่หลังหนึ่งเลขตามทะเบียนเป็นเลขที่ 1 ด้วยความพอเพียงของพระองค์ท่านจึงโปรดให้ปรับปรุงเพิงหลังเก่าขึ้นมาเป็นบ้าน จนเป็นที่มาของบ้านเลขที่ 1 บริเวณบ้านรายล้อมไปด้วยแปลงปลูกพืชผักท้องถิ่นของจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นเสมือนแปลงทดลองเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจให้กับชาวบ้านในจังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดใกล้เคียง และยังมีฟาร์มปศุสัตว์ ซึ่งเปิดให้เยาวชนและประชาชนที่สนใจเข้ามาศึกษาเพื่อนำไปปรับใช้กับการเพาะปลูกพืชผลการเกษตรของตนเอง ทั้งยังทำให้ชาวบ้านมีรายได้จากการเป็นลูกจ้างที่เข้ามาช่วยกันดำเนินงานภายในต่างๆ ที่สำคัญยังมีอ่างเก็บน้ำหนองเสือสำหรับกักเก็บน้ำไว้ใช้ในโครงการด้วย
เหตุที่เรียกโครงการ “ชั่งหัวมัน” เกิดขึ้น เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯไปประทับที่พระราชวังไกลกังวล ทรงมีพระราชประสงค์ให้นำมันเทศที่ชาวบ้านนำมาถวายวางไว้บนตาชั่งแบบโบราณ ต่อมาพระองค์ก็เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯโดยไม่ได้นำมันกลับไปด้วย พอพระองค์เสด็จพระราชดำเนินกลับไปยังพระราชวังไกลกังวลอีกครั้งจึงพบว่า มันเทศที่วางบนตาชั่งมีใบงอกออกมา จึงรับสั่งให้นำหัวมันนั้นไปปลูกใส่กระถางไว้ในวังไกลกังวล แล้วทรงมีพระราชดำรัสให้หาพื้นที่เพื่อทดลองปลูกมันเทศ “พระองค์ท่านมองว่า ถึงเป็นที่ดินที่แห้งแล้ง ก็น่าจะเอามันมาปลูกขึ้นได้ง่าย” รองเลขาธิการพระราชวัง คุณดิสธร วัชโรทัย กล่าวไว้ในรายการเจาะข่าวเด่น 
โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 รวมเนื้อที่ทั้งหมด 250 ไร่ แต่เดิมผืนดินมีสภาพเสื่อมโทรมและกันดาร โครงการที่เกิดขึ้นจึงมีจุดประสงค์ในการก่อตั้งเพื่อพลิกฟื้นดินที่แห้งแล้งให้กลับมาสมบูรณ์ มีเป้าหมายเพื่อสร้างให้เป็นศูนย์รวมพืชเศรษฐกิจ โดยให้ชาวบ้านและภาครัฐเข้ามาแลกเปลี่ยนแนวคิดเพื่อช่วยกันดูแล เพื่อทำให้ดูว่าแม้พื้นที่ที่ยากที่สุดแก่การทำการเกษตร ก็ทำให้อุดมสมบูรณ์ได้ เพื่อแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกร
นอกจากแม่แบบด้านการเกษตรแล้ว ยังมีกังหันลมผลิตไฟฟ้า ตามนโยบายรัฐบาลที่ใช้พลังงานทดแทนผลิตกระแสไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จะดำเนินการเข้ามารับซื้อพลังงานสะอาดที่ได้นี้ต่อไป ไฟฟ้าพลังงานสะอาดไม่ได้ใช้หมุนเวียนในไร่ ผลิตได้เท่าไร จะเอาไปหักลบกับพลังงานที่ใช้ ทุกเดือนจะมีเงินเหลือ การไฟฟ้าฯ ก็ตีเช็คกลับคืนมา เป็นรายได้อีกทางหนึ่งของโครงการด้วย นอกจากนี้ยังมี Solar Cell เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้เป็นแบบทดลองตัวอย่างแก่เกษตรกรโดยรอบ

โครงการสุดท้าย และบ้านของพ่อหลังสุดของพ่อหลวง รัชกาลที่ ๙ที่ยังไม่เคยได้ไปประทับ ในโครงการ #โครการราชดำริ
ติดตามข่าวเพิ่มเติมที่ :เผยภาพ โฉนดที่ดิน "ในหลวง" ที่ด่านซ้าย ทรงซื้อด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อเป็นศูนย์พัฒนาปศุสัตว์ตามพระราชดำริ 

โครงการสุดท้าย และบ้านของพ่อหลังสุดของพ่อหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่ยังไม่เคยได้ไปประทับ ในโตรงการ #โครการราชดำริ
รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์   http://panyayan.tnews.co.th

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ ผู้เป็นกษัตริย์นักพัฒนาของปวงชนชาวไทย พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรชีวิตความเป็นอยู่ของพสกนิกรตามภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศไทย ทำให้มีพระตำหนักในถิ่นทุรกันดารหลายแห่ง ซึ่งพระตำหนักตามต่างจังหวัดของพระองค์มักเป็นบ้านที่มีความเรียบง่าย ตามพระราชดำรัสพอเพียงที่ทรงสอนประชาชน ยิ่งตามต่างพื้นที่ที่ทุรกันดารมากๆ พระองค์จะไม่ได้ใช้ที่ดินเพื่อสร้างบ้านอย่างเดียว แต่จะทรงแบ่งพื้นที่สำหรับใช้เป็นพื้นที่วิจัยเพื่อพัฒนาที่ดินในย่านนั้นด้วย ทำให้ “บ้านของพ่อ” ในถิ่นทุรกันดารไม่เหมือนกับพระราชวังของกษัตริย์พระองค์ใด เพราะบ้านของพ่อจะไม่ใช่วิลล่าที่สวยงามแต่จะเป็นตำหนักที่ประทับทรงงานของท่านด้วย
ติดตามข่าวเพิ่มเติมที่ :
----------------------
บ้านทรงงานหลังสุดท้ายของพ่อ ณ บ้านเลขที่ 1 หมู่ 5 บ้านหนองคอกไก่ ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี บ้านพักส่วนพระองค์ใน”โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ” เป็นบ้านพักส่วนพระองค์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถือโฉนดและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน โดยทรงขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรทำไร่ ซึ่งมาทราบภายหลังจากที่ซื้อที่ดินแล้วว่าเป็นที่ดินผืนที่แห้งแล้งที่สุดในจังหวัดเพชรบุรี ภายในที่ดินมีเพิงเก่าอยู่หลังหนึ่งเลขตามทะเบียนเป็นเลขที่ 1 ด้วยความพอเพียงของพระองค์ท่านจึงโปรดให้ปรับปรุงเพิงหลังเก่าขึ้นมาเป็นบ้าน จนเป็นที่มาของบ้านเลขที่ 1 บริเวณบ้านรายล้อมไปด้วยแปลงปลูกพืชผักท้องถิ่นของจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นเสมือนแปลงทดลองเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจให้กับชาวบ้านในจังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดใกล้เคียง และยังมีฟาร์มปศุสัตว์ ซึ่งเปิดให้เยาวชนและประชาชนที่สนใจเข้ามาศึกษาเพื่อนำไปปรับใช้กับการเพาะปลูกพืชผลการเกษตรของตนเอง ทั้งยังทำให้ชาวบ้านมีรายได้จากการเป็นลูกจ้างที่เข้ามาช่วยกันดำเนินงานภายในต่างๆ ที่สำคัญยังมีอ่างเก็บน้ำหนองเสือสำหรับกักเก็บน้ำไว้ใช้ในโครงการด้วย
เหตุที่เรียกโครงการ “ชั่งหัวมัน” เกิดขึ้น เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯไปประทับที่พระราชวังไกลกังวล ทรงมีพระราชประสงค์ให้นำมันเทศที่ชาวบ้านนำมาถวายวางไว้บนตาชั่งแบบโบราณ ต่อมาพระองค์ก็เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯโดยไม่ได้นำมันกลับไปด้วย พอพระองค์เสด็จพระราชดำเนินกลับไปยังพระราชวังไกลกังวลอีกครั้งจึงพบว่า มันเทศที่วางบนตาชั่งมีใบงอกออกมา จึงรับสั่งให้นำหัวมันนั้นไปปลูกใส่กระถางไว้ในวังไกลกังวล แล้วทรงมีพระราชดำรัสให้หาพื้นที่เพื่อทดลองปลูกมันเทศ “พระองค์ท่านมองว่า ถึงเป็นที่ดินที่แห้งแล้ง ก็น่าจะเอามันมาปลูกขึ้นได้ง่าย” รองเลขาธิการพระราชวัง คุณดิสธร วัชโรทัย กล่าวไว้ในรายการเจาะข่าวเด่น 
โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 รวมเนื้อที่ทั้งหมด 250 ไร่ แต่เดิมผืนดินมีสภาพเสื่อมโทรมและกันดาร โครงการที่เกิดขึ้นจึงมีจุดประสงค์ในการก่อตั้งเพื่อพลิกฟื้นดินที่แห้งแล้งให้กลับมาสมบูรณ์ มีเป้าหมายเพื่อสร้างให้เป็นศูนย์รวมพืชเศรษฐกิจ โดยให้ชาวบ้านและภาครัฐเข้ามาแลกเปลี่ยนแนวคิดเพื่อช่วยกันดูแล เพื่อทำให้ดูว่าแม้พื้นที่ที่ยากที่สุดแก่การทำการเกษตร ก็ทำให้อุดมสมบูรณ์ได้ เพื่อแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกร
นอกจากแม่แบบด้านการเกษตรแล้ว ยังมีกังหันลมผลิตไฟฟ้า ตามนโยบายรัฐบาลที่ใช้พลังงานทดแทนผลิตกระแสไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จะดำเนินการเข้ามารับซื้อพลังงานสะอาดที่ได้นี้ต่อไป ไฟฟ้าพลังงานสะอาดไม่ได้ใช้หมุนเวียนในไร่ ผลิตได้เท่าไร จะเอาไปหักลบกับพลังงานที่ใช้ ทุกเดือนจะมีเงินเหลือ การไฟฟ้าฯ ก็ตีเช็คกลับคืนมา เป็นรายได้อีกทางหนึ่งของโครงการด้วย นอกจากนี้ยังมี Solar Cell เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้เป็นแบบทดลองตัวอย่างแก่เกษตรกรโดยรอบ
ติดตามข่าวเพิ่มเติมที่ :
โครงการสุดท้าย และบ้านของพ่อหลังสุดของพ่อหลวง รัชกาลที่ ๙ที่ยังไม่เคยได้ไปประทับ ในโครงการ #โครการราชดำริ
โครงการชั่งหัวมันฯ เป็นการบริหารทรัพยากรแบบบูรณาการ โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด ขณะเดียวกันก็พยายามเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับประชาชนโดยทั่วไป แล้วให้ภาครัฐและชาวบ้านร่วมดูแลด้วยกัน เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิด ทำให้เกิดความรู้ทางการเกษตรที่ยั่งยืน  เป็นตัวอย่างการทำการเกษตรที่ประสบความสำเร็จในพื้นที่แห้งแล้ง ปัจจุบันนี้จากอ่างเก็บน้ำหนองเสือที่เคยแห้งแล้ง สามารถใช้เป็นที่เก็บกักน้ำขนาด 280,000 ลบ.ม. เพื่อกระจายน้ำใช้ในไร่ทั้งหมด  ผลผลิตจากการทำวิจัยในการปลูกพืชและการทำเกษตรแบบอุตสาหกรรม ส่งผลให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจากโครงการมากมาย ที่พระองค์ให้จำหน่ายในโครงการชื่อร้านว่า Golden Place ไม่ได้ไปจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไปเพื่อไม่ให้ไปแย่งลูกค้ากับชาวบ้าน
แต่พระองค์ยังไม่เคยได้ประทับ เนื่องจากในช่วงที่กำลังก่อสร้างพระองค์เริ่มประชวร ปัจจุบันบ้านหลังนี้สร้างเสร็จแล้ว เป็นที่ตั้งที่สามารถเห็นบรรยากาศโดยรอบของโครงการชั่งหัวมันทั้งหมด

โครงการสุดท้าย และบ้านของพ่อหลังสุดของพ่อหลวง รัชกาลที่ ๙ที่ยังไม่เคยได้ไปประทับ ในโครงการ #โครการราชดำริ
ขอบคุณข้อมูลจาก โครงการชั่งหัวมัน , manageronline , รายการเจาะข่าวเด่น และนสพ. บ้านเมือง
ติดตามข่าวเพิ่มเติมที่ :น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระราชดำริโครงการฝนหลวง 14 พฤศจิกายน "วันพระบิดาแห่งฝนหลวง" (รายละเอียด) 
ข่าวโดย :  กิตติ จิตรพรหม ทีนิวส์  / สำนักพิมพ์ กรีนปัญญาญาณ/ ทีมข่าวปัญญาญาณ – ทีนิวส์