- 30 ส.ค. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th/
ในเรื่องของการเสาะหาชิ้นส่วนหรือวัตถุมงคลที่เกิดขึ้นจากพญานาคนั้น ในอดีตก็เคยเป็นข่าวฮือฮามาแล้ว ในกรณีวัดแห่งหนึ่ง ให้ข่าวว่าพบเจอ "หงอนพญานาค" สร้างความแตกตื่นให้ชาวบ้านกันอยู่พักใหญ่ และเดี๋ยวนี้ก็ยังเห็นเกลื่อนอยู่ในโลกโซเชียล พร้อมกับคำยืนยันว่า "ปัจจุบันก็ยังหาข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้" ทั้งที่เรื่องนี้ อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ก็ได้เคยออกมาบอกกับสังคมแล้วว่า "หงอนพญานาค" ที่แท้จริงแล้วก็เป็นเพียง "ซากกระดูกฟันกรามช้าง" นั่นเอง
(ภาพที่อ้างว่าเป็น หงอนพญานาค)
(ฟันกรามช้าง)
หรือ อีกครั้งที่เคยฮือฮากันในอดีต คือภาพของทหารอเมริกาจับพญานาคได้ในแม่น้ำโขง ทำให้ชาวบ้านมากมายในสมัยนั้น หลับหูหลับตาเชื่อ เพราะด้วยสื่อบางสำนักก็ช่วยเล่นข่าวนี้ ถึงขั้นลงพื้นที่สืบหาความจริงกันเลยทีเดียว ชาวบ้านบางคนนำรูปขึ้นหิ้งบูชาแทน พระพุทธรูปก็มี พอตอนหลังเทคโนโลยีเริ่มกว้างขึ้น ทำให้ภาพดังกล่างถูกแฉว่านั่นไม่ใช่ พญานาค อย่างที่เราเข้าใจ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบในเอ็นไซโคลพิเดีย บริเทนนิกา ระบุว่า ปลาชนิดนี้เรียกชื่อสามัญว่า “คิง ออฟ เดอะ เฮอร์ริ่ง” หรือ “ออร์ ฟิช” มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า “รีกัลเลคุส เกลสเน” อยู่ในวงศ์ “รีกัลซิเด”
(ภาพที่เชื่อว่า จับพญานาคได้)
(ภาพ ปลาออร์ ฟิช)
หรือไม่ว่าจะเป็นรอยประหลาดคล้ายรอยพญานาคเลื้อยขึ้นรถยนต์ ที่เป็นข่าวโด่งดังมากออกโทรทัศน์ทุกช่อง ถึงกับขั้นไม่ยอมล้างรถกันเลยทีเดียว แต่ผลสุดท้ายจากการเปิดกล้องวงจรปิด กลับเป็นแค่แมลงตัวหนึ่งที่เดินวนไปวนมาบนฝากระโปรงรถนั่นเอง
(ภาพที่เชื่อว่ารอยพญานาคคลาน)
(ภาพจากกล้องวงจรปิดที่เฉลยทุกอย่าง)
แม้ว่าสิ่งต่างๆที่เกี่ยวกับพญานาค ที่เกิดขึ้นในโลกบนภพภูมิที่เราอยู่อาศัยกันจะเป็นเรื่องหลอกลวงแทบทั้งนั้น แต่ในด้านพุทธศาสนา พญานาคถือว่าว่ามีส่วนร่วมมาตั้งแต่ โบราณกาล มีในหนังสือแทบทุกเล่มในการอุ้มชูอุปถัมภ์ศาสนาโดยกล่าวกันว่า พญานาค นั้น เป็นเจ้าแห่งงู แต่ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ เพราะ เป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่ก็จัดอยู่ฝ่ายสุคติภูมิ อยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา พญานาคนั้นแบ่ง ออกเป็น 4 ตระกูลใหญ่ คือ
ตระกูลวิรูปักษ์ พญานาคตระกูลสีทอง
ตระกูลเอราปถ พญานาคตระกูลสีเขียว
ตระกูลฉัพพยาปุตตะ พญานาคตระกูลสีรุ้ง
ตระกูลกัณหาโคตมะ พญานาคตระกูลสีดำ
พญานาคเกิดได้ทั้ง 4 แบบ คือ
แบบโอปปาติกะ เกิดแล้วโตทันที
แบบสังเสทชะ เกิดจากเหงื่อไคล สิ่งหมักหมม
แบบชลาพุชะ เกิดจากครรภ์
แบบอัณฑชะ เกิดจากฟองไข่
พญานาคชั้นสูงเกิดแบบโอปปาติกะ เป็นชนชั้นปกครอง ที่อยู่ของพญานาคมีตั้งแต่ในแม่น้ำ หนอง คลอง บึงต่างๆ ในอากาศ จนไปถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา พวกพญานาคอยู่ในการปกครองของท้าววิรูปักษ์ ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้านทิศตะวันตก เหตุที่มาเกิดเป็นพญานาคเพราะทำบุญเจือด้วยราคะ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา ก็เป็นคนละกรณีกันกับ เรื่องว่าพญานาคมีจริง หรือไม่!!!
พญานาคนั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในภพภูมิของมนุษย์ ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานทั่วไปที่สามารถพบเจอได้ด้วยตาเปล่า หรือออกมาเล่นน้ำให้คนทั่วไปได้เห็นกันอย่างที่เคยเป็นข่าวคราวในอดีตมากมาย
ว่ากันตามจริงแล้ว ไม่มีใครสักคนที่จะรู้เรื่องนี้อย่างแท้จริง ได้แต่เก็บเอาเรื่องราวจากตำนานบ้าง ปากคำครูบาอาจารย์ พระอริยะบ้าง แต่หากใครได้เชื่อมั่นในคำสอนทางพระพุทธศาสนาแล้ว ก็เป็นที่มั่นได้ว่า พญานาคนั้นมีจริงอย่างแน่นอน เพียงแต่อยู่ในอีกภพภูมิหนึ่ง ซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นจับต้องได้
หากเราเชื่อมั่นในพระอริยเจ้า ปากคำหลวงปู่หลวงพ่อ ที่เล่าสืบทอดกันต่อๆ มา ก็จะไม่เพียรตามหาพญานาคให้ป่วยการ เพราะการสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตภพภูมิอื่นนั้น เป็นความสามารถของจิตที่ฝึกมาดีแล้ว ละเอียดอ่อนลึกซึ้งถึงขนาดติดต่อได้ไม่ว่าจะภพภูมิใดๆ ซึ่งเป็นเรื่องเกินกำลังสำหรับมนุษย์ธรรมดาจะมองเห็นได้ด้วย “ตาเนื้อ”
ความสามารถเหล่านี้ ย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ในหมอดูกำมะลอ หรือ ร่างทรง 18 มงกุฎ ทั่ทวไป การรื้อถอนบ้านเพียงเพื่อหวังให้ลูกหายเจ็บป่วยในกรณีที่เป็นข่าวนี้ ถือว่าเป็นเรื่องน่าสงสาร น่าเห็นใจเป็นที่สุด ที่ต้องตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพที่หากินมิชอบ และถือเป็นบทเรียนราคาแพง ที่สังคมควรได้รับทราบเพื่อไม่ให้ใครต้องมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้อีก