ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

อัศจรรย์เป็นที่สุด!! เมื่อ "หลวงปู่คำคะนิง" แสดงฤทธิ์ต่อ "หลวงพ่อปาน" เสกหวาย..กลายเป็นงูใหญ่พุ่งฉกเข้าหาคณะพระธุดงค์ จนเกิดศึกอาคมขึ้น!!

             หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี เป็นชาวบ้านคำม่วน ตำบลคำม่วน ประเทศลาว เกิดปี พ.ศ. ๒๔๓๗ บวชเป็นพระฤาษี พ.ศ.๒๔๗๑ อุปสมบทเป็นพระภิกษุ พ.ศ.๒๔๙๒ มรณภาพเมื่อเดือน เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๗ สิริอายุ ๙๑ ปี  ก่อนที่จะบวชเป็นพระฤาษี ก็ถือศีลปฏิบัติธรรมเคร่งครัด ศึกษาวิชาจากพระอาจารย์ผู้ทีชื่อเสียงมาตลอด ครั้นถึงเวลาบวชเป็นพระฤาษีก็มุ่งเดินธุดงค์แสวงหาความเร้นลับ ศึกษาเวทย์วิทยาคมจากจากพระอาจารย์ที่โด่งดัง จากฆราวาสผู้มีวิชาเกรียงไกร ทั้งจากประเทศลาว ประเทศกัมพูชา และประเทศไทย เป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จังหวัดพระนครศรีอยุทธยา หลวงปู่ได้พระคัมภีร์จากหลวงปู่รูปหนึ่งที่ภูเขาอีด่าง ในตำรานั้นประมวลพระคาถา สามารถย่นระยะทางได้ เดินบนผิวน้ำได้ เหาะเหินเดินอากาศได้ บันดาลฝนให้มีลมพายุแรงได้ ทำตัวให้หนักสามารถจมเรือลำใหญ่ๆได้ แต่คัมภีร์นี้แปลกมหัศจรรย์ที่สุดคือ ใครมีคัมภีร์ไว้ในครอบครอง เพียงแค่นึกคิดให้เกิดอะไรก็จะบังเกิดขึ้นในฉับพลันทันใดโดยไม่ต้องท่องพระคัมภีร์ หากใครคิดจะสวดพระคัมภีร์จะบังเกิดเหตุพายุฝน ฟ้าผ่าทันที ถือเป็นอัศจรรย์ยิ่ง

อัศจรรย์เป็นที่สุด!! เมื่อ "หลวงปู่คำคะนิง" แสดงฤทธิ์ต่อ "หลวงพ่อปาน" เสกหวาย..กลายเป็นงูใหญ่พุ่งฉกเข้าหาคณะพระธุดงค์ จนเกิดศึกอาคมขึ้น!!

             เมื่อหลวงปู่คำคะนิงเดินธุดงค์ผ่านเข้าเขตเชียงตุงในเขตป่าใหญ่เทือกเขาแห่งหนึ่งเป็นภูเขาคิน มีอุโมงค์พอที่จะเป็นที่พักพิง หลวงปู่ท่านจึงคิดในใจว่าจะเอาที่ตรงนี้เป็นที่ตายโดยจะไม่ให้ใครเห็นแม้แต่ซากศพของท่านเอง หลวงปู่ท่านได้อยู่มาถึงหนึ่งพรรษา หลังจากผ่านไปประมาณเดือนห้าหรือเดือนหก หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้พาคณะธุดงค์ผ่านมาในเขตเชียงตุง  มาพบหลวงปู่คำคะนิงในป่าลึก

ครั้นเมื่อพบกัน  หลวงพ่อปานก็พูดขึ้นว่า
"เออ...นี้พระหรือคน"

หลวงปู่คำคะนิงได้ยิน  ก็เกิดโมโหเดือดดาลขึ้นมาทันที  แล้วพูดขึ้นว่า
"ได้พระนะมันอยู่ที่ไหน  เฮ้ย...พระมันอยู่ที่ไหนวะ"

หลวงพ่อปานท่านก็ย้อนตอบว่า
"อ้าว ก็เห็นผมยาว  ผ้าก็อีหรุปุปะสีเหลืองก็ไม่มี แล้วใครเขาจะรู้ว่าพระหรือคน"

หลวงปู่คำคะนิงท่านก็ถามหลวงพ่อปานว่า
"พระมันอยู่ที่ผมหรือวะ "  หลวงพ่อปานตอบว่า "ไม่ใช่"

หลวงปู่คำคะนิงท่านก็ถามหลวงพ่อว่า
"พระมันอยู่ที่ผ้าเหลืองหรือวะ"  หลวงพ่อปานตอบว่า  "ไม่ใช่"

หลวงปู่คำคะนิงก็ถามอีกว่า
"แล้วพระมันอยู่ที่ไหนเล่า"

หลวงพ่อปานก็ตอบว่า
"พระน่ะอยู่ที่ใจสะอาดนะซิ"

หลวงปู่คำคะนิงท่านก็เลยหันมาตะคอกเข้าใส่เอาว่า 
"ถ้าอย่างนั้นก็เสือกถามทำไมล่ะวะพระหรือคน"

หลวงพ่อปานท่านก็เลยตอกกลับให้ว่า
"เห็นผมเผ้ายาวรุงรังอย่างนั้นนี่ใครจะไปรู้เล่า"

หลวงปู่คำคะนิงก็ยังไม่หายโมโห  เลยกระแทกให้ว่า 
"ก็ในเมื่อพระไม่ได้อยู่ที่ผม  ไม่ได้อยู่ที่ผ้าแล้ว  เสือกมาถามทำไม  ทำไมไม่ดูใจคน  ไอ้พระบ้านพระเมือง  พระกินข้าวชาวบ้านแบบนี้อวดดีมันจะต้องเห็นดีกัน"

 

อัศจรรย์เป็นที่สุด!! เมื่อ "หลวงปู่คำคะนิง" แสดงฤทธิ์ต่อ "หลวงพ่อปาน" เสกหวาย..กลายเป็นงูใหญ่พุ่งฉกเข้าหาคณะพระธุดงค์ จนเกิดศึกอาคมขึ้น!!

          หลวงปู่คำคะนิงพูดจบ ท่านเดือดโมโหจัดก็เลยหันไปคว้าเอาหวายอันยาวร่วมวา ขว้างผลุงไปตรงหน้าหลวงพ่อปาน อัศจรรย์เป็นที่สุด ไม้หายไปกลายเป็นงูตัวยาวใหญ่พุ่งฉกเข้าหากลุ่มพระธุดงค์หลวงพ่อปานแตกฮือหลบฉากไปแอบอยู่ข้างหลังพ่อปานกันหมด ต่างก็แปลกใจไปตามๆ กันไม้ไหงกลายเป็นงู

          อัศจรรย์มาก ใบไม้ของหลวงพ่อปานก็กลายเป็นนกตัวใหญ่โฉบเอางูของหลวงปู่คำคะนิงหายไปทั้งงูแลนกใหญ่  พองูตกลงมาถึงพื้นดินงูนั้นก็กลายเป็นช้างใหญ่ ส่วนของหลวงพ่อปานก็กลายเป็นเสือต่อสู้กันต่างฝ่ายต่างก็บันดาลให้เป็นสัตว์ร้าย ต่อสู้กันเต็มไปหมด ยังไม่มีใครแพ้ ชนะ ต่างคนต่างบันดาลลมพายุฝนเข้ากระหน่ำกันจนทำให้ฝุ่นตลบไปหมดในบริเวณนั้น เวลาผ่านไปครึ่งค่อนวัน ก็หามีใครแพ้ชนะไม่ จนต่างฝ่ายต่างเหนื่อยอ่อน ทำอะไรกันไม่ได้

 

อัศจรรย์เป็นที่สุด!! เมื่อ "หลวงปู่คำคะนิง" แสดงฤทธิ์ต่อ "หลวงพ่อปาน" เสกหวาย..กลายเป็นงูใหญ่พุ่งฉกเข้าหาคณะพระธุดงค์ จนเกิดศึกอาคมขึ้น!!

             ในที่สุดหลวงปู่คำคะนิงและหลวงพ่อปานต่างก็นั่งลงหัวเราะกันด้วยความขบขัน หลังจากนั้นหลวงปู่คำคนิงก็บอกคณะธุดงค์ของหลวงพ่อปานว่าข้าสองคนนี้เป็นเพื่อนกัน  พระธุดงค์ลูกศิษย์หลวงพ่อปานก็เข้าไปกราบหลวงพ่อคำคะนิง ท่านก็เอามือลูบศรีษะพระทุกองค์ด้วยความเมตตา หลวงพ่อปานก็บอกกับหลวงปู่คำคะนิงว่าพระพวกนี้เขาอยากเห็นของจริงก็เลยพาเขามาให้เห็นเสีย พระพวกนี้เขาก็เป็นคนจริงเสียด้วย

             หลวงปู่คำคะนิงก็เลยบอกว่า ข้าน่ะไม่ได้เก่งอะไรหรอก อาจารย์แกเขาเก่งอยู่แล้ว เมื่อพูดจบหลวงพ่อปานก็บอกว่าตัวท่านเองไม่เก่งหรอกสู้หลวงปู่คำคะนิงไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอม ให้ใครเป็นอาจารย์กันผลสุดท้ายตกลงเป็นเพื่อนกันในระหว่างพักแรมด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างโต้ตอบถามธรรมะแก่กันทั้งฝ่ายถามฝ่ายแก้ก็หาได้แพ้ชนะกันไม่ สลับถามตอบกันไปกันมา จนต่างฝ่ายเลิกถามกันไปเอง หลวงพ่อปานและคณะธุดงค์ได้พักอยู่กับหลวงปู่คำคะนิงหลายวันพอสมควร จึงได้แยกย้ายจากกัน

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.baanjompra.com