ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป!! ๓๓๗ วัน พลังแห่งความจงรักภักดี "น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย" เปิดใจ.. พสกนิกรคนสุดท้ายที่กราบลาพ่อของแผ่นดิน !!

           จากวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ ที่ทางสำนักพระราชวังออกประกาศ เรื่อง การถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีใจความว่า

ด้วยสำนักพระราชวังได้รับพระราชานุญาตในการเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ดังนี้

๑.พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนทั่วไปเข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ทุกวันตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐-๑๖.๐๐ น. ในการนี้ ได้จัดสมุดหลวงลงนามถวายความอาลัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย

๒.พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนได้เข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายหลังจากการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบ ๑๕ วัน ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น. ทุกวัน เริ่มตั้งแต่วันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๓.๐๐ น.

๓.พระราชทานพระราชานุญาตให้ภาคต่างๆ ทั้งบุคคล คณะบุคคล ภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญพระราชกุศล สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ภายหลังจากการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบ ๕๐ วัน

 

ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป!! ๓๓๗ วัน พลังแห่งความจงรักภักดี "น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย" เปิดใจ.. พสกนิกรคนสุดท้ายที่กราบลาพ่อของแผ่นดิน !!

 

           จนมาถึงวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๐ ซึ่งวันสุดท้ายของการเปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ภายในพระบรมมหาราชวัง เสร็จสิ้นลงเมื่อเวลาประมาณ ๐๒.๔๐ น. ของวันที่ ๖ ตุลาคม ยอดรวม ๓๓๗ วัน กว่า ๑๒ ล้านคน และผู้ที่ได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชก็คือ คุณกุลวดี นภากร พนักงานการบินไทย

ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป!! ๓๓๗ วัน พลังแห่งความจงรักภักดี "น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย" เปิดใจ.. พสกนิกรคนสุดท้ายที่กราบลาพ่อของแผ่นดิน !!

ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป!! ๓๓๗ วัน พลังแห่งความจงรักภักดี "น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย" เปิดใจ.. พสกนิกรคนสุดท้ายที่กราบลาพ่อของแผ่นดิน !!

ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป!! ๓๓๗ วัน พลังแห่งความจงรักภักดี "น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย" เปิดใจ.. พสกนิกรคนสุดท้ายที่กราบลาพ่อของแผ่นดิน !!

         

        เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนปิดให้ขึ้นกราบสักการะ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปนมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ภายหลังสำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมศพได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ ๒๘ กันยายน จนถึงเวลา ๒๔.๐๐ น. ของวันที่ ๕ ตุลาคม ประชาชนจากทั่วภูมิภาคต่างหลั่งไหลมายังบริเวณสนามหลวงด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน แม้รู้ว่าต้องต่อแถวยาวเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง

         โดยบริเวณจุดคัดกรองหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ แถวยาวตลอดถนนราชดำเนินไปจนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยจุดนี้เจ้าหน้าที่เริ่มทยอยปิดประตูคัดกรองตั้งแต่เวลา ๒๔.๐๐ น. แต่ยังมีประชาชนรอด้านหน้าจุดคัดกรอง เจ้าหน้าที่จึงขยายเวลาปิดให้ประชาชนบางส่วนเดินทางเข้ามาถวายบังคมพระบรมศพจนถึงคนสุดท้าย

          ทั้งนี้ประชาชนกลุ่มสุดท้ายที่ได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เดินออกจากพระบรมมหาราชวัง หลังเวลาประมาณ ๐๒.๔๐ น.ของวันที่ ๖ ตุลาคม โดยทุกคนที่ได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพในช่วงวันสุดท้ายนี้ต่างแสดงความอาลัย ในหลวงรัชกาลที่ ๙ จนถึงวินาทีสุดท้าย และทันทีที่ประชาชนกลุ่มสุดท้ายเดินพ้นประตูวังเจ้าหน้าที่ได้ปิดประตูวิเศษไชยศรี เป็นการสิ่้นสุดการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ แต่ประชาชนจำนวนมากยังไม่ได้เดินทางกลับ พากันไปนั่งพนมมือหันหน้าเข้าหากำแพงวัง พร้อมเปล่งเสียงร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ

 

 

ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป!! ๓๓๗ วัน พลังแห่งความจงรักภักดี "น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย" เปิดใจ.. พสกนิกรคนสุดท้ายที่กราบลาพ่อของแผ่นดิน !!

          สำหรับพสกนิกรคนสุดท้ายที่ได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ นั้น คือคุณกุลวดี นภากร พนักงานการบินไทย โดยเธอได้เปิดเผยว่า การเข้ากราบพระบรมศพครั้งสุดท้ายนี้ เป็นครั้งที่ ๗ ที่ได้เข้าไปกราบพระองค์ท่าน ก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพร่วม ๒ ครั้ง และรวมกับมาในนามส่วนตัวอีก ๔ ครั้ง รอบล่าสุดคือเมื่อคืนนี้เวลาประมาณตีหนึ่งครึ่งก็มารอต่อแถวกราบปรากฎว่าหางแถวยาวไปถึงวัดสระเกศภูเขาทอง และวันนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเลยเข้ามาลองดูอีกครั้งก็ถือว่าโชคดี ที่ได้เข้ามากราบอีก ไม่คาดคิดว่าจะเป็นคนสุดท้ายที่เข้ามากราบ เพราะตั้งใจอยากจะกราบท่านอยู่เรื่อยๆ ไม่คิดว่าวันนี้จะมีโอกาสได้กลับมาอีก เพราะได้ฟังข่าวว่าวันนี้แถวสั้นลง ซึ่งเมื่อเดินทางมาทุกครั้งก็ได้เห็นภาพคนไทยเราสามัคคีช่วยเหลือมีน้ำใจต่อกันประทับใจทุกครั้ง ก่อนหน้านี้เป็นจิตอาสามาแจกขนมกับบริษัทการบินไทยอยู่เรื่อยๆ และนอกจากนี้เธอยังได้เปิดเผยอีกว่า ชีวิตนี้จะขอน้อมนำพระราชดำรัสของในหลวง ไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต และตลอดชีวิตนี้คงไม่ลืมพระองค์ท่าน ซึ่งในช่วงวันพระราชพิธี ถ้ามีโอกาสก็อยากจะอยู่ให้ใกล้ท่านที่สุด  ซึ่งเพื่อนๆที่บริษัทการบินไทยได้จองโรงแรมรัตนโกสินทร์ไว้พักก็ตั้งใจจะอยู่ตรงนี้ด้วยเช่นกัน

 

ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป!! ๓๓๗ วัน พลังแห่งความจงรักภักดี "น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย" เปิดใจ.. พสกนิกรคนสุดท้ายที่กราบลาพ่อของแผ่นดิน !!

         อย่างไรก็ตาม ในขณะที่นักข่าวเกือบทุกสำนักกำลังสัมภาษณ์อยู่นั้น บังเอิญไปเห็นคุณแม่ท่านหนึ่งวิ่งอุ้มลูกเข้าประตูมาเป็นคนสุดท้าย (จริงๆ) จึงตามไปดู คุณแม่อุ้มลูกร้องไห้เข้ามาโดยมีพี่นักข่าวที่เห็นรีบวิ่งไปตามท้ายขอสัมภาษณ์ คุณแม่บอก

"ไม่เอาค่ะ ไม่คุยค่ะ ขอโทษนะคะ"

 

ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป!! ๓๓๗ วัน พลังแห่งความจงรักภักดี "น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย" เปิดใจ.. พสกนิกรคนสุดท้ายที่กราบลาพ่อของแผ่นดิน !!

         วิ่งไปน้ำตาไหลไปตื้นตันที่ได้เข้า จนพี่นักข่าวตามไปทันขอสัมภาษณ์ คุณแม่พูดไปร้องไห้ไป "คนไทยรู้สึกทุกคนแหละค่ะ ขอให้ครั้งนึงในชีวิตได้มากราบ" คุณแม่บอกว่ามาช้าเพราะรถติดเป็นชั่วโมง เดินทางมาจากบ้านที่สุวรรณภูมิโดยรถแท็กซี่ คุณแม่ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆและขอพี่ๆนักข่าวว่าพอแล้วค่ะ ขอโทษค่ะ และเดินจากไปในฝูงชน เด็กน้อยที่ได้เป็นคนสุดท้ายจริงๆ แม่อุ้มมา เปียกฝนก็ทน โตขึ้นจดจำไว้นะลูกว่าได้มากราบลาพ่อของแผ่นดิน

ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป!! ๓๓๗ วัน พลังแห่งความจงรักภักดี "น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย" เปิดใจ.. พสกนิกรคนสุดท้ายที่กราบลาพ่อของแผ่นดิน !!

          ทั้งนี้ทางสำนักพระราชวัง ก้ได้สรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาถวายบังคมพระบรมศพ ในวันที่ ๕ ตุลาคม ยอดรวม ๙๐,๓๔๖ คน และตั้งแต่สำนักพระราชวัง เปิดให้ประชาชนเข้าถวายบังคมพระบรมศพ ตลอด ๓๓๗วัน คือเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ - ๕ ตุลาคม ๒๕๖๐ รวมยอด ๑๒,๗๓๙,๕๓๑ คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน ๖,๔๓๗,๙๙๙.๒๕ บาท รวม ๓๓๖ วัน เป็นเงินทั้งสิ้น ๘๘๒,๕๒๘,๒๘๒.๐๑ บาท

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : Workpoint

ขอขอบคุณภาพโดย : สมาชิกพันทิป BIG TG  อ้างอิงจากพสกนิกรคนสุดท้าย ที่ได้กราบลาพ่อ

                             Bigg Sirirojwong