"ไม่รู้ก็บอกไม่รู้ อยากรู้ก็ไปพิสูจน์" ฉะกันโซเซียลเดือด "ดราม่าร่างทรงเสด็จเตี่ย" อย่าสรุปฟังธง เพราะความไม่รู้ของตัวเอง !!

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

\"ไม่รู้ก็บอกไม่รู้ อยากรู้ก็ไปพิสูจน์\" ฉะกันโซเซียลเดือด \"ดราม่าร่างทรงเสด็จเตี่ย\" อย่าสรุปฟังธง เพราะความไม่รู้ของตัวเอง !!

           

          สืบเนื่องจากวันที่ วันที่ 19 ธันวาคม ที่ผ่านมาซึ่งถือเป็นวันประสูติของ เสด็จเตี่ย หรือ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ นั้น ได้มีกระแสมากมายในโซเชียลออกมาถึงความเหมาะสมหรือไม่ในการลงทรงของเสด็จเตี่ย มีการแชร์กันจนเป็นกระแสขึ้นในโซเชียล ซึ่ง ทั้งเพจ "คุณท้าวศรีสุวรรณภิรมย์ภักดี"  และ เฟสบุ่๊คของ ม.จ. จุลเจิม ยุคล (Chulcherm Yugala) ได้นำเสนอเรื่องราวออกไปนั้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม : ("ดราม่าร่างทรงเสด็จเตี่ย" !! ศิษย์ในสำนักแจง...ประเพณีปีละครั้ง ไม่หวังทำเป็นธุรกิจ...พร้อมเปิดตำหนักให้พิสูจน์ทุกข้อกล่าวหา !!)

 

ทั้งนี้นักเขียนชื่อดัง แนวจิตวิญญาณ "ทิพยจักร" ได้ออกมาชี้แจงผ่านเฟสบุ๊คว่า

          มีหลายท่านส่งข่าวส่งคลิปเรื่องร่างทรงเสด็จในกรมของบุคคลผู้นี้มามาก ผมเองก็รู้จักบุคคลผู้นี้ รวมถึงน้องๆผมหลายท่านก็รู้จัก และจากการไล่เปิดดูคลิปการแสดงพฤติกรรมหลายอย่าง ซึ่งผมสรุปได้ว่าคนผู้นี้ทรงปลอมครับ

บางประโยคพูดออกมาว่า "อย่ามาทำตาเซ็กซี่ พ่อใจอ่อนไหว" คำพูดแบบนี้ไม่สมควรออกจากปากคนทำหน้าที่ครับ

ประเด็นอย่างการแต่งกายเช่นกันแต่งแค่ครั้งเดียวก็ถือว่าไม่สมควร และไม่อาจนำไปเทียบกับดารา ที่เขาแสดง เพราะการแสดงทุกคนก็รู้ว่าคือเรื่องไม่จริง แต่สภาวะคนทรงไม่ใช่เรื่องการแสดงละครนะครับ ถ้าการทรงคือการแสดงละครนั้นหมายความว่าคุณกำลังหลอกคนที่เขามากราบไง

การประทับทรงการสื่อผ่านร่างผมเคยอธิบายไว้ว่าผู้ทำหน้าที่ควรอยู่ในสภาวะเข้าภวังคจิตหรืออยู่กึ่งภวังค์เพราะเป็นการหยุดจิตสำนึกของตนชั่วคราวและเป็นการปล่อยผ่านคลื่นพลังงานอื่นมาสัมผัสโต้ตอบแทน

สภาวะผู้กำลังทำหน้าที่ย่อมที่จะไม่ใช้คำฟุ่มเฟือยไร้สาระครับ เพราะรอยต่อของจิตในช่วงนั้นถือว่าสำคัญและมีขีดจำกัดเพราะจิตวิญญาณต้องเข้าควบคุมประสาทของร่างสังขารชั่วขณะซึ่งอาจไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ สภาวะภวังค์ที่เกิดขึ้นซึ่งอาจเป็นห้วงๆไม่ติดต่อกันนั้นคำแต่ละคำที่อีกมิติสื่อจึงมีความหมายทุกคำ และแน่นอนว่าจิตที่อยู่เบื้องสูงขึ้นไปนั้น วาจาทุกคำย่อมเป็นธรรมะ

คนผิดคนทุจริตย่อมรู้ดีแก่ใจตนเอง คนเราถ้ามองอย่างมีสติก็ย่อมแยกแยะดีชั่วได้ เว้นแต่กรรมมาบังทำให้เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ในกรณีเช่นนี้หน้าที่ของสื่อที่ดีคือการให้ปัญญาแก่สังคมครับ ผู้ทำหน้าที่เป็นสื่อมวลชนเป็นครูอาจารย์ต้องให้ปัญญาแก่สังคม แนะนำให้รู้ถูกผิดดีชั่ว เมื่อสังคมมีความรู้เขาเหล่านั้นก็จะไม่หลงกลต่อผู้ไม่สุจริต

ร่วมกระจายความรู้สู่สังคมด้วยการกดแชร์ครับ

\"ไม่รู้ก็บอกไม่รู้ อยากรู้ก็ไปพิสูจน์\" ฉะกันโซเซียลเดือด \"ดราม่าร่างทรงเสด็จเตี่ย\" อย่าสรุปฟังธง เพราะความไม่รู้ของตัวเอง !!

ทั้งนี้ดร.ปรัชญา ได้โพสต์ข้อความโต้ถึงกรณีดังกล่าวว่า

ไม่รู้ก็บอกไม่รู้ อยากรู้ก็ไปพิสูจน์ / เวทิน ชาติกุล

           จากกรณี "ดราม่าร่างทรงเสด็จเตี่ย" ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นข่าวแค่ไหน แต่ในวงแคบๆนี่ดูจะเป็นเรื่องใหญ่อยู่ ส่วนตัวผมรู้จักกับคนที่เป็นร่างคือ "คุณเอก" ครับ ไม่สนิท แต่จะบอกไม่รู้จักก็ไม่ได้ อันนี้ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบัง ตอนไปเที่ยวอินเดียไปไหว้โชติศิวลึงค์ 2 ใน 12 แห่งที่นั่น ผมกับคุณเอกก็นั่งใกล้ๆกัน พูดคุย แซว แลกเปลี่ยน กันสนุกสนานตลอดทาง ส่วนตัว ผมก็ไม่ปิดบังอีกว่าผมเคยไปที่ตำหนักที่เป็นข่าว แม้ไม่ได้ไปบ่อย แต่ก็บอกได้ว่าเคยไป ได้พบกับคนในตำหนักหลายคน

           ผมเคยทำของหาย คือลืมไว้ที่นั่น ของของเพื่อนด้วย มูลค่าพอสมควร โทรไปบอกพี่ๆที่นั่นให้ช่วยเก็บไว้ให้ทั้งๆที่ไม่สนิทกัน หลายเดือนผ่านของทุกชิ้นยังอยู่ครบ ผมไปที่ตำหนักไม่ได้มีเรื่องเดือดร้อนอะไร แต่ผมไปเพราะความอยากรู้ (ส่วนตัว)ในทางมานุษยวิทยา ว่า คนอื่นๆที่ไปนั่นเขาไปทำไม ด้วยเหตุผลอะไร ไม่มีวิธีอื่นที่จะตอบคำถามนี้นอกจากการไปสังเกตุการณ์ถึงที่ เท่าที่เห็นก็หลายเหตุผล ขอหวย ขอให้ช่วย ขอพร ฯลฯ มีตั้งแต่แม่ค้าแม่ขาย หาเช้ากินค่ำ ดิ้นรนทำงาน แต่ก็มีที่เป็นข้าราชการชั้นสูง นักธุรกิจ ล่าสุดที่เจอก็มีอยู่หนึ่งท่านมาที่ตำหนักเพื่อขอบคุณเสด็จเตี่ยที่ "ช่วย" ให้ขายที่ (ที่ขายไม่ได้มานาน) ได้ ได้เงินมากว่าร้อยล้าน

          ผมเคยบอกกับอาจารย์สุวินัยว่า "ตำหนักทรง" ก็ไม่ต่างจาก "โรงพยาบาลคนทุกข์ขั้นโคม่า" ไม่รู้จะหันไปพึ่งใครแล้ว ใครสามารถแก้ทุกข์ดับทุกข์เองได้ก็ยินดีด้วยครับ แต่ไม่ทุกคนที่สามารถหรือทำแบบนั้นได้ ดูๆแล้วสำหรับผมระหว่างเจอ "เทวดา" กับเจอ "คนทุกข์ร้อน" ในตำหนักทรงที่เห็นเองผมเจออย่างหลังมากกว่าแน่นอนครับ ร่างปลอม ตำหนักปลอม หากินกับคนสิ้นหวัง ก็มีเยอะแยะ 99% ด้วยถ้าจะพูดกัน แต่ถ้าถามผมว่า "เสด็จเตี่ย" ท่านลงมาทรงในร่างนี้หรือไม่ ด้วยความสัตย์จริงคือ ผมไม่ทราบ เพราะตัวเองไม่มีวิธีจะรู้โดยตรง ไม่มีวิธีตรวจสอบ ไม่มีญาณทิพย์ ไม่มีจิตสัมผัส อาจจะจริงหรืออาจจะไม่จริง ? อาจจะจริงแต่อาจไม่ใช่เสด็จเตี่ยก็ได้ ? สารพัดจะคิดไปได้ครับ

           วิธีที่พอจะอนุมานเอา (ซึ่งไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ต้องใช้) คือ เชื่อถือ "ตาม" คนที่มาบอก ผมเชื่อถืออ.สุวินัยเพราะเราผ่านเรื่องจริงๆ ปลอมๆ ในวงการนี้มาเยอะ แต่ก็ไม่ใช่แค่ อ.สุวินัย มีมิตรสหาย เพื่อนฝูง ที่ไปด้วยกันและด้วยพฤติกรรมของเขา/เธอ น่าเชื่อถือ เป็นไปได้ที่สุดท้ายเราอาจผิด แต่สิ่งที่เป็นแน่ๆคือ ผมไม่รีบด่วนสรุป ฟันธง ลงไปตั้งแต่แรกเพราะอคติ ทิฐิ มานะ ความไม่รู้ของตัวเอง ทั้งๆที่ยังไม่รู้จักมักจี่กัน

          ต่อมาก็คือ เมื่อได้พอรู้จักบ้างแล้ว เท่าที่เห็น ย้ำว่าเท่าที่เห็น "พฤติกรรม" ก็ยังไม่เห็นว่ามีเรื่องอะไรที่เป็นสบคบคิดกันหลอกลวงเพื่อผลประโยชน์อย่างหนึ่งอย่างใดกับใคร (นักการเมือง "โกงข้าว" ข้าราชการ "โกงเงินทอนวัด" หรือนักธุรกิจ "โกงภาษี" อันนั้นเยอะกว่าเยอะทำกันแบบจะ ซึ่งหน้า ไม่ต้องไปอ้าง "เทวดา" มาให้พิสูจน์กันให้ยุ่งยาก) ชุดแต่งกาย เหมาะไม่เหมาะ ลบหลู่หรือไม่ ก็เคยมีคำชี้แจงออกมาแล้ว ลงไปค้นข่าวเก่าๆ ดู เรื่องราชสกุล ทางลูกศิษย์ใกล้ชิดก็บอกมีข้อมูล พร้อมชี้แจง สำหรับผมโดยส่วนตัว "คุณเอก" ที่เป็นร่างกับคนอื่นๆในตำหนัก คุณป้า คุณน้า ก็ถือว่ามีน้ำจิตน้ำใจไมตรี อาจมากกว่าคนที่ "ไม่เชื่อ" หรือ "แอนตี้" ร่างทรงด้วยซ้ำ ร่างและตำหนักเขาก็มีที่พักหลักแหล่งชัดเจน ไม่ได้หลบๆซ่อนๆ และเขาทำตรงนี้มายี่สิบกว่าปีแล้ว ถ้าอยากรู้เขาก็พร้อมเปิดตำหนักให้เข้าไปตรวจสอบถามไถ่

           ถ้า "ไม่เชื่อ" อยู่แล้ว ก็ทิ้งเรื่องนี้ไปครับ อย่ามายุ่งให้เปลืองเวลารกสมอง แต่ถ้า "เชื่อ" หรือ "อยากลอง" ที่ที่จะไปพิสูจน์ให้รู้คือที่ตำหนักครับ เขาบอกผมมาว่าไปเลยเขาพร้อมต้อนรับ ไม่ใช่มาพิสูจน์กันหน้าเฟสบุ๊ค เรียกยอดไลค์ ปั่นยอดแชร์ไปวันๆ สุดท้ายก็ไม่ได้ "รู้" อะไรจริงๆสักเรื่อง

 

\"ไม่รู้ก็บอกไม่รู้ อยากรู้ก็ไปพิสูจน์\" ฉะกันโซเซียลเดือด \"ดราม่าร่างทรงเสด็จเตี่ย\" อย่าสรุปฟังธง เพราะความไม่รู้ของตัวเอง !!

         ทั้งนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.สุวินัย ภรณวลัย อาจารย์และนักเขียน นักค้นคว้า ความรู้ด้านจิตวิญญาณ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ค Suvinai Pornavalai ถึงกรณีดราม่าร่างทรงเสด็จเตี่ย โดยระบุว่า

ลอกคราบ "เหล่าผู้รู้บนโซเชียล"ที่รู้ไม่จริงแต่อวดตัวทำเป็นรู้/ สุวินัย ภรณวลัย

         การรู้แบบสุกๆดิบๆหรือรู้ไม่จริง อันตรายกว่าไม่รู้เลยเพราะมันปิดกั้นความจริงไปแล้ว ปัญหาการเรียนรู้ของผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมนี้คือรู้แบบสุกๆดิบๆผ่านความฉาบฉวยของโซเชียลมีเดียแทบทุกเรื่อง จนแทบเข้าไม่ถึง "ความจริง"ในเชิงสืบสวน-สืบค้นจริงๆได้เลยแม้แต่เรื่องเดียว แล้วรีบด่วนตัดสิน ด่วนพิพากษาราวกับตัวเองเชื่อว่ามันเป็นความจริงไปเสียแล้ว ท่าทีแบบนี้ มีเห็นชัดแม้แต่ในผู้ที่สนใจเรื่องธรรมะ การปฏิบัติธรรมที่ควรจะมีความละเอียดรอบคอบในดุลพินิจตามหลักกาลมสูตร แต่บททดสอบในความเป็นจริงหาใช่เช่นนั้นไม่

        ยกตัวอย่างล่าสุดที่เห็นกันจะๆ คือเรื่องร่างทรงของเสด็จเตี่ย วิธีการที่ดีที่สุดที่นักมานุษวิทยาทั่วโลกใช้กันมาโดยตลอด คือเข้าไปคลุกคลี สัมผัสวงในด้วนตนเองแบบ "ผู้สังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วม" (Participant Observer) มีข้อมูลปฐมภูมิที่ลงไปสัมผัสจริงด้วยตนเองอย่างถ่องแท้ ถึงจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนออกมาได้ว่าจริงหรือปลอม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือมี "ผู้รู้" ที่ตั้งตัวเองบนเฟซบุ้คออกมาโชว์สติปัญญาที่ฉาบฉวยของตนเองออกมาอย่างมักง่ายและหลงตัวเองราวกับตัวเองเป็นผู้พิพากษาความจริงเสียเอง

        ร่างของเสด็จเตี่ยร่างนี้ ผมเจอมา 19 ปีเต็ม ผ่านประสบการณ์ที่เสด็จเตี่ยลงมาประทับครั้งแล้วครั้งเล่าซึ่งได้สำแดงความสามารถเหนือมนุษย์ช่วยผู้คนมานับครั้งไม่ถ้วน แต่อนิจจาข้อมูลเหล่านี้ มิได้รับมากลั่นกรองจาก เหล่า "ผู้รู้" เลยแม้แต่น้อย อย่างนี้สมควรเรียกว่ารู้ไม่จริงจนปิดกั้นความจริงได้หรือไม่ อัตตาที่พอกพูนจากพวกไม่รู้จริงที่เชิดชู "ท่านผู้รู้" เหล่านี้แหละ ที่ทำให้ในเรื่องอื่นที่เป็นปรมัตถ์สัจจธรรม ก็ต้องมองคลาดเคลื่อนอีกเช่นกัน เพราะความมักง่ายของตัวเอง ... สิ่งที่ตัวเองหลงเชื่อว่าจริงจึงอันตรายที่สุดเพราะมันปิดกั้นความจริงตรงหน้าไปแล้ว

        ทำพลาดแล้ว รู้ตัวว่าพลาด มีความกล้ายืดอกออกมายอมรับว่าตัวเองพลาดไปแล้วคือยอดคน แต่นี่คือสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่มักง่าย มองข้ามความผิดพลาดเล็กๆน้อยทางการคิดในการเข้าถึงความจริงแบบนี้ในเรื่องต่างๆ คนเหล่านี้จึงไปได้แค่นี้แหละ ไม่อาจไปได้ไกลกว่านี้ในทุกๆมิติของชีวิตตัวเองได้

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : ดร.เวทิน ชาติกุล อาจารย์ภาควิชา ศาสนาและปรัชญา ม.ศ.ว. ประสานมิตร ผู้ใช้เฟสบุ๊ค Wathin Chatkoon

                           รองศาสตราจารย์ ดร.สุวินัย ภรณวลัย อาจารย์และนักเขียน นักค้นคว้า ความรู้ด้านจิตวิญญาณ ผู้ใช้เฟสบุ๊ค Suvinai Pornavalai

                           นักเขียนชื่อดัง ทิพยจักร ผู้ใช้เฟสบุ๊ค jaruvat chanposri