รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์   http://www.tnews.co.th

หลวงพ่อชา บอกย้ำเตือน ศีล สมาธิ ปัญญา คือของอันเดียวกันที เปรียบได้กับ มะม่วงใบเดียว แต่ออกผลได้หลากหลายรส

มะม่วงใบเดียวกัน
ที่ว่าเราทำสงบหรือทำสมาธินี้ มันสงบจิตไม่ใช่สงบกิเลสหรอก เรานั่งทับมันไปให้มันสงบเฉยๆ เหมือนกับหินทับหญ้า หญ้ามันก็ดับไปเพราะหินมันทับ อีกสามสี่ห้าวันเรามายกหินออก หญ้ามันก็เกิดขึ้นมาอีก แปลว่า หญ้ามันยังไม่ตายคือมันระงับเฉยๆ เช่นเดียวกับการนั่งสมาธิ มันสงบจิตไม่ใช่สงบกิเลส นี่เรื่องสมาธิจึงเป็นของไม่แน่นอน
 

หลวงพ่อชา บอกย้ำเตือน ศีล สมาธิ ปัญญา คือของอันเดียวกันที เปรียบได้กับ มะม่วงใบเดียว แต่ออกผลได้หลากหลายรส
ฉะนั้น การที่สงบนี้เราจะต้องพิจารณาสมาธิก็สงบแบบหนึ่ง แบบหินทับหญ้า หลายวันไปยกหินออกจากหญ้า หญ้าก็เกิดขึ้นอีก นี่สงบชั่วคราว (สงบด้วยปัญญาคือไม่ยกหินออก ทิ้งมันไว้อย่างนั้น ทับมันไว้ ไม่ยกหินออกหญ้ามันเกิดไม่ได้ นี่เรียกว่าสงบแท้) สงบนกิเลสแน่นอน นี่เรียกว่า ปัญญา
 

หลวงพ่อชา บอกย้ำเตือน ศีล สมาธิ ปัญญา คือของอันเดียวกันที เปรียบได้กับ มะม่วงใบเดียว แต่ออกผลได้หลากหลายรส
ตัวปัญญากับตัวสมาธินี้ เมื่อเราพูดแยกกันออก ก็คล้ายๆ คนละตัว แต่ความเป็นจริงมันเป็นตัวเดียวกันนั่นเองแหละ ตัวปัญญามันเป็นเครื่องเคลื่อนไหวของสมาธิเท่านั้น มันออกจากจิตอันนี้เองแต่มันแยกกันออกไป มันเป็นคนละลักษณะ เหมือนมะม่วงใบนี้ ลูกมะม่วงใบหนึ่งใบเล็กๆ เดี๋ยวมันก็โตขึ้นมาอีกแล้วมันก็สุก มะม่วงใบนี้ก็คือมะม่วงใบเดียวกัน ไม่ใช่คนละใบ มันเล็กก็ใบนี้ มันโตก็ใบนี้ มันสุกก็ใบนี้ แต่มันเปลี่ยนลักษณะ เราปฏิบัติธรรม อาการอย่างหนึ่งท่านเรียกว่า สมาธิ อาการอย่างหลังท่านเรียกว่า ปัญญา แต่ความจริง ศีล สมาธิ ปัญญา คือของอันเดียวกัน ไม่ใช่คนละอย่าง เหมือนมะม่วงใบเดียวกัน ผลมันเล็กก็ใบนั้น มันสุก็ใบนั้น ใบเดียวนั่นแหละ แต่ว่ามันเปลี่ยนอาการเท่านั้น
หลวงพ่อชา สุภัทโท
ที่มา FB : เพจเกร็ดธรรมะ ประวัติพระกรรมฐาน