รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์   http://www.tnews.co.th

น้อมสักการะ “พระอริยเจ้าผู้เป็นดั่งครูผู้ให้ร่มเงาแก่ศิษย์” ครบรอบวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๒๖ ปีของพระโพธิญาณเถร หลวงพ่อชา สุภัทโท

วันนี้วันที่ ๑๖ มกราคมเป็นวันครู ตรงกับวันพระแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๒ และตรงกับวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๒๖ ปีของพระโพธิญาณเถร หลวงพ่อชา สุภัทโท “พระอริยเจ้าผู้เป็นดั่งครูผู้ให้ร่มเงาแก่ศิษย์” แห่งวัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ผู้ก้าวล่วงความสงสัยในนิกาย คือ ท่านไม่ได้ญัตติเป็นพระฝ่ายธรรมยุต ปี พ.ศ.๒๔๙๐ หลวงพ่อชา เดินทางไปกราบนมัสการท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่สำนักหนองผือนาใน จ.สกลนคร ท่านพระอาจารย์มั่น เทศน์สั้น ๆ ว่า "การประพฤติปฏิบัตินั้น ถ้าถือพระธรรมวินัยเป็นหลักแล้ว ก็ไม่ต้องสงสัยในนิกายทั้งสอง" ในคืนที่ ๒ ท่านพระอาจารย์มั่น ได้แสดงปกิณกธรรมต่าง ๆ จนจึงท่านคลายความสงสัย มีความรู้ลึกซึ้ง จิตหยั่งสู่สมาธิ เกิดปีติ เหมือนตัวลอยอยู่บนอาสนะ นั่งฟังจนเที่ยงคืน
http://www.tnews.co.th/contents/387075
 

น้อมสักการะ “พระอริยเจ้าผู้เป็นดั่งครูผู้ให้ร่มเงาแก่ศิษย์” ครบรอบวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๒๖ ปีของพระโพธิญาณเถร หลวงพ่อชา สุภัทโท


เหตุการณ์ การบรรลุคุณธรรม ครั้งนึงหลวงพ่อชา ท่านพาลูกศิษย์เดินธุดงค์ไป อ.บ้านแพง จ.นครพนม ได้ขึ้นภูลังกาเพื่อกราบนมัสการ ท่านพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร หลังสนทนาแล้ว หลวงพ่อชา ท่านเข้าใจในความละเอียดลึกซึ้งของธรรมปฏิบัติมากขึ้น ท่านพักอยู่ภูลังกา ๓ วัน จึงลงมาถึงวัดหนึ่งที่เชิงเขา ขณะนั้นฝนตก จึงได้หลบฝนเข้าไปนั่งใต้ถุนศาลา จิตกำลังพิจารณาธรรมอยู่ ทันใดนั้น จิตก็ตั้งมั่นขึ้นแล้วเปลี่ยนไปเหมือนอยู่คนละโลก ดูอะไรก็เปลี่ยนไปหมด เหมือนหน้ามือเป็นหลังมือ เหมือนแดดจ้าที่มีก้อนเมฆเคลื่อนมาบดบัง แสงแดดก็วาบหายไป เปลี่ยนขณะจิตไปวาบ ๆ ตั้งขึ้นมาก็เปลี่ยนวาบ เห็นขวด ก็ไม่ใช่ขวด ดูแล้วไม่เป็นอะไร เป็นธาตุ เป็นของสมมุติขึ้นทั้งนั้น ไม่ใช่ขวดแท้ ไม่ใช่กระโถนแท้ ท่านน้อมเข้ามาหาตัวเอง ดูทุกสิ่งในร่างกายไม่ใช่ของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างมันล้วนแต่ของสมมุติเท่านั้น
หลวงพ่อชา ท่านเป็นผู้ทรงธรรม เก่งเทศนาโวหาร และการเปรียบเปรย ข้อธรรมของท่านชวนให้คนได้คิดเสมอ มีสติปัญญาว่องไว ดัดนิสัยสานุศิษย์ได้ฉับพลัน มีบุญบารมีมาก หลวงพ่อชา ท่านมีความสามารถในการสอนธรรมให้ชาวต่างชาติ มีศิษย์ต่างชาติจำนวนมาก มีวัดสาขาทั้งในและต่างประเทศ มีกฎระเบียบจากวัดหนองป่าพง เป็นต้นแบบทุกสาขาทั่วโลก
 

น้อมสักการะ “พระอริยเจ้าผู้เป็นดั่งครูผู้ให้ร่มเงาแก่ศิษย์” ครบรอบวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๒๖ ปีของพระโพธิญาณเถร หลวงพ่อชา สุภัทโท

ประวัติหลวงพ่อชา สุภัทโทนั้น เป็นที่น่าศึกษาค้นคว้าเอาเป็นแบบอย่างยิ่งนัก และมีอยู่หลาย ๆ เรื่องมากมาย ที่ปรากฏอยู่ในหนังสือ “อุปลมณี” แต่จะขอเล่าย่นย่อยกมาเฉพาะช่วงที่หลวงพ่อชา ท่านได้ไปศึกษาธรรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ดังนี้ครับ
หลวงพ่อชา ถือกำเนิด ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๑ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะเมีย ณ บ้านก่อ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานีท่านมีนิสัยโน้มเอียงในทางธรรมตั้งแต่วัยเด็ก กลัวบาป เป็นคนซื่อสัตย์ ไม่โกหก รักความยุติธรรม เกลียดความอยุติธรรม ชอบเล่นแต่งตัวเป็นพระ พอใจภูมิใจที่ได้แสดงเป็นพระ ยินดีในผ้ากาสาวพัสตร์ และเพศพรหมจรรย์ ท่านบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๔ ท่านปฏิบัติครูอาจารย์อยู่ ๓ ปี และได้ลาสิกขาบทมาช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา
ท่านได้อุปสมบท เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๒ เวลา ๑๓.๕๕ น. ณ วัดก่อใน อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โดยมี ท่านพระครูอินทรสารคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ พรรษาที่ ๑-๒ สอบนักธรรมชั้นตรีได้ โยมพ่อมักจะบอกว่า "อย่าลาสิกขานะลูก อยู่เป็นพระอย่างนี้แหละดี สึกออกมามันยุ่งยากลำบาก หาความสบายไม่ได้" หลังอุปสมบทแล้ว ท่านได้ออกวิเวกแสวงหาครูบาอาจารย์ จนปี พ.ศ.๒๔๙๐ หลวงพ่อชา ท่านได้มาศึกษาธรรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระบูรพาจารย์ใหญ่ สายพระกัมมัฏฐาน หลวงพ่อชา สุภัทโท พบท่านพระอาจารย์ใหญ่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และได้ฝากเป็นศิษย์ท่าน และได้แนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องตามธรรมวินัย 
นอกจากหลวงปู่มั่น แล้ว หลวงพ่อชา สุภัทโท ยังได้มีโอกาสศึกษาธรรม และร่วมบำเพ็ญสมณธรรมร่วมกับหลวงปู่ทองรัตน์ กันตสีโล และหลวงปู่กินรี จันทิโย เป็นต้น ท่านได้เป็นแบบอย่างของศิษย์ผู้อ่อนน้อม ปฏิบัติข้อวัตร อาจาริยวัตรอย่างไม่มีตกบกพร่อง ท่านได้ศึกษาธรรมของพระบรมศาสดา จนบรรลุถึงคุณธรรมขั้นสูงสุด มีปัญญาแตกฉานในธรรม สามารถเข้าใจในหลักธรรม และธรรมชาติ อุปมา อุปมัย ขยายความ และสรุปย่นย่อข้อธรรมให้เข้าใจได้ง่าย จนมีพระภิกษุสงฆ์ ฆราวาส ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติทั่วโลก มาปวารณาตนเป็นศิษย์ ขอศึกษาธรรมอย่างล้นหลาม ทั้งที่ท่านเอง ก็พูดภาษาต่างชาติของเขาเหล่านั้นไม่ได้ แต่ด้วยปฏิปทาที่ท่าน ทำตนเป็นแบบอย่าง ฝึกสอนอบรมบ่มธรรมกันอย่างจริงจัง จนได้มาเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ของเหล่าศิษยานุศิษย์ เหตุไฉนบุคคลผู้มีความรู้ทางโลกเพียงแค่ชั้น ป.๑ อย่างหลวงพ่อชา จึงมีลูกศิษย์ชาวต่างประเทศที่ได้อุทิศตนเป็นพุทธสาวกอย่างจริงจังจำนวนมากแล้ว ในอีกมุมหนึ่งคือทางธรรมยังเป็นการสะท้อนให้เราทราบถึงความจริงที่ว่า... “ธรรมไม่เคยแบ่งชนชั้น ไม่เคยแบ่งประเทศ ไม่เคยแบ่งภาษา และไม่เคยแบ่งเพศวัย”
เพราะธรรมะเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ ถึงจะไม่สามารถมองเห็นด้วยตาและสามารถสัมผัสได้ด้วยการกระทำ ดังคำสอนของหลวงพ่อที่มักบอกลูกศิษย์เสมอๆ ว่า... “คำสอนของผมนอกตำรา แต่อยู่ในขอบเขต อาจไม่ถูกคัมภีร์แต่มันถูกสัจธรรม”
หลวงพ่อชา สุภัทโท จึงเป็นดั่งร่มโพธิธรรมผู้ที่ได้ให้ร่มเงาแก่ศิษย์ เป็นดั่งร่มโพธิญาณ ที่ให้ศิษย์ได้อยู่ใต้ร่มเงานั้น
หลวงพ่อชา สุภัทโท ท่านเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๕ เวลา ๕.๒๐ น. ณ กุฏิท่านภายในวัดหนองป่าพง สิริอายุ ๗๓ ปี ๗ เดือน พรรษา ๕๒
“..พระพุทธศาสนาไม่มีอำนาจอะไรเลย แม้ก้อนทองคำก็ไม่มีราคา ถ้าเราไม่มารวมกันว่ามันเป็นโลหะที่ดีมีราคา ทองคำมันก็ถูกทิ้งเหมือนก้อนตะกั่วเท่านั้นแหละ พระพุทธศาสนาตั้งไว้มีอยู่ แต่ถ้าเราไม่ประพฤติปฏิบัติ จะไปมีอำนาจอะไรเล่า อย่างธรรมะเรื่องขันติมีอยู่ แต่เราไม่อดทนกัน มันจะมีอำนาจอะไรไหม..” โอวาทธรรมคำสอนหลวงพ่อชา สุภัทโท “พระอริยเจ้าผู้เป็นดั่งครูผู้ให้ร่มเงาแก่ศิษย์”
ขอขอบคุณภาพประกอบวาดโดย เอ ท่องถิ่นธรรม พระกัมมัฏฐาน
ที่มา FB :  ท่องถิ่นธรรม พระกัมมัฏฐานท่องถิ่นธรรม พระกัมมัฏฐาน