รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์   http://www.tnews.co.th

พระอาจารย์สุชาติ แนะเคล็ดลับ! สมาธิแบบไหน เป็น “สมาธิที่จะมีกำลังที่จะต่อสู้กับความอยาก” เหมาะกับทางสู่การดับทุกข์

 

“สมาธิที่จะมีกำลังที่จะต่อสู้กับความอยาก”
ถ้าจิตรวมสงบแล้วไม่อยู่เฉยๆ ไม่นิ่ง ออกไปรับรู้สิ่งต่างๆ ไปติดต่อกับกายทิพย์ได้ หรือไปมีความสามารถพิเศษ ไปอ่านจิตใจของผู้อื่นได้ ไปรู้ว่าคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ หรือไประลึกชาติได้ ระลึกว่าชาติที่แล้วเป็นอะไร อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นมิจฉาสมาธิ เป็นสมาธิที่ไม่ถูกต้องต่อการดับความทุกข์ เป็นสมาธิที่วิเศษ แต่มันไม่วิเศษสำหรับการดับความทุกข์ ถ้าไปติดกับสมาธิแบบนี้แล้วจะไปไม่รอด จะไม่รอดพ้นจากความทุกข์ ถ้าไปติดอยู่กับสมาธิที่เกิดคุณวิเศษ เช่น ไปติดต่อกับกายทิพย์ได้ มีตาทิพย์มีหูทิพย์ มีอ่านความคิดของผู้อื่นได้ ระลึกชาติได้ หรือมีความสามารถพิเศษอย่างอื่น อันนี้มันไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อการที่จะนำไปดับความทุกข์ เพราะสมาธิแบบนี้ไม่มีพลัง ไม่มีกำลังที่จะสู้กับความอยากนั่นเอง
 

พระอาจารย์สุชาติ แนะเคล็ดลับ! สมาธิแบบไหน เป็น “สมาธิที่จะมีกำลังที่จะต่อสู้กับความอยาก” เหมาะกับทางสู่การดับทุกข์
สมาธิที่จะมีกำลังที่จะต่อสู้กับความอยากได้นี้ต้องเป็นสัมมาสมาธิ คือจิตต้องสงบนิ่งเป็นอุเบกขา ต้องสักแต่ว่ารู้ ไม่รักไม่ชังไม่กลัวไม่หลง ถึงจะเป็นสัมมาสมาธิ ถ้ามีสัมมาสมาธิแล้ว เวลาเกิดตัณหาความอยาก ถ้ามีสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโป ก็จะสอนจิตว่าต้องหยุดความอยากอย่าทำตามความอยาก เวลาอยากจะไปหาความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกายก็ต้องไม่ทำ ถ้าทำแล้วจะทำให้เกิดแก่เจ็บตายตามมา ถ้าไม่อยากจะเกิดแก่เจ็บตายก็ต้องอย่าไปทำตามความอยาก อยากดูอยากฟัง อยากลิ้มรสดมกลิ่น ก็ต้องหยุด หยุดได้ด้วยสัมมาสมาธิ หยุดได้ด้วยอุเบกขา ให้รู้เฉยๆ สักแต่ว่ารู้ ถ้ามีสัมมาสมาธิก็จะรู้เฉยๆ ได้ จะใช้อุเบกขาหยุดมันได้ ถ้าไม่มีสัมมาสมาธิ เช่นมีสมาธิที่ไปรับรู้เรื่องราวต่างๆ นี้จะไม่มีอุเบกขา พอเกิดความอยากขึ้นมาก็จะสู้กับความอยากไม่ได้
 

พระอาจารย์สุชาติ แนะเคล็ดลับ! สมาธิแบบไหน เป็น “สมาธิที่จะมีกำลังที่จะต่อสู้กับความอยาก” เหมาะกับทางสู่การดับทุกข์
เช่นพระเทวทัตนี้ท่านก็มีสมาธิแบบนี้ ท่านมีความสามารถพิเศษมีอิทธิฤทธิ์ที่เกิดจากสมาธิที่ไม่ถูกต้องนี้ พอท่านมีความอยาก อยากเป็นใหญ่เป็นโตก็เลยไม่หยุดความอยาก กลับไปทำตามความอยาก ไปขออนุญาตจากพระพุทธเจ้าเพื่อจะให้พระพุทธเจ้าแต่งตั้งให้พระเทวทัตเป็นผู้ปกครองสงฆ์แทนพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็รู้ว่าอันนี้เป็นตัณหาความอยาก และก็พระเทวทัตยังไม่มีความสามารถที่จะระงับตัณหาความอยากได้ จะไปแต่งตั้งให้คนมีกิเลสตัณหามาเป็นหัวหน้าได้อย่างไร พระองค์ก็ทรงปฏิเสธไป แม้แต่พระสาวกทั้งสอง คือ พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ เป็นผู้ที่ตัดความอยาก ละ ดับความอยากได้หมดแล้ว พระองค์ยังไม่ได้ทรงแต่งตั้งเลย แล้วจะไปแต่งตั้งพระเทวทัตขึ้นมาได้อย่างไร พอพระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธ พระเทวทัตก็เกิดความโกรธขึ้นมา ก็เลยเกิดความอาฆาตพยาบาทเพียรพยายามฆ่าพระพุทธเจ้าถึงสามครั้ง แต่ก็ไม่สามารถกระทำได้ เพราะบารมีของพระพุทธเจ้าทรง คุ้มครองพระพุทธเจ้าเอาไว้
นี่คือตัวอย่างของผู้ที่ไปในทางสมาธิที่ไม่ถูกต้อง ผู้ที่มีมิจฉาสมาธิคือผู้ที่มีหูทิพย์ตาทิพย์ ระลึกชาติได้ แปลงกายได้ เหาะเหินเดินอากาศได้ ถ้ามีสมาธิแบบนี้แล้วจะไม่สามารถดับความทุกข์ได้ เพราะไม่มีอุเบกขาที่จะมาหยุดความอยากสู้กับความอยากได้ เวลาเกิดความอยากก็ต้องทำตามความอยาก เพราะเวลาเกิดความอยากแล้วมันจะรู้สึกทรมานใจ ถ้าไม่ทำตามความอยากมันจะทรมานใจมาก จึงต้องไปทำตามความอยากเพื่อระบายความทรมารใจออกไป แต่มันระบายได้ชั่วคราว พอได้ทำแล้วมันก็หายไป ถ้าไม่ได้ทำมันก็จะยิ่งทรมานใหญ่ ถ้าหายไปแล้วเดี๋ยวมันก็กลับมาใหม่ นี่ไม่ใช่วิธีดับความทุกข์ไม่ใช่วิธีละความอยากหยุดความอยากด้วยมิจฉาสมาธิ ด้วยสมาธิที่มีความวิเศษมีคุณวิเศษมีตาทิพย์หูทิพย์ มีความสามารถพิเศษต่างๆ อันนี้เอามาใช้ละความอยากดับความทุกข์ไม่ได้ ต้องเป็นสมาธิที่นิ่งเฉยๆ สักแต่ว่ารู้เป็นอุเบกขา มีความสุขอย่างยิ่งกับสมาธิแบบนี้ ถ้ามีความสุขกับสมาธิแบบนี้ก็จะสามารถสู้กับความอยากที่จะไปหาความสุขอย่างอื่นได้ เพราะความสุขอื่นเหนือกว่าความสงบไม่มี.
“ธรรมะบนเขา” วันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๐ “ทางสู่การดับทุกข์ทุกข์”
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ที่มา FB : เพจพระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต@Abhijato