ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ลือลั่นจนประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสต้องจารึก!! ปรากฏการณ์ "โกษาปานฟีเวอร์" ในแผ่นดินฝรั่งเศส ถึงขนาด..ทำลอมพอกที่ "โกษาปาน" สวม..ออกมาขาย!!

 

         นับได้ว่า เจ้าพระยาโกษาปานนั้น เป็นบุคคลที่สำคัญของประวัติศาสตร์ไทย เป็นหัวหน้าคณะฑูติที่ได้เดินทางไปฝรั่งเศส เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) เป็นบุตรของเจ้าแม่วัดดุสิต (บัว) ซึ่งเป็นพระนมในสมเด็จพระนารายณ์มหาราชกับขุนนางเชื้อสายมอญ เกิดในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง และเป็นพระนัดดาในสมเด็จพระเอกาทศรถ เป็นเอกอัครราชทูตคนสำคัญ และท่านได้เดินทางไปพร้อมกับเชอวาเลีย เดอ โชมองต์ โดยขณะนั้นยังมีบรรดาศักดิ์เป็นออกพระวิสุทธิสุนทร ท่านได้อยู่ประเทศฝรั่งเศสเป็นเวลา 6 เดือนท่านจึงกลับสยาม ภายหลังท่านถึงแก่อสัญกรรมในสมัยสมเด็จพระเพทราชา

 

ลือลั่นจนประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสต้องจารึก!! ปรากฏการณ์ "โกษาปานฟีเวอร์" ในแผ่นดินฝรั่งเศส ถึงขนาด..ทำลอมพอกที่ "โกษาปาน" สวม..ออกมาขาย!!

 

           นอกจากนี้เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ท่านยังเป็นบิดาของเจ้าพระยาวรวงษาธิราช (ขุนทอง) และเป็นปู่ของ พระยาราชนิกูล (ทองคำ) ซึ่งเป็นบิดาของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกผู้เป็นพระปฐมวงศ์ของพระมหากษัตริย์ไทยในราชวงศ์จักรีอีกด้วย

            จากละครเรื่องบุเพสันนิวาส เมื่อคืนวันที่ 28 มีนาคม 2561 เป็นฉากที่คณะราชฑูตฝรั่งเศสของ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้เดินทางมาถวายพระราชสาส์นต่อ ขุนหลวงนารายณ์มหาราช โดยขุนหลวงนารายณ์มีรับสั่งให้คณะราชฑูตของสยามเดินทางไปฝรั่งเศสพร้อมกับคณะราชฑูตของฝรั่งเศสโดยให้ เจ้าพระยาโกษาธิบดีปาน เป็นหัวหน้าคณะราชฑูตในครั้งนี้

ลือลั่นจนประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสต้องจารึก!! ปรากฏการณ์ "โกษาปานฟีเวอร์" ในแผ่นดินฝรั่งเศส ถึงขนาด..ทำลอมพอกที่ "โกษาปาน" สวม..ออกมาขาย!!

 

             เมื่อครั้งที่โกษาปานเดินทางไปกับเรือฝรั่งเศสเมื่อธันวาคม พ.ศ. 2228 ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เมื่อ 1 กันยายน พ.ศ. 2229 และเดินทางกลับเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2230 รวมเดินทางไปกลับอยุธยาฝรั่งเศสทั้งหมด 1 ปี 9 เดือน โกษาปานเป็นนักการทูตที่สุขุม ไม่พูดมาก ละเอียดลออในการจดบันทึกที่ได้พบเห็นในการเดินทางครั้งนั้น สำหรับการเข้าเฝ้าในครั้งนี้ ออกพระวิสุทธิ์สุนทร (ปาน) ได้กระทำหน้าที่เป็นผู้แทนของราชสำนักอยุธยาอย่างถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณีการเข้าเฝ้า จนชาวฝรั่งเศสได้กล่าวยกย่องชื่นชมคณะทูตไทย ซึ่งถือว่าการไปเจริญสัมพันธไมตรีครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง เพราะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฝรั่งเศสแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น การเจริญสัมพันธไมตรีของพระวิสุทธิ์สุนทร (ปาน) และคณะราชทูตในครั้งนั้นได้สร้างชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือในทวีปยุโรป เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่พระเจ้าแผ่นดินทางด้านตะวันออกแต่งคณะราชทูตไปยังสำนักฝรั่งเศสพระเจ้าหลุยส์ทรงจัดการรับรองคณะราชทูตจากกรุงศรีอยุธยาอย่างสมเกียรติยศ และโปรดให้จัดทำเหรียญที่ระลึก และมีการเขียนรูปราชทูตไทยเข้าเฝ้า พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ของฝรั่งเศสเป็นที่ระลึกด้วย

 

             กล่าวกันว่า เมื่อครั้งที่โกษาปานได้เดินทางไปที่ฝรั่งเศสนั้น ท่านเป็นที่ชื่นชนและชื่นชอบของชาวฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก ผู้คนในฝรั่งเศสต่างสนใจติดตามในพฤติกรรมของท่านโกษาปานเป็นอย่างมาก เพราะท่านพูดภาษาฝรั่งเศสได้ ตั้งแต่เริ่มก้าวเข้าสู่แผ่นดินฝรั่งเศส ใครๆก็คงจะทราบดีว่า เมืองฝรั่งเศสเป็นเมืองแห่งศิลปะ หากกล่าวถึงรสนิยมด้ายศิลปะของท่านโกษาปานก้ไม่เป็นสองรองใคร ครั้งหนึ่งเคยมีการทดสอบรสนิยมของท่านโกษาปานว่าชิ้นไหนควรชนะเลิศ ซึ่งท่านก็เลือกได้ตรงกับคณะกรรมการตัดสินการประกวดไว้ทุกประการ นอกจากนี้ท่านยังเป็นนักพูด ช่างเยิยอ มีไหวพริบปฏภาณในการตอบโต้เป็นเลิศ จึงมีผู้ที่กล่าวยกย่องชื่นชมท่านเป็นอย่างมาก ไม่เว้นแม่แต่กษัตริย์แห่งฝรั่งเศสก็ชื่นชมท่านมาก

 

ลือลั่นจนประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสต้องจารึก!! ปรากฏการณ์ "โกษาปานฟีเวอร์" ในแผ่นดินฝรั่งเศส ถึงขนาด..ทำลอมพอกที่ "โกษาปาน" สวม..ออกมาขาย!!

 

             จากพฤติกรรมและความสามารถของท่านโกษาปานนี้เอง ทำให้ในสมัยช่าวงกลาง ค.ศ. 1686 - ต้น ค.ศ.1687 ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่ท่านโกษาปานได้อยู่ที่แผ่นดินฝรั่งเศส มีการพูดถึงคณะราชทูตของท่านเจ้าพระยาโกษาปานอย่างทั่วเมือง มีการทำลอมพอกที่โกษาปานสวม ออกขายกันเป็นพันๆใบ มีการวาดภาพเหมือนของท่านพระยาโกษาปาน อีกสิ่งของอื่นๆอีกมากมาย ถือว่าในแผ่นดินฝรั่งเศสในขณะนั้นเป็นช่วง โกษาปานฟีเว่อร์เลยก็ว่าได้

 

ลือลั่นจนประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสต้องจารึก!! ปรากฏการณ์ "โกษาปานฟีเวอร์" ในแผ่นดินฝรั่งเศส ถึงขนาด..ทำลอมพอกที่ "โกษาปาน" สวม..ออกมาขาย!!

 

ลือลั่นจนประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสต้องจารึก!! ปรากฏการณ์ "โกษาปานฟีเวอร์" ในแผ่นดินฝรั่งเศส ถึงขนาด..ทำลอมพอกที่ "โกษาปาน" สวม..ออกมาขาย!!

 

          สำหรับลอมพอกนั้น เป็นเครื่องสวมศีรษะรูปยาว บ้างมียอดแหลม บ้างมียอดมนไม่แหลมมากนัก เมื่อสวมแล้วจะแลดูเหมือนการเกล้าผมขึ้นไปข้างบนเป็นทรงกรวยแหลม แล้วปัดไปด้านหลังเล็กน้อย ใช้เป็นเครื่องทรงของพระเจ้าแผ่นดิน และเป็นเครื่องแบบขุนนางยุคกรุงศรีอยุธยาซึ่งลักษณะของลอมพอกสามารถบ่งถึงตำแหน่งสูงต่ำของขุนนางได้ นอกจากนี้เหล่าโขนละครเองก็เคยใช้ลอมพอกในการแสดง ก่อนพัฒนาเป็นชฎาหรือมงกุฎในภายหลัง

          ลอมพอกเป็นเครื่องสวมศีรษะของไทยที่ได้รับอิทธิพลมาจากการโพกผ้าของมุสลิมเปอร์เซีย และมีความเป็นไปได้ว่าน่าจะรับมาตั้งแต่ก่อนเกิดกรุงศรีอยุธยา มงซีเออร์ เดอ วีเซได้เขียนคำอธิบายเกี่ยวกับการแต่งกายของคณะทูตสยามที่ไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศสในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นำโดยออกพระวิสูตรสุนทร (ปาน) เมื่อปี พ.ศ. 2229 ความว่า

"....สิ่งที่สำคัญซึ่งทำให้ดูราชทูตไทยผิดกว่าราชทูตเมืองอื่นมากนั้นก็คือหมวก หมวกไทยนั้นเป็นหมวกมียอดแหลมซึ่งเขาเรียกว่า ลอมพอก สูงกว่าหมวกเราเป็นไหน ๆ เรียวขึ้นไปเป็นชั้น ๆ สัณฐานคล้ายกับมงกุฎ แต่ละชั้นล้วนประดับด้วยเครื่องเงินทองเพชรพลอยและนิลจินดาเป็นอย่างหนึ่ง ๆ และชั้นต่อ ๆ ไปก็ประดับด้วยวิธีอื่นอีก ดูแปลกเข้าที..."

          ส่วนซีมง เดอ ลา ลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศสที่มาเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ. 2230 ได้กล่าวถึงลอมพอกในจดหมายเหตุ ความว่า

"...พระลอมพอกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ประดับขอบหรือเสวียนเกล้าด้วยพระมหามงกุฎเพชรรัตน์..." และกล่าวถึงลอมพอกขุนนางว่า "ของพวกขุนนางนั้นประดับเสวียนทองคำ, เงิน, หรือกาไหล่ทองมากน้อยตามยศ ลางคนก็ไม่มีเสวียนเลย พวกขุนนางจะใช้ลอมพอกนี้ชั่วเวลาเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์ หรือเพลาประชุมคณะขุนศาลตุลาการ หรือในพิธีลางอย่างเท่านั้น เขาใช้แถบผูกโยงยึดไว้ใต้คาง และเมื่อแสดงการเคารพก็มิได้ถอดออก..."

และลอมพอกได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นชฎาและมงกุฎสำหรับเจ้านายและนักแสดงโขนในยุคหลัง

ลือลั่นจนประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสต้องจารึก!! ปรากฏการณ์ "โกษาปานฟีเวอร์" ในแผ่นดินฝรั่งเศส ถึงขนาด..ทำลอมพอกที่ "โกษาปาน" สวม..ออกมาขาย!!

 

               พระยาโกษาธิบดี (ปาน) เป็นชายหนุ่มที่มีรูปงาม กิริยามารยาทเรียบร้อย มีไหวพริบดีรู้จักโต้ตอบ ได้ถูกเรื่องราวและกาลเทศะ ไม่มีอาการประหม่าสะทกสะเทิ้นเขินอาย เป็นคนช่างสังเกตจดจำสิ่งที่พบเห็นได้ทุกอย่างเมื่อเปลี่ยนแผ่นดินเป็นสมเด็จพระเพทราชานั้น พระยาโกษาธิบดี (ปาน) นั้นได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพระยาโกษาธิบดี แต่ด้วยเหตุที่เป็นคนซื่อสัตย์ต่อสมเด็จพระนารายณ์ฯ ดังนั้นเมื่อเห็นว่าสมเด็จพระเพทราชากระทำการไม่สมควรกรณี แต่งตั้งทั้งพระมเหสีและพระขนิษฐาของสมเด็จพระนารายณ์เป็นพระมเหสี จึงทำให้สมเด็จพระเพทราชานั้นทรงกริ้วเป็นอันมาก จึงหาเหตุให้ต้องพระราชอาญา เมื่อ พ.ศ. 2243 ภรรยาตลอดจนทรัพย์สมบัติของท่านก็ถูกริบหมด และมีโทษโบยด้วยเชือกจนสลบ เล่ากันว่าหลังนั้นไม่มีเนื้อดีจนมีการกล่าวกันว่า เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) นั้นมีความเกรงกลัวพระราชอาญาเสียจนไม่กล้าที่จะกราบทูลเรื่องสำคัญๆ จนในที่สุดถึงแก่อสัญกรรม ด้วยความโทมนัสที่ถูกพระราชอาญาและต้องโทษโบยอยู่เสมอ และในบั้นปลายชีวิตของโกษาปาน ถูกเฆี่ยนและถูกลงอาญาจนต้องตาย/ฆ่าตัวตาย

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : 

https://minimore.com (หนังสือ โกษาปาน ราชทูตกู้แผ่นดิน เขียนโดย ภูธร ภูมะธน สำนักพิมพ์ สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ เล่มนี้เป็นวารสารมิวเซียมสยาม)

https://th.wikipedia.org/wiki/เจ้าพระยาโกษาธิบดี_(ปาน)

ขอบคุณภาพและคลิปจาก : ละคร บุพเพสันนิวาส ช่อง 3