จากกรุงศรีฯสู่แผ่นดินฝรั่งเศส!! เปิดเส้นทางการเดินเรือคณะราชฑูตของ "โกษาปาน" เผยบันทึกชีวิตบนเรือ เวลา ๔ เดือน กับระยะทาง ๖๘,๘๐๐ กิโลเมตร !!

 

             จากละครชื่อดังแห่งยุค "บุพเพสันนิวาส" ที่กำลังเป็นกระแสแรงอยู่ในขณะนี้ ด้วยเนื้อเรื่องที่น่าสนใจและมีความสนุกสนาน สอดแทรกความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในสมัยนั้น และยังมีตัวละครที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์อีกด้วย อย่างเช่น โกษาธิบดี (ปาน) ที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าคณะราชทูตในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส หลังจากที่คณะราชฑูตของฝรั่งเศส ได้เข้ามาถวายพระราชสาส์นของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ต่อขุนหลวงนารายณ์ สำหรับการเดินทางไปแผ่นดินฝรั่งเศสในครั้งนี้ หลายคนสงสัยว่า คณะราชฑูตเดินทางไปด้วยวิธีใด 

 

   

 

            สำหรับเส้นทางการเดินเรือของคณะราชฑูตนำโดยโกษาธิบดีปานนั้น ทางเพจ เกร็ดประวัติศาสตร์ได้นำเสนอข้อมูล ให้ความรู้เกี่ยวการเดินทางครั้งนี้ไว้ว่า

คณะราชทูตของโกษาปานเดินทางไปยังฝรั่งเศสด้วยเส้นทางไหน ?

            ในสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงส่งคณะราชทูตชาวไทยไปยังฝรั่งเศสเพื่อเจริญสัมพันธไมตรี โดยออกเดินทางเมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๒๒๘ เดินทางถึงเมืองแบรสต์ ประเทศฝรั่งเศสในวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๒๒๙ คณะราชทูตทั้งหมดเดินทางจากปากแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านไปยังเกาะสีชัง จากนั้นเดินเรือตรงไปต่อถึงช่องแคบปังกา ซึ่งอยู่ระหว่างเกาะปังกาและเกาะสุมาตรา

๑๑ มกราคม ๒๒๒๙ เรือของคณะราชทูตจอดทอดสมอที่เมืองบันตัม เมืองท่าบนเกาะชวาเพื่อซื้อเสบียงสำหรับการเดินทาง กวี ซึ่งมีผู้เขียนสันนิษฐานว่าเป็น "ออกขุนศรีวิสารวาจา" บรรยายความไว้ว่ามีชาวชวามาขายผลไม้ต่างๆ มากมาย เช่น ทุเรียน มังคุด ส้ม จากนั้นมุ่งเดินทางต่อไปทางทิศตะวันตก ซึ่งจากบันทึกพบว่าคณะเดินทางชุดนี้ต้องพบเจอกับคลื่นลมในมหาสมุทรมากมาย

๑๓ มีนาคม ๒๒๒๙ เดินทางถึงเมืองกาบ เมืองท่าบริเวณแหลมกู๊ดโฮป สภาพของเมืองเป็นตึกใหญ่สีขาวมีกำแพงล้อมรอบ ทั้งยังมีคูน้ำและป้อมปราการ เมืองนี้มีอ่าวลึกใช้จอดท่าเรือสำเภามากมายเพื่อขนถ่ายสินค้า ภายในมีสัตว์เลี้ยงมากมาย เช่น ม้าป่า หมูน้ำ นกหลายชนิดเช่น นกกระจอกเทศ ทั้งยังบรรยายถึงชาวเมืองว่าเป็น "พวกหัวพริก" เนื่องจากมีเส้นผมหยิกหยอย ตัวเปล่าเล่าเปลือย

            หลังทอดสมออยู่ ๑๕ วันเรืออกเดินทางต่อผ่านมหาสมุทรที่คลาคล่ำไปด้วยปลามากมาย ทั้งปลาฉลาม ปลาโอ ปลาโลมา ปลากระเบน จากนั้นราว ๒ เดือนจึงเดินทางถึงเกาะตาปลา เกาะใหญ่ที่ใช้พักเรือขนส่งสินค้า ในบันทึกได้บรรยายถึงความว้าเหว่เอาไว้

 

 

 

            เมื่อผ่านจากเกาะตาปลาแล้ว เรือคณะทูตได้ผ่านไปยังหมู่เกาะอีกหลายเกาะ เช่น เกาะดอกไม้ ที่มีน้ำตกหลายชั้นลดหลั่นลงสู่ทะเล และเมื่อเดินทางอีก ๑๕ วันจึงถึงเกาะววยสั้ง ซึ่งอยู่ใกล้กับเมือแบรสต์ หมุดหมายของคณะทูต รวมระยะเวลาการเดินทางทั้งสิ้น ๕ เดือนกว่า เป็นระยะทางรวม ๖๘,๘๐๐ กิโลเมตร จากบันทึกเล่าว่า เมื่อเดินทางถึงเมืองแบรสต์ในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๒๒๙ เจ้าเมืองพากันออกมาต้อนรับ มีการยิงสลุตคำนับและแต่งเรือที่ประดับประดาอย่างงดงาม

            คณะราชทูตไทยได้เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๒๒๙ และเดินทางกลับเมื่อ ๒๗ กันยายน ๒๒๓๐ รวมเดินทางไปกลับอยุธยาฝรั่งเศสทั้งหมด ๑ ปี ๙ เดือน โดยขาไปใช้เวลา ๔ เดือน ๒๒ วัน และขากลับ ใช้เวลา ๗ เดือน ๘ วัน

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจ  เกร็ดประวัติศาสตร์ (https://www.facebook.com/726502237386172/photos/a.726851737351222.1073741827.726502237386172/1642484482454605/?type=3&theater)

ขอบคุณภาพจาก : ศูนย์สารนิเทศมนุษยศาสตร์ (HIC)