- 02 เม.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
อานิสงส์ของการเก็บศพไร้ญาติล้างป่าช้า
พระภิกขุไต้ฮงกง
จากฮั้วเพ้งแดนไกลมาไทยถิ่น
สู่สำนักจีจินเทศน์คำสอน
หยิบปอเต็กการงานมาทำกลอน
อุทาหรณ์ซ่อนไว้ในใจคน
ข้าไต้ฮงภิกขุลุสถาน
ด้วยอาศัยโพธิญาณนำมรรคผล
แผ่เมตตาการุณย์ทั้งสกล
ให้มนุษย์ค้นพบพระสัทธรรม
การจะทำความเข้าใจในกุศลผลบุญอันเกิดแก่การเก็บศพล้างป่าช้านั้น ก่อนอื่นพึงรู้แจ้งในความหมายของการเก็บศพและล้างป่าช้าเป็นประเดิม การเก็บศพไร้ญาติในที่นี้ หมายถึง การเกื้อกูลแก่ซากศพอันปราศจากเจ้าของแห่งชีวิตนั้น หมายรวมถึงการจัดการกับซากศพดังกล่าวให้ถูกต้องตามประเพณี ไม่ให้เป็นที่อุจาดแก่สาธารณชน ในทางจีนเรียกกิจเช่นนี้ว่า “ซิวซี” ( 收屍 ) ส่วนการล้างป่าช้านั้น หากเก็บความตามรูปศัพท์ ก็หมายถึงการเก็บความตามรูปศัพท์ ก็หมายถึงการเก็บกวาดชำระล้างป่าช้าหรือสุสานอันเป็นที่พักพิงของซากศพให้สะอาดเรียบร้อย หากในทางธรรมาธิษฐาน ยังหมายรวมไปถึงการโปรดสรรพวิญญาณอันไร้ญาติขาดมิตรที่จะเซ่นสรวงให้ได้ไปบังเกิดในสุขาวดีแดน ทั้งหมดนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บศพหรือล้างป่าช้าก็ล้วนมีความหมายที่มุ่งไปในทางคุณธรรมความดีทั้งสิ้น
ที่มาแห่งกุศลจิตดังกล่าว ดูเหมือนจะเริ่มจากความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับ ตามคติชนกับความเชื่อของศาสนายู้และเต๋า ยิ่งเมื่ออิทธิพลของพุทธศาสนาแผ่เข้าสู่มัธยมประเทศ เป็นเหตุให้เกิดพิธีกรรมทางมหายาน ท่ีเรียกว่า “พิธีเซ่นสรวงดวงวิญญาณในเดือนเจ็ด” หรือที่ชาวจีนนิยมเรียกว่า “อู่ ลั้ง เซ่ง หวย” (盂蘭勝會) นี้เป็นปฐมเหตุแห่งกุศลจิตเบี้องต้น ด้วยเหตุที่เชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด และการกลับชาติมาเกิดอีก คติเรื่องวิญาณและผีจึงถูกนำมาอธิบาย การประสมประสานความเชื่อก่อให้เกิดเป็นพิธีกรรมต่างๆ ผีที่มีญาติเจ้าของก็จะได้รับส่วนปัจจัยในการทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ส่วนวิญญาณที่ปราศจากผู้ดูแลและเอาใจใส่ให้การเซ่นสรวง ก็จะเกิดทุกขเวทนาอย่างสาหัส ยิ่งเชื่อในคำสอนเรื่องนรกก็ยิ่งจะแลเห็นความเดือนร้อนของสัตว์อันรับโทษทันฑ์ตามกระแสกรรมที่เคยก่อไว้ในนรกภูมิ ดังปณิธานของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ท่ีว่า “ตราบใดท่ีนรกภูมิยังไม่สิ้นจากทุกขเวทนาของเหล่าสัตว์ จะยังไม่ตรัสรู้อนุตรสัมมาโพธิญาณสู่พระนิพพานภูมิเป็นอันขาด” นี่แหละท่ีเป็นแบบให้มนุษย์และเทวดาปฏิบัติตามมหาปณิธานดังกล่าว เพื่อมุ่งปลดเปลื้องความลำบากทุกข์ยากของเหล่าวิญญาณและสัตว์นรกทั้งสิ้นนั้น
กล่าวสำหรับเบื้องต้นแห่งพิธีกรรมในการเก็บศพและล้างป่าช้านั้น ข้อสำคัญอยู่ท่ีการวางแบบแผนและการกำหนดรู้ในข้อปฏิบัติเกี่ยวกับกุศลกิจทั้งนั้น หากเหนืออื่นในจะต้องเคารพศรัทธาในความเชื่อเกี่ยวกับการเกิดใหม่และปณิธานของพระโพธิสัตว์พระองค์นั้นเป็นพื้นฐาน การเก็บศพก็ดี การล้างป่าช้าก็ดี มีพิธีอันใหญ่โตเคร่งครัดน่าเลื่อมใส เริ่มแต่การก่อตั้งปะรำพิธีไปจนถึงการขุดหาซากศพ และการกระทำพิธีบูชาต่างๆ เหล่านี้ล้วนมีนัยยะในทางธรรมแฝงอยู่โดยตลอดทุกขั้นตอน หากใช่กิจอันเพียงกระทำให้ล่วงผ่านไปเท่านั้นไม่ บางคนนิยมชมชอบการทำงานดังกล่าว ด้วยเห็นเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์พิศดาร แม้โดยจริงจะเป็นเช่นนั้น แต่ถ้าหากเราสามารถรู้ลึกทะลุเปลือกกระพี้่่สู่แก่นเนื้อหาสาระภายในได้ การเก็บศพล้างป่าช้า ก็จะอำนวยอานิสงส์อันยากจะหาได้จากที่ใดๆ
ท่ีว่ามานี้ ก็เพียงเพื่อท่ีจะชี้ให้เห็นว่า การได้ทำงานกับซากศพหรือดวงวิญญาณของผู้ท่ีหาชีวิตไม่แล้ว จะช่วยให้เราแลเห็นธรรมอันยิ่งใหญ่ นั่นก็คือ ธรรมอันว่าด้วยพระอนิจจลักษณะนั่นเอง ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง มีเกิดและแตกดับเป็นธรรมดา การได้รู้จักกระทำมรณสติแต่เมื่อยังอยู่ จะช่วยให้เรารู้เท่าทันอัตวาทุปาทานของเราเอง ยิ่งเรื่องความตายแล้ว การเก็บศพล้างป่าช้าเป็นโอกาศท่ีจะให้ได้ทำอสุภกรรมฐานอย่างดีท่ีสุด เวลาเราดูทีวีหรืออ่านข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ เราเห็นความตายเป็นเรื่องสนุก ยิ่งในหนังสงครามการฆ่าฟันด้วยแล้วยิ่งเร้าใจ แต่เวลาเมื่อเราเจ็บไข้ได้ป่วยแม้เพียงน้อยนิด เรากลับกลัวชีวิตจะหาไม่อย่างลนลาน นี้เป็นทัศนะอันตรงกันข้ามของคนคนเดียวกัน การเก็บศพล้างป่าช้าจะช่วยให้เราแจ่มชัดยิ่งขึ้นในเรื่องเหล่านี้ นอกจากอนุสสติเกี่ยวกับความตายและความรู้ในเรื่องไตรลักษณ์ของชีวิตเป็นอานิสงส์อันสำคัญในกุศลกิจดังกล่าวแล้ว เรายังได้เรียนรู้ในเรื่องความเมตตากรุณาอันเป็นมหายานในการช่วยบรรทุกสรรพชีวิตและวิญญาณฝ่าข้ามทุกขสาครอันเวิ้งว้างหาท่ีสุดมิได้ให้บรรลุยังฝั่งโพธิมรรค อันเป็นทางแห่งความหลุดพ้น ไม่เฉพาะตัวเราเอง หากรวมถึงเวไนยสัตว์อื่นๆ อีกด้วยเป็นท่ีสุด อานิสงส์ของการเก็บศพล้างป่าช้าก็มีอย่างท่ีพรรณนามาแต่ข้างต้น
ขอบพระคุณข้อมูล สมาคมเผยแผ่คุณธรรม “เต็กก่า” จีจินเกาะ