สวรรค์ของนักพนัน! "The 13" โรงแรมที่ได้ชื่อว่า "หรูที่สุดในโลก" กับงบประมาณสร้างกว่า 50,000 ล้านบาท!!!

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th

 

 

หากคุณกำลังมองหาโรงแรมหรู ที่สามารถให้คุณสนุกสนานกับการเล่นพนันได้อย่างเต็มที่และถูกกฎหมาย The 13 อาจเป็นคนตอบที่โดนใจให้กับคุณได้ ด้วยงบประมาณในการสร้างกว่าห้าหมื่นล้านบาท พร้อมด้วยการตกแต่งประดับประดาและการบริการที่เลิศหรูอลังการ จนทำให้โรงแรมแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็น "โรงแรมที่หรูที่สุดในโลก"

 

 


โรงแรม The 13 ตั้งอยู่ในมาเก๊า เน้นการตกแต่งด้วยสไตล์บาโรกผสมโรมัน ค่าใช้จ่ายในการตกแต่งสูงถึงห้องละ 250 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีรถยนต์ Rolls-Royce Phantoms ไว้คอยบริการแขกที่มาพักในโรงแรมสไตล์โบราณแต่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหรูหราครบครัน

 

 

The 13 สูง 23 ชั้น มีห้องอาหารและบาร์เครื่องดื่มทั้งหมด 6 ห้อง แม้จะตกแต่งสไตล์โบราณแต่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหรูหราครบครัน

 

สวรรค์ของนักพนัน! "The 13" โรงแรมที่ได้ชื่อว่า "หรูที่สุดในโลก" กับงบประมาณสร้างกว่า 50,000 ล้านบาท!!!

 


มีห้องสวีทขนาดใหญ่ (ทางโรมแรมเรียกว่าวิลล่า) 200 ห้อง กว้างตั้งแต่ 2,000 ตารางฟุต ถึง 30,000 ตารางฟุต

 

สวรรค์ของนักพนัน! "The 13" โรงแรมที่ได้ชื่อว่า "หรูที่สุดในโลก" กับงบประมาณสร้างกว่า 50,000 ล้านบาท!!!

 


โดยผู้เข้าพักสามารถเดินทางไปยังห้องของตนได้จากลิฟต์ส่วนตัวจากห้องโถง

 

สวรรค์ของนักพนัน! "The 13" โรงแรมที่ได้ชื่อว่า "หรูที่สุดในโลก" กับงบประมาณสร้างกว่า 50,000 ล้านบาท!!!

 


จุดเด่นของโรมแรมแห่งนี้คืออ่างอาบน้ำสไตล์โรมัน ที่สามารถรองรับผู้ใช้บริการได้ครั้งละ 6 ถึง 8 คน

 

สวรรค์ของนักพนัน! "The 13" โรงแรมที่ได้ชื่อว่า "หรูที่สุดในโลก" กับงบประมาณสร้างกว่า 50,000 ล้านบาท!!!

 


ห้องพักทั้งหมดจะตกแต่งด้วยกระจกสีและหินอ่อน ประดับประดาด้วยงานศิลปะเก่าแก่

 

สวรรค์ของนักพนัน! "The 13" โรงแรมที่ได้ชื่อว่า "หรูที่สุดในโลก" กับงบประมาณสร้างกว่า 50,000 ล้านบาท!!!

 


ภายในห้องมีเตียงขนาดคิงไซส์และผ้าม่านกำมะหยี่เพิ่มความรู้สึกหรูหรา ผู้เข้าพักสามารถเรียกใช้บริการของทางโรงแรมได้ตลอด 24 ชั่วโมง ภายในโรงแรมมีโซนจำหน่ายสินค้า รวมทั้งบริการรับ-ส่งฟรีถึงสนามบินด้วยรถหรู

 

สวรรค์ของนักพนัน! "The 13" โรงแรมที่ได้ชื่อว่า "หรูที่สุดในโลก" กับงบประมาณสร้างกว่า 50,000 ล้านบาท!!!

 

 

 

 


 

 

 

 

 

source: BusinessInsider