- 16 ธ.ค. 2559
น้องอาร์ทงานเข้า!!...อนุมัติหมายจับ"องอาจ"ข้อหายุยงปลุกปั่น...เจ้าตัวชิ่งออกจากกลุ่มไลน์"ธรรมกาย"ล่องหน...พวกติ่งถึงกับอุทาน...โธ่ งามไส้!!!(มีคลิป)
ย้อนไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย แถลงท่าทีและจุดยืนของเครือข่ายคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลก โดยระบุว่า ขณะนี้ สถานการณ์ส่อว่าจะบังเกิดเหตุรุนแรง ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับสถาบันพระพุทธศาสนา อันเนื่องมาจากการดำเนินการโดยไม่เป็นธรรม ดังนี้
1. การดำเนินการของพนักงานสอบสวนในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และคดีอื่นที่เกี่ยวโยงกัน มีความไม่เป็นธรรมหลายประการ อาทิ
มีการแจ้งความดำเนินคดี และพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาคณะศิษยานุศิษย์ที่ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อเยียวยาแก่สหกรณ์ฯคลองจั่น ว่ามีความผิดข้อหาเรี่ยไร ทั้งที่เงินนั้นก็เป็นเงินของศิษยานุศิษย์แต่ละท่าน และเสียสละมาเยียวยาแก่สหกรณ์ฯตามข้อตกลงในศาล และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องทั้งวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี อีกทั้งสหกรณ์ฯ มีหนังสือขอบคุณแก่คณะศิษยานุศิษย์ เจ้าหน้าที่ของรัฐแทนที่จะมอบรางวัลแสดงความชื่นชมในน้ำใจเสียสละให้กับศิษยานุศิษย์ แต่คณะศิษยานุศิษย์กลับถูกดำเนินคดีตกเป็นผู้ต้องหา แสดงถึงเจตนาในการหาเรื่องกลั่นแกล้ง ไม่เป็นธรรม
2. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ได้ดำเนินคดีพระเทพญาณมหามุนี ข้อหาบุกรุกป่า และข้อหาก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทับลำรางสาธารณะ ที่สวนป่าหิมวันต์ อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย และที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมเวิลด์ พีซ จังหวัดนครราชสีมา ตามลำดับ โดยอ้างอิงความเห็นของนายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของศาล ทั้งที่นายวิฑูรย์ฯ ซึ่งเคยเป็นอดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ และถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เพราะทำความผิดฐานวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศบิดเบือนความจริง สร้างความเสียหายต่อราชการหลายกรรมหลายวาระ และสำนักงานศาลยุติธรรมไม่ต่อทะเบียนการเป็นผู้เชี่ยวชาญฯของศาล นายวิฑูรย์ฯ จึงมิได้เป็นผู้เชี่ยวชาญฯของศาลแล้ว ซึ่งทางวัดพระธรรมกายได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญฯของศาลที่แท้จริง วิเคราะห์ตรวจสอบด้วยแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหาร ปรากฏผลการตรวจสอบว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเขตป่า และไม่มีลำรางสาธารณะแต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส. กลับเลือกที่จะเชื่อผลการวิเคราะห์ฯของนายวิฑูรย์ฯ ซึ่งมีพฤติกรรมมัวหมองร้ายแรงจนถูกไล่ออกจากราชการ ไม่เชื่อผลการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญฯของศาลที่แท้จริง และไปขอออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี
3. กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ขอให้ กสทช.สั่งหยุดการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม DMC โดยไม่มีการไต่สวน ทั้งที่เนื้อหามีแต่การสวดมนต์ นั่งสมาธิ สอนธรรมะให้ประชาชนเป็นคนดี
4. พฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.โดยการนำของพลตำรวจเอกศรีวราห์ฯ ทำให้คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายพิจารณาแล้วเห็นว่าพระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกายถูกกลั่นแกล้งดำเนินคดีโดยไม่เป็นธรรม สร้างความรู้สึกทุกข์ร้อนคับแค้นใจอย่างแสนสาหัส
5. ขณะนี้มีข่าวปรากฏในสื่อมวลชนว่าทางดีเอสไอและตำรวจได้สนธิกำลังกับทหารและฝ่ายปกครองรวมกว่า 3,000 คน พร้อมด้วยเฮลิคอปเตอร์ สุนัขตำรวจ รถคลื่นเสียงแรงสูงทำลายแก้วหู รถฉีดน้ำความดันสูง หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เตรียมบุกเข้าวัดพระธรรมกายต่อเนื่องเป็นเวลา 4 วัน โดยได้ประสานสั่งการให้โรงพยาบาลใกล้เคียงทุกแห่งเตรียมแพทย์พยาบาลไว้ให้พร้อม ส่อให้เห็นว่าจะใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามจับกุมคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่มาสวดมนต์นั่งสมาธิอยู่ในวัดจำนวนหลายหมื่นคนด้วยความเป็นห่วงพระเทพญาณมหามุนี ซึ่งจะทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จะกลายเป็นข่าวอื้อฉาวสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ประเทศชาติในสายตาชาวโลกอย่างยิ่ง และจะเป็นบาดแผลความขัดแย้งอย่างลึกซึ้ง ระหว่างสถาบันชาติกับสถาบันพระพุทธศาสนาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย"
6. ทำไมเจ้าหน้าที่ต้องยกกำลังกันหลายพันคนราวกับจะทำสงคราม เพียงเพื่อจะจับกุมพระภิกษุชราที่อาพาธหนัก และทำความดีมาทั้งชีวิต เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ได้ไม่เท่าเสีย เหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตนหรือไม่ ทั้งที่ไม่ใช่คดีร้ายแรง แต่เวลาพระใน 4 จังหวัดภาคใต้ถูกฆ่า วัดถูกเผา เจ้าหน้าที่ดีเอสไอและตำรวจเคยทุ่มเทกำลัง 3,000 นาย เพื่อเข้าคลี่คลายคดีหรือไม่
7. ในช่วงเวลานี้เป็นห้วงเวลาพิเศษที่ชาวไทยทั้งประเทศรวมถึงคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้ร่วมใจกันจัดพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นประจำทุกวัน ยิ่งกว่านั้นยังเป็นโอกาสมหามงคลอันประเสริฐที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทย ควรจะเป็นห้วงเวลาที่ชาวไทยทุกคนได้สมานฉันท์เป็นหนึ่งเดียวกัน รักษาสังคมบ้านเมืองที่สงบสันติสุขเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเสริมพระบรมเดชานุภาพของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยให้ปรากฏแก่ชาวโลก ไม่ควรที่จะมีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น
8. คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายนับล้านคน คณะสงฆ์และชาวพุทธทั่วโลก ได้จับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด องค์กรพุทธนานาชาติจำนวนมากได้ทำหนังสือทักท้วงไปยัง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีขอให้ระงับยับยั้งการใช้ความรุนแรงต่อพระสงฆ์ ชาวพุทธ และวัดในพระพุทธศาสนา
9. เรื่องที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนหมู่ใหญ่หลายล้านคน โดยเฉพาะเป็นเรื่องความเชื่อศรัทธาทางศาสนา เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ขอให้เจ้าหน้าที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการแสดงออก อย่าให้มีลักษณะข่มขู่คุกคาม แต่แสดงให้เห็นถึงความเป็นกลาง ยุติธรรมอย่างแท้จริงจนได้รับความเชื่อถือจากประชาชน ปัญหาก็จะสามารถคลี่คลายไปได้ด้วยดีในที่สุด แม้จะต้องใช้เวลาบ้าง แต่ก็เป็นทางออกที่ส่งผลดีที่สุดสำหรับประเทศชาติและพระพุทธศาสนา การใช้ความรุนแรงไม่ใช่ทางแก้ปัญหา แต่จะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหม่ที่ร้ายแรงยิ่งกว่า
“ท้ายที่สุดกระผมขอโอกาส ในท่ามกลางสถานการณ์ที่สุกงอม และมีแนวโน้มที่จะไปถึงความรุนแรง คณะศิษยานุศิษย์ทุกคนคงไม่มีอะไร ตอนนี้คงมีทางเดียวเท่านั้นคือ ต้องขอพึ่งพระบารมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้โปรดอภิบาลคุ้มครอง ข้าพระพุทธเจ้าคณะศิษยานุศิษย์ทุกคน ขอพึ่งพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม ให้สถานการณ์ทั้งหมดทั้งมวลได้กลับร้ายกลายเป็นดี จากหนักเป็นเบา คงจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายของข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่จะขอพึ่งพระบารมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ผู้เป็นประดุจพระบิดาปวงข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ” นางองอาจกล่าว
หลังนายองอาจให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น ได้ยกพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 10 ไว้เหนือหัวนานร่วม 1 นาที
จากกรณีดังกล่าว พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีกับนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายกับพวก ในความผิดฐานยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (2) ในกรณีที่นายองอาจได้แถลงจุดยืนของคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย 9 ข้อ
ภายหลังสอบปากคำผู้ร้องและตรวจสอบเอกสารต่างๆ แล้ว พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด พร้อมกับไปขออำนาจศาลอาญาเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว โดยศาลอนุมัติหมายจับนายองอาจ ในความผิดข้อหาดังกล่าวแล้ว โดยในเรื่องดังกล่าวได้มีการรายงานความคืบหน้าต่อพล.ต.อ.ศรีวราห์ เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไปแล้ว
และล่าสุด นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้ออกจากกรุ๊ปไลน์ของวัดพระธรรมกายไปเรียบร้อย โดยยังไม่มีการเคลื่อนไหวเพิ่มเติมแต่อย่างใด
โดย จิรศักดิ์ สำนักข่าวทีนิวส์






