"หญิงชรากับปลาทูเค็ม"...วันแห่งความรักของ "เสธ.ทัย" อ่านแล้วน้ำตาไหล เราส่งความรักให้คนอื่นได้ แต่อย่าลืมหันกลับไปหาพ่อ-แม่บ้างนะครับ..

"หญิงชรากับปลาทูเค็ม"...วันแห่งความรักของ "เสธ.ทัย" อ่านแล้วน้ำตาไหล เราส่งความรักให้คนอื่นได้ แต่อย่าลืมหันกลับไปหาพ่อ-แม่บ้างนะครับ..

วันที่ 16 ก.พ. 2560 เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam ได้กล่าวถึงเรื่องราวของ "เสธ.ทัย" หรือ "พ.อ.อุทัย รุ่งสังข์" เป็นเรื่องราวสุดซึ้งอ่านแล้วชวนน้ำตาไหล สำหรับชีวิตวัยเด็นจนกระทั่งโตมารับราชการ ซึ่งไม่ง่ายเลย แต่ก็ไม่ยากที่จะผ่านจุดนั้นมาได้ โดยเรื่องราวมีดังนี้...

"หญิงชรากับปลาทูเค็ม"...วันแห่งความรักของ "เสธ.ทัย" อ่านแล้วน้ำตาไหล เราส่งความรักให้คนอื่นได้ แต่อย่าลืมหันกลับไปหาพ่อ-แม่บ้างนะครับ..

"ผมเคยรู้จักกับหญิงชราคนนี้ตั้งแต่เกิด เธอเป็นคนที่ขยัน ประหยัดและอดทนมากๆ

เท่าที่จำความได้ แทบจะไม่เคยได้ยินคำว่า"เหนื่อย"จากปากเธอเลย

ในวันนี้ทำไมผมต้องกล่าวถึง "ปลาทูเค็ม" แทนที่จะเป็นดอกกุหลาบสีแดงเหมือนคนอื่นๆ..

เมื่อประมาณปี ๒๕๒๔ ผมกำลังเรียนอยู่โรงเรียนประถมซึ่งเป็นโรงเรียนวัดข้างบ้าน ใช้เวลาเดินทางไป-กลับไม่นานมากจึงทำให้มีเวลาช่วงเย็นก่อนตะวันตกดินไปรับจ้างถอนกล้า ดำนากับเธอได้

และในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์คือเวลาทองของเราสองคนที่จะไปรับจ้างดำนาได้ทั้งวัน นั่นหมายถึงจะทำเงินได้หลายบาททีเดียว

การไปรับจ้างดำนาก็ไม่ไกลจากบ้านมากนัก แต่เราสองคนจะไม่กลับมาทานข้าวกลางวันที่บ้านเพราะเสียเวลา จึงเอาข้าวใส่ปิ่นโตติดไปด้วยเลย

และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ"ปลาทูเค็ม" เป็นกับข้าวที่ถูกมากๆในห้วงนั้น

วิธีการประกอบเป็นกับข้าวก็ไม่ยุ่งยาก ก็เอาปลาทูเค็ม(ที่ไม่ต้องล้างเอาเกลือออกเลย)ปิ้งกับเตาถ่าน

เธอจะไม่ทอดเพราะเป็นการประหยัดน้ำมันหมูจะได้เอาไปไว้ทำกับข้าวอื่นได้

แล้วเราสองคนก็ทานกันเพียงครึ่งเดียว ซีกหนึ่งของปลา แล้วเก็บอีกครึ่งตัวไว้ไปทานตอนกลางวัน เพื่อให้ทานได้เยอะๆและอิ่มท้อง เราสองคนก็จะเอาน้ำใส่ในข้าวสวย เธอจะเรียกว่า "ข้าวจานน้ำ" และเป็นการลดความเค็มของปลาทูไปในตัวด้วย

เธอบอกกับผมว่า"เรายังดีกว่าคนจีนโพ้นทะเลที่เรียกว่า จับกัง สมัยก่อนนะ เพราะพวกเขาแค่เอาก้อนหินมาคั่วกับน้ำเกลือแล้วกินกับข้าวต้มเยอะๆก็รับจ้างแบกข้าวสารได้ทั้งวัน ...

ผมก็เชื่อเธอนะ พอถึงเวลากลางวันเราสองคนก็ทานปลาทู ส่วนที่เหลือกันจนหมดซึ่งต่างคนต่างแบ่งเนี้อปลามาให้กันและกันซึ่งมันมีอยู่ไม่มากหรอก

เธอมักจะบอกว่า "กินเยอะๆจะได้ฉลาดๆโตไปจะได้เป็นเจ้าคนนายคน เธอจะได้ฝากผีฝากไข้ได้"

ตอนท้าย จะเหลือเพียงก้างปลาทูเค็ม เราจะไม่ทิ้งทันที นำมาดูดให้เกลี้ยงตามด้วยข้าวจานน้ำอีกหลายคำมันจะอิ่มพอดี นั่งพักสักครู่ก็ลงลุยดำนาต่อได้เลย สมัยนั้นเขาวัดกันเป็นไร่ ๑ ไร่(๔๐๐ ตร.วา)มี ๔ งาน ค่าจ้างผมจำไม่ได้ว่าไร่ละเท่าไร แต่ไม่มากนัก แต่ก็เป็นเงินสดๆที่เราได้รับวันต่อวัน นั่นหมายถึงโบนัสที่ผมจะได้จากเธอ อาจจะเป็น"ไอติมตัด รสทุเรียน" สักอันก็ฟินสุดๆแล้ว...


ทุกวันนี้หากผมเดินทางไปที่ไหนเจอร้านข้าวแกงแบบบ้านๆ แล้วมีปลาทูเค็มขาย ผมจะสั่งมาทานเสมอ ขอแบบบ้านๆไม่ต้องใส่เครื่อง ยิ่งถ้าปิ้งด้วยเตาถ่านได้ด้วยยิ่งชอบสุดๆ 
ผมไม่เคยลืมเธอเลยแม้ถึงทุกวันนี้..

ปัจจุบันผมได้รับราชการมีเงินเดือนแล้ว ก็มีโอกาสได้ดูแลเธอได้ไม่กี่สิบปีเอง ถือว่ายังไม่คุ้มกับที่เธอดูแลผมมาตั้งแต่เกิด ประคบประหงม พร่ำสอนให้เป็นคนดี เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กที่จบเพียงแค่แค่ ป.๔ แต่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล พยายามพลักดันผมให้ทะลุมาเป็น นักเรียนนายร้อย จปร.จนได้...

ตอนนี้ผมไม่ลำบากแล้ว อยู่ได้อย่างพอเพียง แต่เธอก็มาจากไปเสียแล้ว ยังไม่ทันมาร่วมสุขกันในบั้นปลายชีวิตได้นานๆ ยังรู้สึกอยู่ทุกวันว่ายังตอบแทนบุญคุณเธอได้ไม่หมดเลย...

ท่านใดที่ยังมีพ่อ-แม่อยู่ หันกลับไปหาท่านบ้างนะครับ... ตอนวันวาเลนไทน์เราส่งความรัก ความสุขให้คนทั่วไป อย่าลืมคน๒คนที่ยังรอคอยความรักจากลูกๆซึ่งมันคือน้ำทิพย์ชะโลมใจอันประเสริฐ ช่วยทำให้เขาทั้งสองสดชื่นและมีความสุข มันมากกว่าของขวัญหรือทรัพย์สินเงินทองมากมาย....

บอกรัก พ่อ-แม่ ท่านหรือยัง สำหรับผมนะ ผมรักท่านทั้งสองทุกๆวัน "

.....ลุงเสธ.ทัย พันเอกอุทัย รุ่งสังข์

 

"หญิงชรากับปลาทูเค็ม"...วันแห่งความรักของ "เสธ.ทัย" อ่านแล้วน้ำตาไหล เราส่งความรักให้คนอื่นได้ แต่อย่าลืมหันกลับไปหาพ่อ-แม่บ้างนะครับ..

 

 

ภัทราพร สำนักข่าวทีนิวส์