บุญไม่น่าจะรักษา!!! "ดีเอสไอ" จ่อเรียกทายาทอัศวโภคิน สอบ เป็นเจ้าของอาคารบุญรักษา จริงหรือไม่!!?? (รายละเอียด)

บุญไม่น่าจะรักษา!!! "ดีเอสไอ" จ่อเรียกทายาทอัศวโภคิน สอบ เป็นเจ้าของอาคารบุญรักษา จริงหรือไม่!!?? (รายละเอียด)

วันที่ 16 มีนาคม 2560 เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร ยังคงมีการประชุมกันทุกวัน ที่ กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 เพื่อประเมินสถานการณ์ประจำวัน ขณะนี้มีผู้ที่ถูกออกหมายเรียกให้เข้ามาพบเจ้าหน้าที่ รวม 317 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ เรียกให้มารายงานตัว 258 ราย และมีคำสั่งห้ามเข้าพื้นที่ 94 ราย(รวมคนที่เรียกมาพบ และมีคำสั่งห้ามเข้าพื้นที่) ขณะนี้มีมารายตัวแล้ว 171 ราย โดยเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมามาพบอีก 20 ราย 

บุญไม่น่าจะรักษา!!! \"ดีเอสไอ\" จ่อเรียกทายาทอัศวโภคิน สอบ เป็นเจ้าของอาคารบุญรักษา จริงหรือไม่!!?? (รายละเอียด)

"ขณะนี้อธิบดีดีเอสไอได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการ สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อมดีเอสไอ และกรมแผนที่ไปตรวจสอบที่ดินรางวัด และข้อเท็จจริงต่างๆในพื้นที่ ที่ปลูกอาคารบุญรักษา เพื่อให้ได้ทราบแน่ชัดว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของใคร หากเป็นของ น.ส.อลิสา อัศวโภคิน บุตรสาวของนาย อนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จริงจะดำเนินการออกหมายเรียกมาสอบ ถึงที่มาที่ไปในการสร้างอาคาร และอนุญาตให้วัดพระธรรมกายใช้สถานที่ เหมือนกรณีป้าเช็ง" พ.ต.ต.วรณัน กล่าว

พ.ต.ต.วรณัน เผยว่า ประเด็นที่พระทัตตชีโว รักษาการเจ้าอาวาส นำเงินจากบัญชีของวัดพระธรรมกาย ที่ได้จากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ไปซื้อหุ้นตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พบคดีเพิ่มเติมอีก 4 คดี หนึ่งในนั้นคือพระทัตตชีโวไปซื้อหุ้นซึ่งต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินและประสานไปยังคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และ ตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ว่าเข้าข่ายผิดกฎการซื้อขายหุ้นว่าเข้าข่ายผิดระเบียบการซื้อขายหรือไหม หากเชื่อมโยงไปถึงใครจะเรียกตัวไปสอบถาม

"ส่วนที่มีข่าวว่าพระทัตตชีโว เข้ามอบตัวเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพระขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังพระทัตตชีโวแล้ว ได้รับแจ้งว่าจะเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาช่วงปลายเดือนนี้ สำหรับพระตามหมายเรียก 14 รูป ขณะนี้ได้เข้าไปพบอัยการรับทราบข้อกล่าวหากรณีขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.แล้ว 11 รูป ขาด พระทัตตชีโว พระครูใบฎีกา และ พระธัมมชัยโย เพียงเท่านั้น" พ.ต.ต.วรณัน เผยอีก

นอกจากนี้ยัง เผยอีกว่า ส่วนความคืบหน้าการประสานให้ทางเจ้าหน้าที่ของทางวัดดำเนินการปรับสภาพพื้นที่รอบบริเวณอาคารบุญรักษา ได้กำชับให้เร่งดำเนินการซึ่งพบว่าบริเวณคูคลองที่มีการขุดไว้บริเวณอาคารบุญรักษายังไม่มีการดำเนินการกลับสู่สภาพเดิม นอกจากนี้บริเวณประตู 4 ประตู 5 และ 6 ก็ยังไม่เรียบร้อย ยังมีสแลน เต้นท์และสิ่งกีดขวางอยู่ ขณะที่ในส่วนของยอดการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้อง มีทั้งหมด 46 คดีทั้งหมด เป็นคดีในความรับผิดชอบของกองปราบ 4 คดี สภ.คลองหลวง 28 คดี และ สภ.คลอง 5 อีก 14 คดี
 

ย้อนกลับไปก่อนหน้าเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อดัง  Siriwanna Jill ซึ่งมักแสดงความเห็นทางการเมือง และมีผู้ติดตามอยู่เป็นจำนวนมาก  ได้โพสต์ข้อความ ถึงกรณีที่ดินและโฉนดทั้ง 8 แปลงรวมเนื้อที่ 57 ไร่ ว่าทายาทสาวตระกูลอัศวโภคิณเป็นผู้ครอบครอง โดยระบุดังต่อไปนี้...

DSI แฉ เจ้าของโฉนดที่ดินบริเวณโซน D ที่ตั้งอาคารบุญรักษา จำนวน 8 แปลง เนื้อที่ประมาณ 60 ไร่ คือทายาทสาวตระกูลอัศวโภคิณ ซึ่งครอบครองโฉนดทั้ง 8 แปลงในวันเดียวกันคือ 7 มิ.ย 56 เป็นการซื้อต่อมาจาก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงิน ฟอกเงิน และรับของโจร คดีเดียวกันที่ ธัมมชโย ตกเป็นผู้ต้องหา โดยอาคารบุญรักษา พระทัตตชีโว ทำพิธีตอกเสาเข็ม นายอนันต์ อัศวโภคินก่อสร้าง

ปี 2556 หลังถูกแจ้งความดำเนินคดี ยักยอกทรัพย์และฉ้อโกง นายศุภชัยกำลังถูกสอบสวน คดีจวนจะยึดอายัดทรัพย์รอมร่อ ปรากฏเอกสารว่า นายศุภชัยได้ลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดิน 8 แปลง รวมเนื้อที่ 57 ไร่ โดยขายให้แก่นางสาวอลิสา อัศวโภคิน ลูกสาวของนายอนันต์ อัศวโภคิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้ดูแลโครงการก่อสร้างของมหาอาณาจักรธรรมกาย
ระบุราคาตกลงซื้อขาย 298 ล้านบาท ที่ดินทั้งหมด ระบุไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ไม่มีการเช่า ไม่ค้างชำระภาษีบำรุงท้องที่ แต่ไม่ปรากฏว่าจ่ายเงินกันจริง

หนังสือสัญญา ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2556 ปรากฏเลขที่โฉนดเสร็จสรรพ เอกสารซื้อขายที่ดินจากนายศุภชัย ระบุว่าวันที่ 7 มิถุนายน 2556 ขณะนั้น นายศุภชัยถูกสอบสวนคดียักยอกทรัพย์ และฉ้อโกงแล้ว หลังการซื้อขายที่ดินแค่ไม่กี่สัปดาห์ คณะกรรมการธุรกรรม มีมติยึดอายัดทรัพย์ของนายศุภชัย อย่างฉิวเฉียด

พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5กำหนดว่า ผู้ใด โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อน หรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด หรือกระทำด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใดๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับ การกระทำความผิด ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงิน

ทั้งนี้ พื้นที่นี้ถือว่าเป็นเขตควบคุมพิเศษ ตาม ม.44 ซึ่งมีข้อห้ามทำกิจกรรมใดๆ ที่เป็นการขัดขวางเจ้าหน้าที่ DSI จะออกหมายเรียก ทายาทอสังหาฯ มาชี้แจง ว่า ทำไมจึงยกที่ดินให้เป็นที่ตั้งอาคารบุญรักษา และปล่อยให้มีการซ่องสุมกำลังคน และพระ จำนวนมาก หากชี้แจงไม่ได้ จะโดนแจ้งข้อหาสนับสนุนให้มีกิจกรรมในพื้นที่ควบคุม ตามมาตรา 44 ด้วย
 

 

 

สินีนุช บรรเจิดธนากุล สำนักข่าวทีนิวส์