มาแล้ว  !!!! พ.ต.ท.พงศ์พร รายงานตัว สปน. ...เปิดคำพูด จิรชัย พูดคุย กันสองคน (รายละเอียด)

มาแล้ว !!!! พ.ต.ท.พงศ์พร รายงานตัว สปน. ...เปิดคำพูด จิรชัย พูดคุย กันสองคน (รายละเอียด)

“พงศ์พร”ดอดรายงานตัว สปน.แล้ว “จิรชัย”จัดห้องสำนักผู้ตรวจราชการชั้น 3 ให้เป็นห้องทำงาน  

มาแล้ว  !!!! พ.ต.ท.พงศ์พร รายงานตัว สปน. ...เปิดคำพูด จิรชัย พูดคุย กันสองคน (รายละเอียด)

 

เมื่อเวลา 15.00 น.สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พ.ต.ท.พงศ์พร พราหณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา(พศ.) ได้เดินทางมารายงานตัวกับตนแล้วเมื่อเวลา 13.30 น.ซึ่งไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกันมาก ตนเพียงแค่ทักทายและมอบหมายงานตามที่ได้มีคำสั่งไปให้ดูแล 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น ซึ่งเมื่อผอ.พศ.รายงานตัวเสร็จ ก็รีบเดินทางกลับทันที โดยบอกว่ามีธุระ 

นายจิรชัย กล่าวด้วยว่า พ.ต.ท.พงศ์พร จะเริ่มเดินทางมาทำงานวันจันทร์ที่ 18 ก.ย. 2560 โดยตนได้จัดให้ใช้ห้องทำงานคือห้องสำนักตรวจราชการ ชั้น 3 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี  ทั้งนี้ห้องทำงานสำหรับผู้ตรวจราชการสำนักปลัด มีทั้งหมด 14 ห้อง ซึ่งปัจจุบันมีห้องว่างอยู่ 3 ห้อง ตนได้ให้เจ้าหน้าที่จัดให้ผอ.พศ.อยู่ 1 ใน 3 ที่เหลืออยู่

มาแล้ว  !!!! พ.ต.ท.พงศ์พร รายงานตัว สปน. ...เปิดคำพูด จิรชัย พูดคุย กันสองคน (รายละเอียด)

โดยในวันนี้ต้องถือเป็นวันครบกำหนดสำหรับการเรียกรายงานตัวของพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) หลังมีคำสั่งยืมตัวให้มาช่วยราชการในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้เมื่อภายหลัง เมื่อมีการเผยแพร่หนังสือในนามของสำนักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ลงนามโดย พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อส่งถึงนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การรับโอนและการให้ไปช่วย ราชการ ไม่ถูกต้อง ได้หลุดออกมาสู่สาธารณะ 

และนอกจากนั้นยังได้มีหนังสือคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.พงศ์พร รับผิดชอบการตรวจราชการเขต 8 ซึ่งเป็นพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีผล ในวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา   ดังนั้นก็ต้องกลับไปทบทวนต้นเรื่อง ลำดับขั้นตอน ดังกล่าวกันเสียก่อน ว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร

โดยคณะรัฐมนตรี มีติเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมา ให้ย้าย พ.ต.ท.พงศ์พร จากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีแทน เพื่อผลประโยชน์ต่อทางราชการ นับตั้งแต่วันที่ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯเป็นต้นไป 

สาระสำคัญ ระบุว่า ด้วยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ได้เสนอขอรับโอน พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี เพื่อประโยชน์ทางราชการและทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี ซึ่งได้พิจารณาแล้วว่าเห็นชอบด้วยตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ จึงเห็นสมควรให้นำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

มาแล้ว  !!!! พ.ต.ท.พงศ์พร รายงานตัว สปน. ...เปิดคำพูด จิรชัย พูดคุย กันสองคน (รายละเอียด)

ซึ่งที่ผ่านมาพ.ต.ท. พงศ์พร ก็ได้ออกมาต่อสู้ตลอดว่า คำสั่งการขอและการให้ยืมตัว ดังกล่าวไม่ถูกต้อง โดยให้เหตุผลสำคัญ ก็คือ มติข้างต้นของนายออมสิน อาจขัดต่อมติคณะรัฐมนตรี และอย่างยิ่งอาจกระทบพระราชอำนาจได้ 

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2560 ได้มีการเผยแพร่หนังสือพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ลงนามโดย พ.ต.ท.พงศ์พร ระบุว่า ตามที่ นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งแต่งให้นายกนก แสนประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ

โดยแจ้งว่าคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อ 29 สิงหาคม 2560 รับโอนกระผม แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่พระทรงโปรดเกล้าฯ และได้อนุมัติให้กระผมไปช่วยงานราชการที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ 29 สิงหาคม 2560 ทำให้กระผมไม่อาจปฏิบัติราชการในตำแหน่งได้ จึงมีคำสั่งดังกล่าว นั้น
กระผมขอเรียนว่า

1.การรับโอนและการให้ไปช่วยราชการข้างต้นนั้น มิได้เป็นไป โดยความรู้เห็นหรือความสมัครใจของเจ้าตัว

2.เมื่อมติคณะรัฐมนตรี มีผลให้กระผมพ้นจากตำแหน่ง นับตั้งแต่วันที่ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯฉะนั้น กระผมจึงยังอยู่ในตำแหน่งนี้และมีอำนาจหน้าที่ใน ตำแหน่งทุกประการ จนกว่าจะเข้าเงื่อนไขดังกล่าว

3.การขอและการให้ยืมตัวกระผมไปช่วยราชการ ทั้งที่รู้ว่าคณะรัฐมนตรีมีมติข้างต้น อาจขัดต่อมติคณะรัฐมนตรี และอาจกระทบพระราชอำนาจได้ 

4.การอนุมัติให้ยืมตัวของท่าน พิจารณาเพียงว่าสำนักนายกรัฐมนตรีไม่เสียหาย แต่มิได้พิจารณาว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งไม่สังกัดสำนัก นายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง (พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 มาตรา 46) เสียหายหรือไม่
อนึ่ง การให้ยืมตัวหัวหน้าส่วนราชการขณะที่มีรองหัวหน้าส่วนราชการซึ่งใกล้เกษียณ (1 ตุลาคม 2560) เหลือเพียงนายคนเดียวน่าจะทำให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งมีภารกิจกว้างขวางเสียหายได้

5.การอนุมัติให้ยืมตัวผมไปราชการ มิใช่กฎหมาย จึงไม่ทำให้กระผมพ้นจากตำแหน่ง และเจ้าหน้าที่ในตำแหน่งอีกทั้งในความเป็นจริงกระผมยังปฏิบัติราชการในตำแหน่งได้ โดยมิต้องนั่งประจำที่สำนักงานพระพุทธศาสนา ฉะนั้น การรักษาราชการแทน ตามคำสั่งที่อ้างถึงจึงยังไม่เกิด เพราะการรักษาราชการแทนเป็นไปโดยผลของ กฎหมาย มิใช่การแต่งตั้งของผู้ใด นอกจากนี้การแต่งตั้งตามคำสั่งที่อ้างไม่จำเป็นต้องกระทำ เนื่องจากขณะนี้สำนักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติมีรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพียงคนเดียว (พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มาตรา 46) 

6. การถือปฏิบัติตามคำสั่งที่อ้างถึงในขณะนี้ จะทำให้เกิดการปฏิบัติราชการโดย ปราศจากอำนาจทางกฏหมาย ทำให้เสียหายแก่ราชการร้ายแรงได้ 

7.การแจ้งให้กระผมไปช่วยราชการ ยังมิได้กระทำโดยผู้บังคับบัญชา

ปรากฏว่าวานนี้ นายไพศาล พืชมงคล ที่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงการโยกย้าย ที่ไม่ถูกต้องในครั้งนี้โดยเฉพาะการกระทำของบุคลผู้มีอำนาจในรัฐบาลอาจจะเข้าข่าย ลิดรอนพระราชอำนาจ สอดคลองกับเหตุผลของพ.ต.ท.พงศ์พร

ต่อมา 14 ก.ย. 60 นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้อีกครั้งผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดย ระบุว่า

“อย่าเพิ่งกล่าวถึงการย้ายครั้งใหม่เลย!

ที่ย้ายครั้งเก่ายังคาราคาซังเพราะยังไม่มีพระราชโองการโปรดเกล้าให้ย้าย จึงยังไม่มีผลเป็นการย้าย!

ขอให้เข้าใจตรงกันว่า

การย้ายข้าราชการบางระดับ เป็นพระราชอำนาจโดยเฉพาะ

รัฐบาลแค่มีหน้าที่กราบบังคมทูลเพื่อมีพระราชโองการให้ย้ายเท่านั้น

ทว่า16ปีมานี้ มีความพยายามลิดรอนพระราชอำนาจ สั่งย้ายเอง

แต่ใช้เล่ห์ทางกฎหมายว่า"รัฐบาลย้าย แต่ให้มีผลเมื่อมีพระราชโองการ"
ซึ่งผิดมาก

ที่ถูกคือ"รัฐบาลนำความกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการย้าย"

ถึงเวลาที่ต้องทำเรื่องนี้ให้ถูกต้องแล้ว และเวลานานพอแล้วหรือยัง ที่จะพิจารณา

1.ขอรับพระราชทานเรื่องย้ายคืนมา

2.ขอรับพระราชทานเรื่องตั้งคนใหม่ทับซ้อนโดยที่ยังไม่มีพระราชโองการคืนมา

3.ยกเลิกคำสั่งสำนักงานปลัดที่ออกโดยยังไม่มีการย้ายนั้นเสียด้วย!

4.พิจารณาคำสั่งตั้งผู้รักษาการ ผอ.พศ. ที่ออกก่อนนายกมีคำสั่งให้ไปช่วยราชการเสียด้วยว่าในเวลานั้น ผอ.พศ. ยังอยู่ ตั้งผู้รักษาการไม่ได้

ประชาชนรักห่วงไม่ต้องการให้รัฐบาลถูกดันหลังไปลงเหว จึงได้โวยวายนะครับ”

มาแล้ว  !!!! พ.ต.ท.พงศ์พร รายงานตัว สปน. ...เปิดคำพูด จิรชัย พูดคุย กันสองคน (รายละเอียด)

ขณะที่ นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ตนได้รับหนังสือจากสำนักเลขาธิการนายกฯแจ้งคำสั่งของนายกฯที่ให้พ.ต.ท.พงศ์พร มาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันจันทร์ที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา นอกจากนี้สำนักเลขาธิการนายกฯ ยังมีหนังสือส่งไปถึงพศ.ด้วย เพื่อให้แจ้งต่อพ.ต.ท.พงศ์พร ให้ทราบเพื่อให้มารายงานตัวที่สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ อย่างไรก็ตาม คิดว่าเรื่องนี้คงไม่ช้าเพราะพศ.กับสปน. คงจะไม่ไกลกันมากนัก เมื่อพ.ต.ท.พงศ์พร ได้รับทราบและได้รับมอบหมายงานเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะรีบเดินทางมารายงานตัว และตนได้เตรียมมอบหมายงานให้ทำแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พ.ต.ท.พงศ์พร ยังไม่เดินทางมารายงานตัว ทั้งที่คำสั่งนายกฯผ่านมาหลายวันแล้ว จะถือเป็นการขัดคำสั่งหรือไม่ นายจิรชัย กล่าวว่า ยังๆ คิดว่าหนังสืออาจเพิ่งถึง อาจอยู่ระหว่างการมอบหมายงาน เมื่อถามว่า ตามกฎระเบียบแล้วมีกำหนดเวลาให้มารายงานตัวหรือไม่ ปลัดสำนักนายกฯ กล่าวว่า ในคำสั่งไม่มีระบุวัน เพียงแต่ว่าหน่วยงานที่รับคำสั่งมีความขัดข้องอะไรหรือไม่ ซึ่งปกติแล้วรับคำสั่งแล้วก็จะต้องรีบเร่งดำเนินการ

เมื่อถามว่าหากพ.ต.ท.พงศ์พร ไม่มารายงานตัวจะมีความผิดอะไรหรือไม่ นายจิรชัย กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นการขัดคำสั่ง แต่คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามว่า ทางสปน. จะต้องรอถึงเมื่อไหร่ นายจิรชัย กล่าวว่า "ผมคิดว่ามันก็ขีดเส้นอยู่ว่าความเหมาะสมในการมอบหมายงานใช้เวลาเท่าไหร่ ไม่เป็นไรติดตามตอนต่อไป มั่นใจว่าน่าจะไม่เกินสัปดาห์นี้ ซึ่งก็เหลือวันนี้(15 ก.ย. 60)อีกวันเดียว"

และท้ายที่สุด พ.ต.ท.พงศ์พร ก็ได้เดินทางมารายงานตัวแล้ว