- 24 ก.ย. 2560
"บิณฑบาตเอาคน ไม่ได้บิณฑบาตเอาอาหาร"...ประสบการณ์หลวงพ่อชา ภิกษุรูปแรกผู้เดินบิณฑบาต กลางกรุงลอนดอน ด้วยหัวใจอันห้าวหาญ ในการเผยแผ่ธรรม!!
ข้อคิด คำสอนหลวงพ่อชา
บิณฑบาตเอาคน ไม่ได้บิณฑบาตเอาอาหาร เจตนาที่หลวงพ่อชาใช้ในการไปเผยแพร่ศาสนาพุทธในต่างประเทศ
เมื่อราวๆ 40 ปีที่แล้ว หลวงพ่อชา สุภัทโท มอบหมายให้พระลูกศิษย์ไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ สมัยนั้นหลวงพ่อสุเมโธยังอยู่ในวัยหนุ่มและมีอายุพรรษาไม่มากนัก เมื่อต้องรับภาระหนักอย่างนี้ ท่านก็เกิดความลังเลสงสัย ไม่แน่ใจว่าวิถีชีวิตแบบพระวัดป่าจะดำรงอยู่ในต่างประเทศได้หรือไม่ เพราะสภาพแวดล้อมดูจะไม่เอื้ออำนวยและคนส่วนใหญ่ไม่ได้นับถือพุทธศาสนา
หลวงพ่อชาถามท่านสั้นๆ ว่า "ที่อังกฤษมีคนดีอยู่บ้างไหม"
ครั้นได้รับคำตอบว่า "พอมีอยู่"
หลวงพ่อชาก็ให้ข้อคิดว่า "ที่ไหนมีคนดี ที่นั่นพระก็อยู่ได้"
ตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์ หลวงพ่อชาน่าจะเป็นพระภิกษุรูปแรกที่ออกเดินบิณฑบาตในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แม้จะมีเสียงทักท้วงจากลูกศิษย์ชาวตะวันตกหลายคนที่เกรงว่าจะผิดกฎหมายและคงไม่มีคนใส่บาตร หลวงพ่อก็ยังคงยืนยันในเจตนาเดิม ท่านบอกว่า "บิณฑบาตเอาคน ไม่ได้บิณฑบาตเอาอาหาร"
วันเวลาผ่านไปหลายสิบปี ไม่ว่าจะไปอยู่ในประเทศใดก็ตาม ลูกศิษย์ของหลวงพ่อชาก็ยังคงปฏิบัติตามคำสอนของท่าน เพียงแต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมและสถานที่นั้นๆ อย่างในช่วงที่อากาศเย็นจัดก็อนุญาตให้สวมรองเท้าและเครื่องกันหนาวออกบิณฑบาตได้ เวลาบิณฑบาตในเมืองที่อยู่ไกลมากอาจต้องมีรถรับส่ง หรือในบางประเทศ เช่น อังกฤษ ต้องใช้วิธียืนอยู่ที่มุมถนนไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงจึงจะมีคนกล้าเข้ามาซักถามและใส่บาตร
ในเมืองนอกอาจจะมีคนใส่บาตรไม่มากเท่าเมืองไทย แต่การออกบิณฑบาตคือการรักษาไว้ซึ่งอริยประเพณี เป็นการเปิดโอกาสให้คนได้พบเห็นสมณะอันเป็นมงคลประการหนึ่ง เป็นช่องทางให้ผู้ที่สนใจในธรรมสามารถเข้ามาพบปะพูดคุยกับพระ และนำไปสู่ความเลื่อมใสศรัทธาและการประพฤติปฏิบัติตามหลักคำสอนต่อไป
หลวงพ่อชาได้วางแนวทางการเผยแพร่ธรรมะด้วยการปฏิบัติให้คนเห็น แล้วคนที่มีปัญญาก็จะเกิดศรัทธาเอง เพราะชื่นชมในการกระทำที่ดีงาม คำสอนของหลวงพ่อเป็นที่ประจักษ์ด้วยความเจริญรุ่งเรืองของวัดป่าในดินแดนตะวันตก ซึ่งสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ
พระอาจารย์โรเบิร์ต สุเมโธ ศิษย์หลวงพ่อชาเล่าว่า
วันหนึ่งหลวงพ่อและเรากำลังบิณฑบาตในลอนดอน มีนักเลงเป็นเด็กผู้ชายสามสี่คนมาแสดงอาการอยากจะต่อสู้กับพวกเรา
หลวงพ่อเดินข้างหน้า อาตมาเดินตามหลังท่าน ตอนนั้นอาตมาก็คิดว่าจะทำอย่างไรดี ถ้านักเลงพวกนั้นจะทำร้ายหรือทำไม่ดีแก่หลวงพ่อ
แต่นักเลงทั้งสี่คนนั้น ไม่ทำร้ายแต่แสดงความรังเกียจ เยาะเย้ยแล้วก็หนีไป
เมื่อกลับถึงที่พัก อาตมาก็ถามหลวงพ่อว่ามีความรู้สึกอย่างไร ท่านพูดว่า โอ้ ดีมากนะ อยู่ที่นี่ก็ได้ผลดีนะ ท่านบอกว่า ไม่เป็นอะไร คนเยาะเย้ยแสดงความรังเกียจต่อท่าน ท่านก็เห็นว่าเป็นธรรมะเท่ากับอยู่ในกรุงเทพฯ ที่มีคนมาเคารพนับถือ
สรรเสริญนินทาทั้งสองนี้มีค่าเท่ากัน ทำให้เกิดปัญญามาก
ถ้ามีแต่สรรเสริญคงจะไม่มีปัญหา ไม่มีความสามารถ ปัญญาจะเจริญ ต้องมีนินทาด้วย"
ที่มา :จากหนังสือ สายธรรมแห่งกัลยาณมิตร (หนังสือที่ระลึกครบรอบ ๒๐ ปี มรณภาพของหลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง)หน้าที่ ๗๓-๗๖ และ เพจ วัดปลื้มพัฒนา สาขาวัดหนองป่าพงที่


