ดราม่าร้อนแรง! ประเด็นธุรกิจ "จำหน่ายปูเสฉวน" เพาะเลี้ยงได้ หรือ จับมาจากธรรมชาติ? หวั่นสูญพันธุ์กระทบระบบนิเวศ

ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่เพจความจริง และ www.tnews.co.th

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Thon Thamrongnawasawat" ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊คส่วนตัว ถึงกรณีที่มีกระแสเกี่ยวกับการเลี้ยงปูเสฉวน ซึ่งตอนนี้มีให้เห็นกันเกลื่อนตามตลาดขายสัตว์เลี้ยง หรือแม้กระทั่งในโลกออนไลน์ก็ตาม ปูเสฉวนนับว่าเป็นสัตว์เลี้ยงยอดฮิตของเหล่าผู้ชื่นชอบการเลี้ยงสัตว์เลยก็ว่าได้ ทำให้มีการกังวลว่าปูเสฉวนที่ซื้อขายกันอยู่นั้นมาจากที่ไหนกันแน่ เนื่องจากข้อมูลของการเพาะเลี้ยงมีค่อนข้างน้อย ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่ายังไม่สามารถเพาะเลี้ยงจนสามารถเพื่อจำหน่ายได้ หลังจากที่กระทู้นี้ได้เผยแพร่ออกไป ทำให้มีผู้ให้ความสนใจประเด็นดังกล่าวและเข้ามาแสดงความคิดเห็นในกระทู้นี้กันอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังถูกแชร์ออกไปกว่า 7 พัน ครั้ง ซึ่งในโพสต์ได้ระบุข้อความว่า
 

หลายวันที่ผ่านมา ผมได้รับข้อความจากเพื่อนธรณ์หลายต่อหลายคน ถามเรื่องการเลี้ยงปูเสฉวนว่าทำได้ด้วยเหรอ จึงอยากตอบให้กระจ่าง #ความตายของเจ้าปูตัวน้อย #อีกหน่อยก็ไม่มีตัวอะไรเดินดุ๊กดิ๊กตามหาดให้เราดู
1. ปูเสฉวนไม่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมาย อาจเป็นเพราะสมัยก่อนไม่มีใครไปยุ่งกับเขา แต่ปัจจุบัน ปูเสฉวนกลายเป็นสัตว์เลี้ยง และถูกจับมามากขึ้นเรื่อยๆ จนน่าเป็นห่วง
2. เรายังเพาะพันธุ์ปูเสฉวนจนถึงขั้นนำมาขายไม่ได้ ปูกลุ่มนี้ปล่อยไข่ลงทะเล ลอยน้ำเป็นแพลงก์ตอน ก่อนกลายเป็นลูกปูกระจายไปทั่ว
ปูเสฉวนไม่ใช่สัตว์เศรษฐกิจ ไม่ได้เป็นอาหาร จึงมีการศึกษาน้อย เพราะไม่มีแรงจูงใจในการเพาะพันธุ์ แต่ปัจจุบันเมื่อมีคนอยากเลี้ยงมากขึ้น ปูจึงถูกจับมาจากธรรมชาติเป็นจำนวนมาก
การจับมา หมายความว่าปูพวกนี้ไม่สามารถออกลูกหลานได้ต่อไป ไม่ผิดอะไรกับการฆ่าปู
(อ่านข้อมูลตอนท้ายที่ขยายความเรื่องนี้ด้วยนะครับ)
3. การจับปูตามอุทยาน แน่นอนว่าผิดกฎหมาย แตถ้าไปจับนอกเขต เจ้าหน้าที่ก็ทำอะไรไม่ได้
4. การเลี้ยงปูเสฉวนอาจทำได้แต่ก็ช่วงหนึ่ง จากนั้นปูก็ตาย อยากเลี้ยงใหม่ก็ไปซื้อ กลายเป็นวงจร จับ-ขาย-ตาย-ซื้อ ส่งผลต่อประชากรปูในธรรมชาติให้ลดลง
5. ปูเสฉวนกินซากเป็นหลัก มีความสำคัญต่อระบบนิเวศเป็นอย่างมาก เมื่อไม่มีปู ก็ไม่มีตัวกำจัดซาก
นอกจากนี้ ปูยังเป็นอาหารของสัตว์อีกมาก เป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศชายหาด
6. ปูเสฉวนน่ารัก แสดงความสมบูรณ์ของพื้นที่ ใครไปเที่ยวทะเล ไปตามชายหาด ก็รู้สึกชื่นชมและรักธรรมชาติ เป็นสัตว์ที่ช่วยเพิ่มความพึงพอใจให้กับนักเที่ยว ซึ่งมีความหมายอย่างมากต่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่เมืองไทยตั้งเป้าไว้
เพราะฉะนั้น การเลี้ยงปูเสฉวน นอกจากฆ่าปู ยังทำร้ายระบบนิเวศ ทำลายความสมบูรณ์ของวัฏจักรธรรมชาติ รังแกชายหาดเมืองไทย และส่งผลต่อการท่องเที่ยว
ผมไม่สามารถจะห้ามใครเลี้ยงปูเสฉวนได้ ผมบอกได้แต่ข้อมูลความเป็นจริง
ผมยังอยากเสนอให้มีการศึกษาเรื่องนี้เพิ่มขึ้น อยากให้เริ่มมีการอนุรักษ์ปูเสฉวน หาทางเพาะพันธุ์ หาทางคุ้มครองปูบางชนิดที่เริ่มเสี่ยงต่อการหมดไปจากธรรมชาติ
ซึ่งแน่นอนว่า ทุกอย่างต้องใช้เวลา และทุกครั้งที่สัตว์หมดไปจากป่าจากทะเลไทย เพราะเราไม่สามารถทำอะไรได้ทัน
แต่สิ่งที่เราช่วยกันได้ทันที ช่วยชะลอชีวิตของปูน้อยเหล่านี้ให้มีโอกาสเดินดุ๊กดิ๊กตามหาดเมืองไทยต่อไป
นั่นคืออย่าเลี้ยงปูเสฉวน บอกต่อให้คนอื่นทราบ ให้รับรู้ความจริง
การเลี้ยงปูเสฉวนคือการฆ่าปูในธรรมชาติและคือการทำร้ายทะเลไทยโดยตรงครับ
หมายเหตุ
สำหรับผู้ที่ไม่ทราบ รู้แล้วต้องการนำไปคืนทะเล ให้นำปูไปปล่อยตามชายหาด อย่าทิ้งลงแม่น้ำลำคลองหนองบึงหรือทะเลน้ำลึก เพราะปูบางชนิดอยู่ไม่ได้ครับ
xxxxx
อัพเดท เรื่องการเพาะเลี้งปูเสฉวนครับ
1. ปูเสฉวนเพาะเลี้ยงได้ไหม ?
จากข้อมูลที่ผมหามา บ้างก็ว่าเพาะพันธุ์ไม่ได้ แต่มีเพจต่างชาติบางเพจบอกว่า very difficult but not quite impossible
การเพาะแบ่งเป็น 3 ช่วง อย่างแรกคือทำให้ปูผสมพันธุ์ซึ่งยากมากเพราะปูในที่เลี้ยงไม่ค่อยจับคู่ ต้องมีอาหารที่ดีและสิ่งแวดล้อมเหมาะสมจริง
ช่วงสองคือเมื่อปูออกไข่เป็นแพลงก์ตอน ช่วงนี้อาจยากสุดในการเลี้ยงให้รอด จนมาถึงช่วงสุดท้ายที่ผ่านไป 40-50 วัน หากรอดมาได้ จะมีโอกาสมากขึ้น
2. แล้วปูที่นำมาขายเป็นปูที่เพาะมาขายหรือเปล่า ?
ผมหาฟาร์มเพาะปูเสฉวนขายไม่เจอ แม้แต่ในต่างชาติ ก็ไม่ได้มีข้อมูลเรื่องฟาร์มชัดเจน
ปูเสฉวนที่เลี้ยงกันในต่างประเทศ มีเป็นจำนวนมากที่ถูกจับมาขาย แม้แต่ในอเมริกา ผมยังหาข้อมูลฟาร์มทำอย่างจริงจังไม่เจอ ส่วนใหญ่เป็นการเพาะของคนใดคนหนึ่งมากกว่า และไม่ได้ระบุว่าสามารถเลี้ยงจนนำไปขายได้
3. แล้วปูในเมืองไทยมาจากไหน ?
ผมคิดว่าหากมีฟาร์มใดสามารถเพาะปูเสฉวนจนนำมาขายได้เป็นจำนวนมาก อาจระบุกับผู้รับมาขายต่อหรือผู้ซื้อไปเลยว่าเป็นปูมาจากฟาร์ม ติดป้ายแสดงแหล่งที่มาให้ชัดเจน
เนื่องจากปูเสฉวนไม่ได้เป็นสัตว์คุ้มครอง เราสามารถเปิดเผยที่มาของปูได้ ผิดกับสัตว์น้ำคุ้มครอง เช่น ปะการัง ฯลฯ
ในกรณีนี้ ไม่ได้หมายถึงการเปิดเผยว่ามีขั้นตอนอย่างไร เพราะแน่นอนว่าบางอย่างอาจเป็นความลับ แต่สามารถแสดงที่มาของปูได้
นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาจให้การรับประกันว่าปูพวกนี้มาจากฟาร์มหรือการเพาะเลี้ยง ไม่ได้จับมาจากธรรมชาติ ซึ่งอาจมีกระบวนการตรวจสอบ และถ้าทำได้จริงควรให้ความสนับสนุนเพื่อการขยายผล
4. หากเราต้องการพัฒนาไปให้ไกลกว่านี้ อาจมีการประชุม การแลกเปลี่ยนความรู้ การศึกษาวิจัย ฯลฯ ที่ช่วยทำให้การเพาะปูเสฉวนเป็นอาชีพได้ กลายเป็นสัตว์น้ำสวยงาม
5. กรณีเช่นนี้ใช่ว่าไม่เคยเกิด ปลาการ์ตูนนีโมเป็นตัวอย่างที่ดี สมัยก่อนเพาะได้แต่ทำราคาไม่ได้ จับจากธรรมชาติถูกกว่า เราพัฒนามาเรื่อยๆ จนกลายเป็นปลาการ์ตูนเพาะเลี้ยงทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม การจับจากธรรมชาติในอดีตส่งผลให้ปลานีโมหลายพื้นที่หมดไป ต้องใช้เวลานานมากในการปล่อยกลับเพื่อฟื้นคืน ปัจจุบันบางพื้นที่ก็ยังทำอยู่ ซึ่งนั่นคือกรณีที่ผมเป็นห่วง
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงเห็นว่า ถ้าเราหันหน้ามามองให้จริงจัง ช่วยกันหาทางออก เร่งศึกษาวิจัย จัดประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ ฯลฯ จะช่วยให้เราสามารถจัดการในเรื่องนี้ได้ครับ

 

ทั้งนี้เรื่องราวทั้งหมดคงต้องรอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือนักวิชาการออกมาชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าว เพื่อเป็นการคลี่คลายข้อสงสัยและชี้แจงถึงข้อเท็จจริงต่างๆ เพราะถ้าหากปูเสฉวนที่กำลังจำหน่ายอยู่นั้นเป็นปูเสฉวนที่ถูกจับมาจากธรรมชาติ อาจทำให้ปูเสฉวนสวนในธรรมชาติมีจำนวนลดลงหรืออาจถึงขั้นสูญพันธุ์เลยก็ได้
 

 

 

 

ข้อมูลจาก : facebook.thon.thamrongnawasawat