นักรบไทยสมัยโบราณ พกพา…“เครื่องรางของขลัง” อะไรบ้าง?.. ไปออกศึกสู้รบกับฝ่ายศัตรู!!

นักรบไทยสมัยโบราณ พกพา…“เครื่องรางของขลัง” อะไรบ้าง?.. ไปออกศึกสู้รบกับฝ่ายศัตรู!!

หากว่าเราพูดถึงนักรบไทยในอดีตก็คง จะต้องมีภาคต่อขยายความเรื่อง “เครื่องราง-ของขลัง พลานุภาพแห่งกองทัพไทยในอดีต”นอกจากเรื่องการสักยันต์ลงอาคมเขียวเต็มตัวของนักรบไทยเราในอดีต แล้ว...เครื่องรางของขลังอะไรบ้างที่อยู่ควบคู่กับความเชื่อแต่ของคนไทยมาแต่โบร่ำโบราณ…

นักรบไทยสมัยโบราณ พกพา…“เครื่องรางของขลัง” อะไรบ้าง?.. ไปออกศึกสู้รบกับฝ่ายศัตรู!!

1.คัมภีร์พระปถมัง ถือ ว่าเป็นคัมภีร์ปฐมบทด้านเวทมนตร์คาถาที่คนสมัยโบราณต่างศึกษาด้านเวทมนตร์ เพราะเป็นคัมภีร์ที่บรรจุพระคาถาพุทธบริสุทธิ์ที่สูงที่สุด โดยพระเถระเกจิอาจารย์ทุกคน ก็ต้องร่ำเรียนคัมภีร์นี้ กระทั้งการศึกสงครามจะนำยันต์จากพระคัมภีร์นี้มาใช้ด้านพลานุภาพความคง กระพันชาตรี

2.ธงชัยเฉลิมพล ใช้ในการนำทัพ เป็นธงที่จะประจุด้วยอาคมอาถรรพ์ต่างๆ ไว้จำนวนมาก เพื่อให้กองทัพมีอำนาจเหนือคู่ต่อสู้พระชัยหลังช้างคือ พระพุทธรูปที่จะอัญเชิญนำไปออกศึก โดยจะประทับอยู่บนหลังช้าง ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ชนะศึกสงคราม

3.พระลีลาเม็ดขนุน เป็นพระที่สร้างขึ้นในสมัยสุโขทัน ที่มีพลานุภาพด้านเมตตามหามงคล แคล้วคลาดจากภยันตราย ทำให้สู้ศึกชนะสงคราม

นักรบไทยสมัยโบราณ พกพา…“เครื่องรางของขลัง” อะไรบ้าง?.. ไปออกศึกสู้รบกับฝ่ายศัตรู!!

4.โคนสมอ คือ พระเครื่องชนิดหนึ่งที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย จะพบในกรุตามวัดโบราณต่างๆ ส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นพระที่มีอิทธิฤทธิ์พลานุภาพด้านคงกระพันชาตรี โดยเฉพาะเป็นที่ร่ำลือกันมากกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ได้นำพระแสงยิงเข้าใส่โคนสมอ แต่เกิดกฤษฎาภินิหาริย์ คือ ยิงไม่เข้า อย่างไรก็ตามไม่อาจจะสืบค้นได้ว่า ผู้ใดเป็นผู้สร้างโคนสมอขึ้นมา

5.พิษหมอน ที่ทำมาจากใบลานจารอักขระ เป็นชิ้นเล็กๆ นำมาแขวนติดตัว

6.ตะกรุดพันกลั่น เป็นเครื่องรางปลุกเสกความคงกระพันที่จะนำไปใส่ไว้ข้างในมือจับด้ามดาบเพื่อ ให้เกิดอิทธิฤทธิ์ในการล้างอาถรรพ์ของคู่ต่อสู้ซึ่งลงอาคมไว้

นักรบไทยสมัยโบราณ พกพา…“เครื่องรางของขลัง” อะไรบ้าง?.. ไปออกศึกสู้รบกับฝ่ายศัตรู!!

7.ตรีนิสิงเห ที่ เกิดจากการคำนวณอัตราเลขที่ผู้ปลุกเสกตียันต์ตรีนิสิงเหลงบนดาบ เพื่อใช้แก้ และถอนอาถรรพ์อาคมต่างๆ ของคู่ต่อสู้ พร้อมกับมีการปลุกเสก "ผงตรีนิสิงเห" เช่นกัน ที่ใช้ประจุลงบนด้ามดาบที่เป็นไม้มะค่า ฝักดาบเป็นไม้มะขามกลายเป็นศาสตราวุธ

8.พระยันต์พุทธนิมิตร (ลง ด้วยพระพุทธคุณอิติปิโส 3 ห้อง ) เป็นรูปองค์พระ พระยันต์มงกุฎเจ้าล้อมด้วยกลเลข ตรีนิสิงแห ของพระครูประศาสน์ สิกขกิจ หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก

นักรบไทยสมัยโบราณ พกพา…“เครื่องรางของขลัง” อะไรบ้าง?.. ไปออกศึกสู้รบกับฝ่ายศัตรู!!

9.มีดหมอเทพศาสตราวุธ ที่นิยมกันมากในสมัยอยุธยา ที่ตีตามสมัยเดิม ใช้ถอนอาถรรพ์ต่างๆ ป้องกันภูติผีปีศาจ

10.เสื้อยันต์ทางด้านคงกระพัน แคล้วคลาด เช่น เสื้อยันต์ที่ลงด้วยนะโมพุทธายะ ไตรสรณาคมน์และหัวใจคาถามหาอุด อีกด้านลงด้วยพระนวโลกุตรธรรม คาถาพระเจ้าห้ามอาวุธ (อะสิสะติ) และพระยันต์หมวดอิติปิโสเกราะเพชร หรือพระยันต์ ไตรสรณาคมน์ ลงเป็นตาม้าหมากรุก หรือ ที่ลงด้วยนะโมพุทธายะ (พระเจดีย์ 5 พระองค์ ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า) หนึ่งในพระอาจารย์ของ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และเสื้อยันต์ราชสีห์ มียันต์มงกุฎเจ้า ด้านหลังลงด้วยพระเจ้า 16 พระองค์

นักรบไทยสมัยโบราณ พกพา…“เครื่องรางของขลัง” อะไรบ้าง?.. ไปออกศึกสู้รบกับฝ่ายศัตรู!!

11.ผ้าซิ่นแม่ เป็น เครื่องรางที่ทหารไทยจะนำติดตัวไปรบในสงคราม คือ ชายซิ่นของผ้าถุงของแม่ผืนที่คลอดครั้งแรกโดยจะนำไปใส่ไว้ในหมวก จะอยู่ในตะกรุด พระประเจียด หรือยันต์มนตรา

12.หุ่นยนต์ หรือ ยันต์ที่ติดไว้บนบานประตู ป้องกันคุณไสยเพราะขณะนอนหลับมนต์คาถาจะเสื่อมลง

นักรบไทยสมัยโบราณ พกพา…“เครื่องรางของขลัง” อะไรบ้าง?.. ไปออกศึกสู้รบกับฝ่ายศัตรู!!

13.เขี้ยวเสือโปร่งฟ้า เป็น เขี้ยว...กลวง เพราะปกติเขี้ยวเสือจะตัน ใครมีไว้พกติดตัวจะมีพลานุภาพด้านมหาอำนาจป้องกันภยันตรายต่าง ๆ รวมถึงป้องกันภูตผีปีศาจ

14.เพชรตาแมว คือดวงตา แมวที่ตายหรือยังมีชีวิตอยู่ ที่มีลักษณะแก้วตากลายเป็นหิน ใครพกติดตัวไว้จะมีพลานุภาพด้านมหาอำนาจป้องกันภยันตรายต่างๆ รวมถึงป้องกันภูติผีปีศาจ

นักรบไทยสมัยโบราณ พกพา…“เครื่องรางของขลัง” อะไรบ้าง?.. ไปออกศึกสู้รบกับฝ่ายศัตรู!!

15.งากำจัด-งากำจาย เป็น งาช้างที่ช้างชนต้นไม้ใหญ่แล้วหักคาทิ้งไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่พบได้ยากมากใครมีไว้พกติดตัวมีพลานุภาพด้านมหาอำนาจป้องกัน ภยันตรายต่างๆ รวมถึงป้องกันภูตผีปีศาจ

นักรบไทยสมัยโบราณ พกพา…“เครื่องรางของขลัง” อะไรบ้าง?.. ไปออกศึกสู้รบกับฝ่ายศัตรู!!

ขอขอบคุณท่านผู้เป็นเจ้าของเครดิตภาพที่ผู้เขียนได้นำมาจาก (อินเตอร์เน็ต)เพื่อใช้ในการแสดงประกอบเนื้อหาสาระข้อมูลนี้ค่ะ..และขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพและข้อมูลจาก:วิกิพีเดีย,ท่าพระจันทร์ และข้อมูลเพิ่มเติม(บางส่วน)จาก :อินเตอร์เน็ตค่ะเรียบเรียงโดย: โชติกา พิรักษา และ ศศิภา ศรีจันทร์ ตันสิทธิ์