พฤติกรรมและคำพูดของพ่อแม่ 15 ข้อ!! ”ที่จะเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก” ใครทำอยู่เลิกเด็ดขาดเลย!!

วันนี้ ผู้เขียน ก็มีเรื่องดีๆมาแนะนำท่านผู้ชม-ผู้อ่านกันอีกเรื่องแล้วนะคะ ในหัวข้อว่า คำพูดที่พ่อแม่ไม่ควรใช้กับลูก หรือ คำพูดเชิงลบทำลายความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก!!
เท่าที่ ผู้เขียน ได้เคยจับสังเกตดูพฤติกรรมของคนเป็นพ่อแม่เด็กในสังคมยุคปัจจุบันนี้มาได้พักใหญ่  ผู้เขียน ก็พบว่าโดยภาพรวมคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ จะมีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยสนใจว่าลูกของตัวเองจะพูดอะไร อีกทั้งไม่เคยใส่ใจที่จะพูดกับลูกหรือทำกิจกรรมร่วมกับลูกกันสักเท่าไรนัก ส่วนใหญ่คนเป็นพ่อแม่มักจะวุ่นวายใช้เวลาไปกับเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนและมักจะสนใจแต่ผู้คนรอบข้างในสังคมที่มีแต่ความเร่งรีบ ด้วยเพราะผู้คนในสังคมมึการแข่งขันแย่งชิงกันอย่างมากมาย รวมไปถึงด้านหน้าที่การงานอันเป็นภาระติดพันอยู่ทุกวี่ทุกวัน ทำให้รู้สึกหงุดหงิดไม่มีอารมณ์จะพูดคุยร่วมกิจกรรมกับลูก แต่คุณรู้หรือไม่ว่า..ในทุกๆครั้งเวลาที่คุณๆเครียดหรือโมโห คำพูดบางคำที่คุณได้พูดพ่นออกไปนั้นได้ส่งผลกระทบทำร้ายจิตใจลูกอย่างรุนแรงโดยที่คุณไม่ได้ตั้งใจ ฉะนั้นคุณควรที่จะจดจำและพึงระลึกอยู่เสมอว่า ผลจากการกระทำของคุณอาจส่งผลกระทบต่อผู้อื่นได้โดยที่คุณคาดไม่ถึงนะคะ  #ยกตัวอย่างเช่น เด็กที่ได้รับคำชมอยู่เสมอ มักจะเป็นเด็กที่กล้าคิดกล้าทำ สดใสร่าเริง กลับกันเด็กที่ถูกต่อว่าอยู่บ่อย ๆ บางคนก็กลายเป็นคนที่ขี้กลัว ไม่มั่นใจในตัวเองไปเลยลองเช็คกันดูนะคะว่าคำพูดแบบไหนที่เราไม่ควรพูดกับลูก และเราเคยใช้คำพูดเหล่านี้กับลูกกันบ้างหรือเปล่า..
 

“สำคัญที่สุดก็คือ คนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่ควรนำพฤติกรรมที่ไม่ดีมาปฏิบัติกับลูก หรือใช้คำพูดที่ไม่ควรนำมาพูดให้ลูกได้ยิน นอกจากจะไม่เกิดผลดีกับด็กแล้ว ยังอาจส่งผลกับพัฒนาการของลูกอีกด้วยนะคะ ไม่ว่าคำพูดที่คุณพูดออกมานั้นจะเป็นคำพูดที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ หรือ  พูดออกไปเพียงแค่อยากเอาชนะลูก อยากให้ลูกเชื่อฟัง อยากให้ลูกหยุดดื้อคำพูดเหล่านี้ คุณอาจคิดว่าไม่นานเดี๋ยวลูกก็ลืม เพียงแค่คุณเอาขนมให้หลอกล่อนิดหน่อยเดี๋ยวลูกก็หายแต่มันไม่จริงเลยนะคะ เพราะคำพูดเชิงลบส่งผลเสียต่อจิตใจของลูกมากกว่าที่คุณคิดเลยทีเดียว การสอนลูกคุณไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดเชิงลบ ยังมีวิธีอื่นอีกตั้งเยอะแยะ ที่จะสอนลูกได้โดยที่ไม่ทำให้ลูกเสียความรู้สึกสูญเสียความมั่นใจ เสียความสัมพันธ์ดีๆของพ่อแม่ลูกไป” เอาล่ะค่ะ คำพูดที่ว่าเป็นคำพูดที่ไม่ดีต่างๆนั้นมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ ..


1. ห้ามทำแบบนี้: ล้อเลียนลูก

นี่เป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเด็ดขาดเลยนะคะ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ เราไม่ควรที่จะล้อเลียนหรือเรียกลูกด้วยชื่ออื่น ๆ ที่อาจทำให้เขาสูญเสียความมั่นใจในตัวเขาไปเลย เช่น อ้วน แห้ง สิว ฯลฯ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ไม่ควรพูดนะคะ!!

พฤติกรรมและคำพูดของพ่อแม่ 15 ข้อ!! ”ที่จะเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก” ใครทำอยู่เลิกเด็ดขาดเลย!!

2. ห้ามพูดคำว่า:หยุดกวนซะทีกับลูกเด็ดขาด
บางครั้งผู้ปกครอง(คนเป็นพ่อเป็นแม่)อาจจะต้องการเวลานอก แต่ถ้าคุณบอกลูกว่าอย่ามายุ่งกับคุณบ่อย ๆ เข้า พวกเขาก็อาจจะไม่คุยกับคุณอีกต่อไป เด็ก ๆควรเรียนรู้ว่าบางครั้งคุณก็ต้องการเวลาพักบ้าง คุณจึงควรที่จะพยายามอธิบายให้ลูกฟังก่อนที่คุณจะระเบิดใส่พวกเขา ว่าคุณขอเวลาทำธุระส่วนตัวสัก 2-3 นาทีหรือจะกี่ชม.คุณก็บอกไป


3. ห้ามทำแบบนี้: ต่อว่าลูกตลอดเวลา

การบอกลูกว่าเขาซุ่มซ่ามหรือนิสัยไม่ดีไม่ได้ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจหรือรู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น แม้ว่าคุณจะไม่ได้พูดกับเขาโดยตรงก็ตาม เด็ก ๆ มักเชื่อในสิ่งที่พวกเขาได้ยินโดยไม่ถามอะไรทั้งสิ้น สุดท้ายพวกเขาก็จะเชื่อว่าพวกเขาแย่อย่างที่คุณพูดจริง ๆ

พฤติกรรมและคำพูดของพ่อแม่ 15 ข้อ!! ”ที่จะเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก” ใครทำอยู่เลิกเด็ดขาดเลย!!


4. ห้ามทำแบบนี้: สั่งลูกให้เก็บอารมณ์

พ่อแม่หลายๆคนมักพยายามปกป้องลูกโดยการบอกเขาว่าไม่ต้องเศร้า หรือไม่ต้องกลัว แต่บางครั้งการบอกไม่ให้เขารู้สึกอย่างนั้นอย่างนี้อาจเป็นการสื่อให้เขารู้สึกว่าอารมณ์และความรู้สึกของเขานั้นไม่สำคัญ พยายามบอกลูกว่าไม่เป็นไรที่จะรู้สึกเช่นนั้น และคุณจะคอยอยู่ข้าง ๆ พวกเขาเสมอ


5. ห้ามทำแบบนี้: เปรียบเทียบลูกกับพี่น้อง ,หรือเปรียบเทียบกับลูกคนอื่น

พ่อแม่ไม่ควรเปรียบเทียบลูกคนหนึ่งกับลูกอีกคน หรือเอาลูกของตัวเองเปรียบเทียบกับลูกคนอื่น คุณควรเข้าใจว่าเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันและคุณก็ควรรักที่พวกเขาแตกต่างกัน การพูดเปรียบเทียบพี่น้องจะทำให้พวกเขาเกลียดกัน พยายามทำให้ลูกรู้ว่าพวกเขาพิเศษกันคนละแบบนะคะ

6. ห้ามทำแบบนี้: โกรธโมโหปรี๊ดสติแตกใส่ลูก

การบอกลูกว่า “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูกทำอย่างนั้น” หรือ “น่าจะฉลาดกว่านี้” จะทำให้ลูกขาดความมั่นใจ เขาจะโตขึ้นโดยรู้สึกว่าทำอะไรก็ผิดและก็ไม่มีวันทำอะไรถูกสักอย่าง พยายามพูดกับลูกดี ๆ แทนที่จะพูดกระโชกโฮกฮากตลอดเวลา

พฤติกรรมและคำพูดของพ่อแม่ 15 ข้อ!! ”ที่จะเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก” ใครทำอยู่เลิกเด็ดขาดเลย!!

7. ห้ามทำแบบนี้: ลงไม้ลงมือกับลูก

การตี หรือการลงโทษหนัก ๆ อาจไม่ส่งผลดีเสมอไป มันอาจใช้ได้ผลแค่ในช่วงแรก แต่สุดท้ายมันก็จะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป 

8. ห้ามพูดคำนี้: ขู่ลูกด้วยประโยคเดิม ๆ

เช่น “อย่าให้พ่อรู้นะ  ถ้าไม่เชื่อก็คอยดู โดนฟาดหนักแน่ !!”ปัญหาก็คือ เมื่อเด็ก ๆ โตขึ้น เขาก็จะรู้ว่าคุณก็แค่ขู่ไปอย่างนั้นโดยไม่ทำอะไร และเขาก็จะไม่ฟังคุณอีก เพราะคำพูดของคุณจะดูไม่มีศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป

พฤติกรรมและคำพูดของพ่อแม่ 15 ข้อ!! ”ที่จะเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก” ใครทำอยู่เลิกเด็ดขาดเลย!!

9. ห้ามพูดคำนี้: ชมลูกพร่ำเพรื่อ

เด็ก ๆ ควรได้รับคำชมบ้าง แต่ไม่ใช่ตลอดเวลา คำชมควรถูกสงวนไว้สำหรับวาระสำคัญเท่านั้น ถ้าคุณชมลูกบ่อยเกินไป มันจะกลายเป็นไร้ความหมาย และเด็ก ๆ จะคิดว่าพวกเขาสมควรได้รับคำชมสำหรับทุก ๆ อย่างที่ทำ


10.ห้ามพูดคำนี้: อย่าทำแบบนี้เดี๋ยวตำรวจจับ    

การขู่ด้วยการหลอก เช่น หลอกผี หรือเอาตำรวจมาขู่ การขู่เป็นการใช้คำพูดเพื่อสื่อออกมาว่า เมื่อทำแบบนี้แล้วจะเกิดผลอะไรตามมาบ้าง ซึ่งภาษาที่พ่อแม่สื่อสารกับลูกเป็นสิ่งสำคัญในการลำดับความคิดของเด็ก การบอกเหตุและผลที่สอดคล้องกัน ทำให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านภาษาที่ดีกว่า และพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ก็จะดีตามไปด้วย แต่การขู่ด้วยเรื่องไม่เป็นเหตุผลก็จะทำให้เด็กขาดการเรียนรู้แบบเป็นเหตุเป็นผล และเมื่อโตขึ้นก็อาจจะยิ่งไม่เชื่อฟัง เพราะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง

พฤติกรรมและคำพูดของพ่อแม่ 15 ข้อ!! ”ที่จะเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก” ใครทำอยู่เลิกเด็ดขาดเลย!!


11. ห้ามพูดคำนี้: ทำแบบนี้เดี๋ยวไม่รักนะ  

เพราะว่าคำพูดเหล่านี้จะไปกระทบความรู้สึกเบื้องลึกในจิตใจลูก อย่าคิดว่าเป็นแค่คำพูดธรรมดาเอง ไม่มีอะไร ลูกคงรู้อยู่แล้วว่าพ่อแม่รัก แต่ในความเป็นจริง คำพูดเหล่านี้เป็นตัวบั่นทอนความรู้สึก


12. ห้ามพูดคำนี้: ต้องมีความเป็นลูกผู้ชาย  

คำว่าต้องมีความเป็นลูกผู้ชายนั้น ไม่ควรพูดกับลูกนะคะ เพราะจะเป็นการปิดกั้นพัฒนาการเด็ก ลูกของคุณอาจจะสับสนว่า การเป็นลูกผู้ชายนั้นต้องทำอย่างไรบ้าง เด็กอาจจะรู้สึกสับสนและลังเลในสิ่งที่จะทำ และไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำนั้นถูฏหรือไม่ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรที่จะแนะนำพฤติกรรมความเป็นผู้นำให้ลูกได้เห็นป็นตัวอย่างที่ถูกต้องด้วยนะคะ 

พฤติกรรมและคำพูดของพ่อแม่ 15 ข้อ!! ”ที่จะเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก” ใครทำอยู่เลิกเด็ดขาดเลย!!


13. ห้ามพูดคำนี้: อย่ามาเถียงนะ” 

คนเป็นพ่อเป็นแม่ จะต้องหัดสะกดอารมณ์ของตัวเองบ้าง และทำใจลองเปิดโอกาสให้ลูกอธิบายและรับฟังเหตุผลของลูกบ้าง แต่ต้องไม่ใช่ถึงกับปล่อยให้ลูกโต้เถียงด้วยความก้าวร้าวนะคะ 

14.  ห้ามพูดคำนี้: ก็เพราะแม่สั่งให้ลูกทำ

แม้คุณจะเป็นพ่อแม่ คุณก็ควรสอนให้ลูกฟังในสิ่งที่คุณพูด แต่คุณก็ควรอธิบายเหตุผลให้เขาฟัง อาจจะไม่ใช่ทุกเรื่อง แต่ก็ส่วนใหญ่ ไม่ใช่สักแต่พูดว่า “ก็เพราะแม่สั่งให้ทำ” ไม่เช่นนั้นเด็กก็จะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำตามที่คุณบอก

พฤติกรรมและคำพูดของพ่อแม่ 15 ข้อ!! ”ที่จะเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก” ใครทำอยู่เลิกเด็ดขาดเลย!!
15. ห้ามพูดคำนี้: อย่างลูกไม่มีทางทำได้หรอก

เป็นคำพูดดูถูกที่อาจทำให้เด็กขาดความมั่นใจ และคิดว่าตัวเองไม่มีทางทำอะไรได้สำเร็จ จนเกิดความรู้สึกด้านลบกับตัวเอง ทางที่ดีควรเปลี่ยนเป็นให้กำลังใจ ให้ลูกลองพยายามดูก่อนดีกว่านะคะ


ลองกลับไปสำรวจกันดูนะคะ ว่าเราเคยชินกับการใช้คำพูดที่ทำร้ายจิตใจลูกอยู่หรือเปล่า ผู้เขียน อยากให้คุณลองปรับเปลี่ยนจากวิธีการใช้คำพูดที่มีผลทำร้ายจิตใจของลูกเป็นการชมการให้กำลังใจลูกแทน แบบนี้จะช่วยให้คุณได้สร้างระเบียบวินัยให้กับลูกควบคู่ไปด้วย แค่นี้...คุณก็ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดที่ทำร้ายจิตใจลูกอีกต่อไป คำพูดจากปากของพ่อแม่ มีอิทธิพลสูงและส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อสภาพจิตใจของลูกได้อย่างมากมายเลยทีเดียวค่ะ
 คำพูดของพ่อแม่ มีผลที่เป็นได้ทั้งช่วยสร้างขวัญกำลังใจสามารถช่วยปลอบประโลมใจและความรู้สึกของลูกได้อย่างดียิ่ง แต่ทว่า!!ในขณะเดียวกันการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมก็อาจก่อให้เกิดผลเสียได้เช่นกันและยังเป็นหนึ่งในตัวกำหนดบุคลิกภาพของเด็กอีกด้วยนะคะ เมื่อทุกคนอ่านบทความจบแล้วก็ลองกลับไปเช็คกันดูนะคะว่าคำพูดแบบไหนที่คุณไม่ควรพูดกับลูก และคุณเคยใช้คำพูดเหล่านี้กับลูกกันบ้างหรือเปล่า!! อย่าปล่อยให้ความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก มีช่องว่างกว้างขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งกลายเป็นรอยร้าวลึกทางใจจนไม่สามารถประสานต่อกันได้อีก

พฤติกรรมและคำพูดของพ่อแม่ 15 ข้อ!! ”ที่จะเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก” ใครทำอยู่เลิกเด็ดขาดเลย!!

ขอขอบคุณท่านผู้เป็นเจ้าของเครดิตภาพที่ผู้เขียนได้นำมาจาก (อินเตอร์เน็ต)เพื่อใช้ในการแสดงประกอบเนื้อหาสาระข้อมูลนี้ค่ะ..และขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพและข้อมูลจาก:วิกิพีเดีย,
ข้อมูลจาก:ของเล่นเสริมพัฒนาการ,และข้อมูลเพิ่มเติม,(บางส่วน)จาก :อินเตอร์เน็ตค่ะ
เรียบเรียงโดย: โชติกา พิรักษา และ ศศิภา ศรีจันทร์ ตันสิทธิ์