คืบหน้าผอ.รพ.นำไฟเซอร์ฉีดให้เมียที่ไม่ใช่ด่านหน้า ส่งเรื่องพิจารณาความผิดทางวินัยแล้ว

คืบหน้าผอ.รพ.นำไฟเซอร์ฉีดให้เมียที่ไม่ใช่ด่านหน้า ส่งเรื่องพิจารณาความผิดทางวินัยแล้ว ทว่าอาจจะไม่ผิดถึงขั้นอาญา แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำไปถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

ความคืบหน้ากรณีผอ.โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรตินครราชสีมานำวัคซีนไฟเซอร์ฉีดให้ภรรยาทั้งที่ไม่ใช่ด่านหน้า ทำให้สังคมไม่พอใจกับเหตุการณ์ผอ.โรงพยาบาลฉีดไฟเซอร์ให้เมีย จนถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนจากทางสาธารณสุขจังหวัด และนอกจากผู้อำนวยการท่านนี้แล้วยังมีสามีของหัวหน้ากลุ่มเภสัชกรรมและคุ้มครองผู้บริโภค โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ รวมทั้งลูกจ้างร้านขายยา ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่บุคลากรด่านหน้าที่แท้จริง ล่าสุดนพ.วิชาญ คิดเห็น รองนายแพทย์ สสจ.นครราชสีมาส่งเรื่องไปให้นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สสจ.พิจารณาแล้ว

 

ลาซาด้า

 

ตอนแรก นายแพทย์แชมป์ สุทธิศรีศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ พร้อมคณะผู้บริหารโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ และนางปาณิสรา ปัถยาวิชญ์ หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรมและคุ้มครองผู้บริโภค ที่ตกเป็นข่าวในโลกโซเชียลซึ่งได้นำเอกสารหลักฐานรายชื่อบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ที่เสนอไปให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา พิจารณาจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์มาให้ฉีด มายืนยันถึงความโปร่งใส 

 

ผอ.รพ.เฉลิมพระเกียรติ

 

ต่อมา วันที่ 17 ส.ค.64 นพ.วิชาญ ประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรียบร้อยแล้ว โดยพบว่า มีการนำวัคซีนไฟเซอร์ไปฉีดให้กับบุคคลโดยผิดเงื่อนไขจริง ซึ่งมีอยู่ 3 ราย ได้แก่ 

1. ภรรยาของ ผอ.รพ.เฉลิมพระเกียรติ 
2.สามีของหัวหน้ากลุ่มเภสัชกรรมและคุ้มครองผู้บริโภค โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ 
และ 3 คนงานในร้านขายยาของเภสัชกรดังกล่าว

ผลสอบเบื้องต้น ผู้ถูกสอบสวนชี้แจงมาว่า "กระทำการโดยเข้าใจว่า เป็นบุคลากรด่านหน้าเช่นกัน เพราะลักษณะงานใกล้ชิดเสี่ยงสัมผัสผู้ติดเชื้อ ซึ่งต่อจากนี้ ตนจะได้รวบรวมหลักฐานข้อเท็จจริงทั้งหมด ส่งให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฯ ได้พิจารณาและวินิจฉัยข้อถูกผิด ก่อนจะตัดสินลงโทษต่อไป"

ล่าสุดวันที่ 22 สิงหาคม นพ.วิชาญ คิดเห็น รองนายแพทย์ สสจ.นครราชสีมา ประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้นนี้เปิดเผยความคืบหน้า ภายหลังจากที่ได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริง ตอนนี้ส่งเรื่องไปให้นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาสสจ.พิจารณาแล้ว

 

ผอ.รพ.เฉลิมพระเกียรติ

 

ทั้งนี้ผลการพิจารณาโทษจะออกมาเช่นไร อยู่ที่นายแพทย์สสจ.นครราชสีมา จะพิจารณา ถึงอย่างไรก็ตามขณะนี้ก็ยังให้ ผอ.รพ.เฉลิมพระเกียรติ ปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม เนื่องจากช่วงสถานการณ์การระบาดของไวรัส โควิด-19 บุคลากรทางการแพทย์มีน้อย จำเป็นต้องให้การทำงานมีความต่อเนื่อง และโทษอาจจะไม่ถึงกับปลดออกจากตำแหน่ง

เพราะในหนังสือสั่งการให้สำรวจบุคลากรที่จะได้รับการฉีดวัคซีนนั้น ให้สำรวจบุคลากรทางการแพทย์ครอบคลุมถึงบุคลากรที่อยู่ในคลินิกเอกชนด้วย เพียงแต่วัคซีนไฟเซอร์ในล็อตแรก ทางสาธารณสุขจังหวัด ได้เน้นย้ำว่าจะฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าก่อนเป็นลำดับแรก ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ในคลินิกเอกชน จะได้รับการฉีดในล็อตถัดไปจึงอาจจะไม่เข้าข่ายผิดถึงคดีอาญา

เพียงแต่ว่าในกรณีนี้ ผอ.รพ.เฉลิมพระเกียรติ และหัวหน้ากลุ่มเภสัชกรรมและคุ้มครองผู้บริโภค รพ.เฉลิมพระเกียรติ นำไปฉีดให้กับคู่สามี ภรรยาของตัวเอง ทำให้เกิดความไม่เหมาะสม และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งการของสสจ. ที่เน้นย้ำว่าจะฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าก่อน ซึ่งขณะนี้ก็ต้องรอทาง สสจ.พิจารณาความผิดทางวินัยอีกครั้ง

 

ลาซาด้า