เจอแล้วตำรวจซุกหมายจับ "เสี่ยโจ้ ปัตตานี"

ผบช.ภ.9เผย เจอแล้วตำรวจซุกหมายจับ "เสี่ยโจ้ ปัตตานี" เผยเป็นนายตำรวจที่มาช่วยราชการ ตอนนี้กำลังดำเนินการสอบสวน

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัว เสี่ยโจ้ ปัตตานี ซึ่งเป็นเจ้าพ่อน้ำมันเถื่อนที่หลบหนีออกนอกประเทศ โดยมีรายงานว่าเสี่ยโจ้หนีไปกัมพูชา และทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 รายงานความคืบหน้าการตรวจสอบกรณี "เสี่ยโจ้ ปัตตานี" หรือ นายสหชัย เจียรเสริมสิน ที่หมายจับหายไปจากสารบบของศาล และมาพบในวันถัดมาที่มีการปล่อยตัวเสี่ยโจ้ไปแล้ว 

โดยการรายงานด้วยวาจา เป็นไปตามที่ข้อเท็จจริงที่ศาลได้แถลงข่าว โดยมีการส่งหมายจับไปยังพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบในพื้นที่ และมีตำรวจรับหมายจับที่ศาลส่งไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องมีการสอบสวนหาผู้รับผิดชอบ โดยให้จเรตำรวจเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบทางวินัย โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีตำรวจกี่นายที่เกี่ยวข้อง ทำไปตามระเบียบในการรับหมายจากองค์กรอื่นหรือไม่ โดยยืนยันว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับองค์กร

 

เสี่ยโจ้ ปัตตานี

 

ทั้งนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่ายังมีหมายจับที่บังคับใช้ได้ คือหมายจับของศาลอุทธรณ์จังหวัดปัตตานี นำตัวมาดำเนินคดี ซึ่งมีโทษจำคุกและยังไม่หมดอายุความ อย่างไรก็ตามในวันที่ 18 พ.ย.64 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 จะมีการแถลงความชัดเจน ยืนยันว่าจะทำเรื่องนี้ให้ปรากฎข้อเท็จจริงให้ชัดเจนและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

กระทั่งล่าสุด พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เผยว่ารู้ตัวตำรวจซุกหมายจับเสี่ยโจ้ ปัตตานี แล้ว ระบุว่า ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และพบว่าทางศาลได้ส่งหมายจับมาให้ที่ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานีจริง โดยส่งผ่านพนักงานสอบสวนท่านหนึ่ง ซึ่งไปที่ศาลพอดี รับหมายมาแล้วก็เอาหมายมาเก็บไม่ได้เข้ากระบวนการตามระเบียบที่กำหนดไว้ แต่หมายก็ไม่ได้หายไปไหน

 

พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9

 

เบื้องต้นจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงถือเป็นความบกพร่อง จึงมีการเสนอให้ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย และปัจจุบันพนักงานสอบสวนท่านนี้ก็ได้ย้ายไปแล้ว เนื่องจากเป็นตำรวจที่มาช่วยราชการ

หลังจากกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ได้ส่งสำนวนตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อที่จะตั้งกรรมการทางวินัยในส่วนที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นหน้าที่ของตำรวจภูธรภาค 3 ที่ตำรวจท่านนี้กลับไปสังกัดอยู่ ในเบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้จำนวน 1 นาย แต่หากสอบสวนถึงผู้ใด ก็จะต้องถูกดำเนินการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นวินัย หรือถ้าผิดอาญา ก็ต้องดำเนินคดี