เช็ค"อาการอันตราย"หลังฉีดวัคซีนโควิด ที่ต้องรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด

เช็ค"อาการอันตราย"หลังฉีดวัคซีนโควิด เป็นแล้วรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด พร้อมเรียนรู้วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดวัคซีน

เช็คอาการอันตรายหลังฉีดวัคซีนโควิด อาการไหนบ่งบอกสัญญาณอันตราย เป็นอาการที่รุนแรงและต้องแก้ไขอย่างไร เรียนรู้วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดวัคซีน

แม้วัคซีนจะสามารถลดความรุนแรงของโรคโควิด-19 ได้ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้นั่นคือ "อาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนโควิด" ซึ่งวันนี้ได้รวบรวม อาการอันตรายหลังฉีดวัคซีนโควิด พร้อมวิธีดูแลตัวเองหลังฉีดวัคซีนอย่างถูกต้อง มีดังนี้

อาการหลังฉีดวัคซีน (แบบไม่รุนแรง)

ปวด บวม แดง ร้อน คัน บริเวณที่ฉีด
ไข้ต่ำ
ปวดศีรษะ
คลื่นไส้
อาเจียน
อ่อนเพลีย

 

เช็ค"อาการอันตราย"หลังฉีดวัคซีนโควิด เป็นแล้วรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุด

อาการหลังฉีดวัคซีน (แบบรุนแรง อาการอันตรายหลังฉีดวัคซีน ต้องรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุด)

ไข้สูง
ใจสั่น
หนาวสั่น
แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก
ปวดศีรษะรุนแรง
หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว
กล้ามเนื้ออ่อนแรง
มีจุดเลือดออกจำนวนมาก
ผื่นขึ้นทั้งตัว ตุ่มน้ำพอง
บวม เช่น หน้าบวม คอบวม บวมทั่วร่างกาย
อาเจียนไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง
ท้องเสีย
ชัก
หมดสติ
ปวดข้อ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อรุนแรง

ข้อจำกัดการฉีดวัคซีนโควิด มีดังนี้

1.ห้ามฉีดในคนที่เคยมีประวัติแพ้วัคซีน แพ้ยา ส่วนประกอบของวัคซีนรุนแรง
2.ห้ามฉีดในคนที่เคยถ่ายเลือด พลาสมา ผลิตภัณฑ์จากเลือด ส่วนประกอบของเลือด อิมมูโนโกลบูลิน ยาต้านไวรัส หรือแอนติบอดีสำหรับรักษา COVID-19 ภายใน 90 วันที่ผ่านมา
3.ห้ามฉีดในคนที่ตรวจพบเชื้อ COVID-19 ช่วง 10 วันที่ผ่านมา สามารถรับวัคซีนหลังติดเชื้อ COVID-19 ได้อย่างน้อย 3 เดือน
4.คนที่มีโรคประจำตัวที่อาการยังไม่คงที่ ควบคุมอาการไม่ได้ เช่น เจ็บแน่นหน้าอก หอบ เหนื่อย ใจสั่น ฯลฯ ต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ก่อนฉีดเท่านั้น
5.คนที่มีอาการเกี่ยวกับสมองหรือระบบประสาทอื่น ๆ ต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์
6.คนที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร หรือวางแผนตั้งครรภ์ ต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์
7.คนที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือได้รับยากดภูมิคุ้มกันต้องปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนฉีด
8.คนที่มีภาวะเลือดออกง่ายหรือหยุดยาก เกล็ดเลือดต่ำ การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ หรือได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือด ต้องปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนฉีดวัคซีน
9.คนที่มีอาการเจ็บป่วยเฉียบพลัน หรือนอนรักษาตัวและออกจากโรงพยาบาลไม่เกิน 14 วัน ต้องเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อนและปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน
10.หากกำลังมีอาการป่วย เช่น มีไข้ หนาวสั่น หายใจลำบาก อ่อนเพลียกล้ามเนื้อ เป็นต้น ต้องเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน แต่ถ้าเป็นหวัดเล็กน้อย ไม่มีไข้ สามารถฉีดวัคซีนได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน

สำหรับอาการข้างเคียงหลัง "ฉีดวัคซีนโควิด" ส่วนใหญ่ไม่รุนแรง และสามารถหายได้เอง ควรเฝ้าระวังหลังจากฉีดไปแล้ว 30 นาที แต่ถ้ามีอาการแพ้รุนแรงมักจะเกิดอาการภายใน 15 นาที 

 

อาการอันตรายหลังฉีดวัคซีนโควิด

 

และหลังจากฉีดวัคซีน วิธีการดูแลหลังฉีดวัคซีนโควิด

1.พักรอดูสังเกตอาการที่โรงพยาบาลหรือจุดที่ฉีดวัคซีน 30 นาทีอย่างเคร่งครัด อาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน COVID-19 ที่อาจเกิดขึ้น เช่น  

- อาการไม่รุนแรง สามารถหายได้เองภายใน 3 วัน เป็นอาการทั่วๆ เช่น มีไข้ต่ำๆ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อ หรือปวด บวม แดง คันหรือซ้ำบริเวณที่ฉีดยา อ่อนเพลีย รู้สึกไม่สบายตัว ปวดศีรษะ คลื่นไส้ หรือมีอาการชาเฉพาะที่ 
- อาการรุนแรง พบได้ไม่บ่อยหรือพบได้น้อย เช่น มีก้อนบริเวณที่ฉีดยา เวียนศีรษะ มึนงง ใจสั่น  ปวดท้อง อาเจียน ความอยากอาหารลดลง เหงื่อออกมากผิดปกติ ต่อมน้ำเหลืองโต ปากเบี้ยว กล้ามเนื้ออ่อนแรง ชักหมดสติ อาการเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล 
- อาการแพ้วัคซีน เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง ความดันตก หลอดลมตีบ หายใจลำบาก มีผื่นขึ้นตามตัว หากพบว่ามีอาการรุนแรง หลังการฉีดวัคซีนควรรีบพบแพทย์ทันที 

2.พยายามอย่าเกร็งแขนข้างที่ฉีดวัคซีน หรือใช้แขนยกของหนักๆ อย่างน้อย 2 วัน 

3.ถ้ามีไข้ หรือปวดเมื่อยมาก ให้รับประทานยาพาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม 1 เม็ด และรับประทานซ้ำได้โดยห่างกัน 6 ชั่วโมง (ห้ามรับประทานยาพวก Brufen, Arcoxia, Celebrex เด็ดขาด) 

4.เมื่อพักรอดูอาการครบ 30 นาที เจ้าหน้าที่จะทำการวัดความดันโลหิตอีกครั้งก่อนกลับ และเมื่อกลับบ้านแล้วยังต้องสังเกตอาการของตัวท่านเองต่ออีก 48-72 ชั่วโมง หากพบอาการผิดปกติที่รุนแรง เช่น ชาครึ่งซีก แขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยว ให้รีบไปพบแพทย์ทันที