พันตำรวจเอก สารภาพแล้วเรื่องแตงโมฉี่ท้ายเรือ หลักฐานครบทั้งภาพ เสียง อัจฉริยะเตรียมเปิดแฉให้รู้พร้อมกัน 9 พ.ค. 65 นี้

ล่าสุดวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 นายอัจฉริยะ เผยว่าตอนนี้มี พันตำรวจเอก สารภาพแล้วเรื่องแตงโมฉี่ท้ายเรือ บอกเลยงานนี้มีคนงานเข้า ซึ่งนายอัจฉริยะบอกว่ามีหลักฐานครบ ทั้งคลิปภาพและเสียง

นายอัจฉริยะเผยขณะเข้ามอบหนังสือร้อง ปปป.ให้เอาผิด 2 นายพลตำรวจคุมคดีแตงโม เตรียมแถลงเปิดคลิปวิดีโอพร้อมหลักฐานขบวนการสร้างข้อมูลเท็จ ช่วยผู้ต้องหา

นายอัจฉริยะ ยังบอกว่า ทั้งหมดล้วนเป็นการสร้างหลักฐานเท็จที่ทำเป็นขบวนการมี "พลตำรวจตรี" เป็นหัวหน้าขบวนการสร้างหลักฐานเท็จ โดยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 อาจถูกหลอกต้ม ไม่ทราบถึงขบวนการดังกล่าว แต่ที่แจ้งความเอาผิดด้วย เนื่องจากเป็นผู้บังคับบัญชาที่ทำหน้าที่กำกับดูแลคดีนี้ 

 

พันตำรวจเอก สารภาพแล้วเรื่องแตงโมฉี่ท้ายเรือ งานนี้มีคนงานเข้า

 

และในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ เวลา 10.00 น. จะเปิดแถลงข่าวใหญ่เปิดโปงขบวนการสร้างหลักฐานเท็จคดีแตงโม ซึ่งมีตำรวจและผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า 20 คน มีทั้งตำรวจฝ่ายสืบสวน สอบสวน เจ้าหน้าที่นิติเวช และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ร่วมขบวนการ โดยจะเสนอหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอมีทั้งภาพ และเสียง และบทสนทนาทางไลน์ รวมถึงคำรับสารภาพของ พันตำรวจเอกนายหนึ่ง ซึ่งสารภาพแล้วว่า ประเด็นการปัสสาวะท้ายเรือของแตงโมไม่เป็นความจริง

ส่วนก่อนที่จะมาร้องทุกข์กับ บก.ปปป.วันนี้ นายอัจฉริยะ ยังบอกว่าได้รับการติดต่อพยายามเสนอเงินหลักแสนบาท เป็นรายเดือน เพื่อไม่ให้มาร้องทุกข์ และเปิดเผยขบวนการ พร้อมยืนยันว่า ขบวนการสร้างหลักฐานเท็จนี้ เริ่มขึ้นหลังเกิดเหตุประมาณ 3 วัน และเป็นการตั้งใจเพื่อแลกรับผลประโยชน์จากผู้ที่มีส่วนได้เสียทางคดี ไม่ใช่เป็นการทำงานผิดพลาดแล้วต้องการปกปิดคดี ซึ่งกุนซือคดีแตงโมเป็นคนเดียวกับที่ช่วยเหลือคดี บอส อยู่วิทยา ที่ขับรถชนตำรวจและหลบหนีไปต่างประเทศ

 

พันตำรวจเอก สารภาพแล้วเรื่องแตงโมฉี่ท้ายเรือ งานนี้มีคนงานเข้า

 

สำหรับคดีที่ส่งไปให้อัยการพิจารณาแล้ว เชื่อว่าอัยการจะตีกลับสำนวนให้ตำรวจนำไปสอบสวนเพิ่ม เช่น ประเด็นบาดแผลของแตงโม ที่มีจำนวนไม่เท่ากันในแต่ละครั้ง และไม่ตรวจหาสารเสพติดในเส้นผมของผู้ต้องหาบางคน

 

พันตำรวจเอก สารภาพแล้วเรื่องแตงโมฉี่ท้ายเรือ งานนี้มีคนงานเข้า

และในวันพรุ่งนี้ จะเดินทางไปยื่นให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับนายตำรวจทั้งสองนาย ที่ร้องทุกข์วันนี้ พร้อมทั้งให้มีคำสั่งไปประจำที่ ศปก.ตร. คือ พลตำรวจโทจิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และพลตำรวจตรีวสันต์ เตชะอัครเกษม ผู้บังคับการสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 ในความผิดฐานมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 184 และ มาตรา 200 ช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษอาญา หรือรับโทษน้อยลง