"ทนายรัชพล"เปิดใจล่าสุด ให้กำลังใจ "อัจฉริยะ"ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมแนะ "หยุดเถอะ" ถ้ามีแต่คำพูดไม่มีหลักฐานจริง

    กรณีที่ ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มีการเปิดเผยถึงการตรวจสอบคำให้การของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์  พบว่า คำให้การต่างๆ เลื่อนลอย ไม่มีพยานหลักฐานมายืนยัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการยึดเครดิตการสืบสวนสอบสวนของตำรวจในคดีดังกล่าว แต่ไม่มีพยานหลักฐานมาประกอบ และทำให้กระบวนการยุติธรรมมีปัญหา นอกจากนี้ ทางกระทรวงยุติธรรม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงการดำเนินการแบบนี้ของนายอัจฉริยะว่าอาจเข้าข่ายหมิ่นประมาท นั้น

"ทนายรัชพล"ให้กำลังใจ"อัจฉริยะ" ถ้าไม่มีหลักฐานจริง ก็หยุดเถอะ
  ความคืบหน้าล่าสุดในเรื่องนี้ ทนายรัชพล ศิริสาคร ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวไทยนิวส์ออนไลน์ เผยข้อมูลในข้อกฎหมายว่า กฎหมายได้มีข้อกำหนดว่าถ้าผู้ใดสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาก็มีความผิดที่ทำให้พนักงานสอบสวนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่ก็ต้องดูองค์ประกอบด้วยว่าตอนที่เขาแจ้งให้ตรวจสอบหลักฐานเป็นแค่การสงสัยหรือยืนยันเลยว่าเป็นหลักฐานจริงๆ ซึ่งถ้ามีการยืนยันว่าเป็นหลักฐานจริงๆ ก็สามารถดำเนินคดีกับเขาได้

"ทนายรัชพล"ให้กำลังใจ"อัจฉริยะ" ถ้าไม่มีหลักฐานจริง ก็หยุดเถอะ

โดยเรื่องนี้ทางกระทรวงยุติธรรมก็ได้มีการระบุแล้วว่าหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผ้าขาว รวมถึงเรื่องที่นายอัจฉริยะไปร้องเป็นเรื่องที่เลื่อนลอย ที่ไม่มีอะไรยืนยันว่าเป็นความจริงที่ไม่สามารถนำมาเข้าสำนวนได้ ซึ่งก็อาจจะมีความผิดฐานแจ้งความเท็จและสร้างพยานหลักฐานปลอม จึงอาจต้องมีการสอบสวนอีกครั้งว่าเขาสร้างพยานหลักฐานเท็จหรือแจ้งความเท็จหรือไม่

"ทนายรัชพล"ให้กำลังใจ"อัจฉริยะ" ถ้าไม่มีหลักฐานจริง ก็หยุดเถอะ


   ทนายรัชพล กล่าวต่อว่า เป็นสิทธิ์ที่ประชาชนสามารถทำได้หากเกิดข้อสงสัยแล้วไปร้องเรื่องต่างๆ ให้มีการตรวจสอบ ซึ่งหน่วยงานเองก็มีหน้าที่ในการรับเรื่องและนำไปตรวจสอบ แต่ก็ยังเป็นไปตามขอบเขต ในกรณีการร้องของนายอัจฉริยะนั้นก็เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคม ถ้าหน่วยงานที่นายอัจฉริยะไปร้องแล้วไม่มีการตรวจสอบ ก็อาจจะเป็นข้อกังขาว่ามีอะไรหมกเม็ดหรือไม่ แต่พอตรวจสอบแล้วผลออกมาอย่างนี้ว่าเลื่อนลอย แล้วใครจะรับผิดชอบ

"ทนายรัชพล"ให้กำลังใจ"อัจฉริยะ" ถ้าไม่มีหลักฐานจริง ก็หยุดเถอะ

ตนจึงอยากให้คนที่สร้างเรื่องราวต่างๆขึ้นมาและไปร้องให้มีการตรวจสอบต่างๆนี้ ออกมารับผิดชอบต่อเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบต่างๆ ก็คือเงินภาษีประชาชนทั้งนั้น รวมถึงยังเสียเวลาในการมาตรวจสอบด้วยทั้งที่ไม่สมควรนำไปยื่นให้ตรวจสอบตั้งแต่แรกแล้ว

 

  ทั้งนี้ ทนายรัชพล ได้แสดงความคิดเห็นต่อคดีแตงโมต่อจากนี้ว่า คงไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว เนื่องจากคุณแม่แตงโมได้มีการถอนฟ้องแล้ว ซึ่งตนอยากจะให้ข้อมูลว่าการที่จะไปร้อง ไม่ว่าจะที่ดีเอสไอให้ทำคดีก็ตาม ต้องเป็นผู้เสียหายไปร้องเท่านั้น ไม่ใช่ว่าใครก็ได้จะไปร้อง เพราะกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจประชาชนทั่วไปไปร้อง เพราะไม่เช่นนั้นไปร้องทุกคดีจะทำอย่างไร

"ทนายรัชพล"ให้กำลังใจ"อัจฉริยะ" ถ้าไม่มีหลักฐานจริง ก็หยุดเถอะ
  โดยขณะนี้สำนวนก็อยู่ที่อัยการ ซึ่งอัยการอาจมีคำสั่งฟ้องศาล และเมื่อฟ้องศาลก็คงเป็นเรื่องของการประมาท ไม่ใช่การฆาตกรรม เนื่องจากพยานหลักฐานไปไม่ถึงขั้นนั้น 

"ทนายรัชพล"ให้กำลังใจ"อัจฉริยะ" ถ้าไม่มีหลักฐานจริง ก็หยุดเถอะ

สำหรับข้อกฎหมายในเรื่องรื้อฟื้นคดีอาญานั้นไม่สามารถทำได้ถ้าไม่ใช่ผู้เสียหาย รวมถึงถ้าหากจะรื้อฟื้นคดีอาญา คดีก็ต้องถึงที่สุดแล้ว และจะต้องมีพยานหลักฐานใหม่ ถ้าไม่มีพยานหลักฐานใหม่ก็ไม่สามารถรื้อฟื้นคดีได้

  อย่างไรก็ตาม ทนายรัชพล ได้ฝากไปถึงนายอัจฉริยะ ด้วยว่า ส่วนหนึ่งตนก็ขอเป็นกำลังใจให้ในการเรียกร้องความยุติธรรม แต่ก็ขอให้มีหลักฐานที่ชัดเจนสักหน่อย อย่ามีเพียงแค่คำพูด หรือถ้าไม่มีหลักฐานจริงก็หยุดเถอะ

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ thainewsonline