โดนแล้ว รมว.ศึกษาธิการ สั่งย้ายครูเย็บกระดาษคำสั่ง ติดเสื้อนักเรียน

รมว.ศึกษาธิการ สั่งย้ายครูเย็บกระดาษคำสั่งให้ใส่ชุดผ้าไทย ติดหน้าอกเสื้อนักเรียน เชื่อไม่มีเจตนาไม่ดี แต่วิธีการไม่เหมาะสมกับสถานการณ์

จากกรณีข่าวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ เมื่อคุณครูของโรงเรียนแห่งหนึ่งในตัวเมืองเพชรบูรณ์ได้มีการเย็บกระดาษติดเสื้อนักเรียนคนหนึ่ง โดยระบุข้อความที่กระดาษว่า "วันอังคารที่ 26 ก.ค.วันพรุ่งนี้ ให้ใส่ชุดผ้าไทย หรือเสื้อลายดอก หรือดูที่ครูแจ้ง" ซึ่งเรื่องดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้ของผู้ปกครองของนักเรียนคนนี้เป็นอย่างมาก จนได้มีการโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า


"เนื่องจากพ่อถูกเตะออกจากกลุ่มไลน์ เพราะแค่พยายามคุยกับผู้ปกครองในกลุ่ม ส่วนแม่ซิมเสีย เข้าไลน์ไม่ได้ เพราะต้องยืนยันผ่านข้อความจากซิม สุดท้ายครูประจำชั้นจึงแก้ปัญหาด้วยการเย็บข้อความแขวนคอประจานกลับมาบ้านแทน เกินไปไหมแบบนี้ เอาใส่กระเป๋ามา หรือจะเขียนโน้ตใส่กระดาษมาก็ได้ มีวิธีแจ้งอีกตั้งหลายแบบ หรือไม่ก็รอให้ถึงวันอังคาร ถ้าลูกไม่แต่งตามที่เขียนมา แล้วค่อยเอาติดประจานแบบนี้ก็ยังไม่สาย"

 

โดนแล้ว รมว.ศึกษาธิการ สั่งย้ายครูเย็บกระดาษคำสั่ง ติดเสื้อนักเรียน

หลังจากที่เป็นข่าว ทางด้านผู้อำนวยการโรงเรียน ได้แสดงความเสียใจและขอโทษต่อผู้ปกครองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมสั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกับคุณครูคนดังกล่าว


สำหรับความคืบหน้า ทางด้าน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า จากที่ทราบข่าวมามองว่า ครูอาจจะไม่มีเจตนาร้าย แต่วิธีการที่ใช้นั้นอาจทำให้ผู้ปกครองไม่สบายใจ ตนได้สั่งการไปยัง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาศึกษาประถมศึกษา (สพป.) เพชรบูรณ์ เขต 1 ให้ครูสื่อสารทำความเข้าใจกับผู้ปกครองให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น และในระหว่างนี้ มอบหมายให้ครูไปสอนหนังสือที่โรงเรียนอื่นเป็นการชั่วคราวแล้ว

 

โดนแล้ว รมว.ศึกษาธิการ สั่งย้ายครูเย็บกระดาษคำสั่ง ติดเสื้อนักเรียน

ขณะที่ นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ครูไม่มีเจตนาไม่ดี แต่อาจทำไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้การแสดงออกไปกระทบความรู้สึกผู้ปกครอง ตนกำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ ให้ดูแลเรื่องสื่อสาร ทำความเข้าใจเรื่องการอยู่ร่วมกัน การทำความเข้าใจระหว่างเด็กกับเด็ก ครูกับเด็ก และครูกับผู้ปกครองด้วย

 

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline