ดราม่าสนั่น ผู้ช่วยพยาบาลสาวโพสต์โวยรถกู้ภัยมูลนิธิสยามรวมใจ เปิดไซเรนขับจ่อตูด ด้านหัวหน้ากู้ภัยฯเเจงล่าสุด ผู้ป่วยวิกฤตสุดท้ายเสียชีวิต

 เกิดดราม่าในโลกออนไลน์เมื่อผู้ช่วยพยาบาลสาวโพสต์โวยรถกู้ภัยมูลนิธิสยามรวมใจ เปิดไซเรนขับจ่อตูด เอาแต่ความสะดวกของตัวเอง ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของคนอื่น จะรีบเเค่ไหนก็ต้องคิดเรื่องความปลอดภัยด้วย  จนเกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ตามมาจำนวนมาก ล่าสุดประธานมูลนิธิสยามรวมใจฯออกมาชี้เเจงเเล้ว ผู้ป่วยวิกฤตในรถเสียชีวิต  งานนี้ต้องฟังความทั้งสองด้าน เเล้วช่วยกันตัดสิน 

ผู้ช่วยพยาบาลสาว ขับไม่หลบ โวยรถกู้ภัยจี้ตูด สุดท้ายผู้ป่วยวิกฤตเสียชีวิต
  โดยผู้ช่วยพยาบาลสาว โพสต์ไว้ว่า  ฝากถึงรถมูลนิธิสยามรวมใจ นะคะ เวลาขอทาง ให้เวลารถคันหน้าดูรถทางซ้ายมือบ้างนะคะ ไม่ใช่คิดแต่จะจ่อตูดอย่างเดียว คิดถึงความปลอดภัยของคนอื่นเค้าบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ความสะดวกของตัวเอง ถึงน้องจะรีบแค่ไหน ด่วนแค่ไหน คิดถึงความปลอดภัยคนอื่นด้วยนะคะ 

ผู้ช่วยพยาบาลสาว ขับไม่หลบ โวยรถกู้ภัยจี้ตูด สุดท้ายผู้ป่วยวิกฤตเสียชีวิต

ผู้ช่วยพยาบาลสาว ขับไม่หลบ โวยรถกู้ภัยจี้ตูด สุดท้ายผู้ป่วยวิกฤตเสียชีวิต
   คืบหน้าล่าสุดกรณีผู้ช่วยพยาบาลสาวโพสต์โวยรถกู้ภัย ทางผู้ใช้เฟซบุ๊ค"ปิยะพงษ์ สุขชนะ"ประธานมูลนิธิสยามรวมใจ อ.ทุ่งสง นครศรีธรรมราช ได้ว่ากล่าวตักเตือนเจ้าหน้าที่คนขับรถดังกล่าวไปแล้ว และขอชี้แจงว่า.. ทางมูลนิธิฯได้สอบสวนถึงสาเหตุที่ได้ปรากฏทางสื่อโซเซียลแล้ว ปรากฏว่า  เจ้าหน้าที่ที่ประจำรถคันดังกล่าว ได้เดินทางไปรับผู้ป่วยวิกฤต และในขณะเดินทางไปดังคลิปที่เผยแพร่อยู่ในขณะนั้น

ผู้ช่วยพยาบาลสาว ขับไม่หลบ โวยรถกู้ภัยจี้ตูด สุดท้ายผู้ป่วยวิกฤตเสียชีวิต

  ได้มีรถเก๋งสีเขียวเจตนาและไม่ให้ความร่วมมือในการให้ทางรถกู้ชีพ จึงทำให้ล่าช้าต่อการไปช่วยเหลือผู้ป่วยเคสดังกล่าว เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็ปรากฏว่า ผู้ป่วยได้มีภาวะหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว ทางเจ้าหน้าที่พยายามช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตผู้ป่วยไว้ได้  ผู้ป่วยวิกฤตเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทางมูลนิธิฯจึงขอแสดงความเสียใจมานะที่นี้

ผู้ช่วยพยาบาลสาว ขับไม่หลบ โวยรถกู้ภัยจี้ตูด สุดท้ายผู้ป่วยวิกฤตเสียชีวิต

   กรณีภาพบันทึกเหตุการณ์ขณะปฏิบัติหน้านั้น ทางมูลนิธิฯมีความจำเป็นจะต้องนำมาเผยแพร่ เนื่องจากมีการโพสทางสื่อโซเซียล " ชุมทางทุ่งสง " ถึงการขับขี่รถกู้ชีพของมูลนิธิสยามฯ แต่คุณพี่เองก็เป็นผู้ช่วยเหลือฅนไข้อยู่โรงพยาบาลทุ่งสง หน้าจะเข้าใจเรื่องการช่วยเหลือผู้ป่วยดี ในกรณีป่วยอาการหนัก ทางมูลนิธิเองหากผู้ป่วยไม่อาการหนักจริงๆ ทางเราเอง คงไม่รีบร้อนขนาดนั้น  ใจเขาใจเราผมเข้าใจครับ  ช่วยพิจารณาตามความคิดของแต่ละท่านเองแล้วกัน

cr.ปิยะพงษ์ สุขชนะ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ thainewsonline