ผจก.แบงก์เอกชนดัง เสียรู้ตกเป็นเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ สูญ 1.3 ล้านในวันเดียว

ผู้จัดการแบงก์เอกชนชื่อดัง เสียรู้ตกเป็นเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ สูญ 1.3 ล้านในวันเดียว เล่าละเอียดกลโกงทำให้หลงเชื่อ

ผจก.แบงก์เอกชนดัง เสียรู้ตกเป็นเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ สูญ 1.3 ล้านในวันเดียว สืบเนื่องจากกรณีที่ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพ หลังได้ให้ความช่วยเหลือผู้จัดการแบงก์เอกชนรายหนึ่ง ซึ่งทางเพจ รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้ระบุข้อความว่า "ไม่น่าเชื่อผู้จัดการแบงก์เอกชนโดนด้วย มิจฉาชีพปลอมตัวเป็นสถาบันการเงินลวงปล่อยกู้สุดท้ายสูญ 1.3 ล้านบาท

ผู้จัดการแบงก์เอกชนชื่อดัง เสียรู้ตกเป็นเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ สูญ 1.3 ล้านในวันเดียว

วันนี้มีผู้จัดการธนาคารเอกชนแห่งหนึ่งมาร้องเรียนกรณีกรอกแบบฟอร์มยื่นขอกู้เงินออนไลน์กับธนาคารชื่อดัง ธนาคาร... ผ่านไป 3 วันมีพนักงานโทรกลับมาสอบถามว่าได้ยื่นขอกู้เงินกับธนาคารดังใช่หรือไม่ ก่อนจะแนะนำขั้นตอนการกู้โดยมีการส่งข้อมูลว่าเป็นสินเชื่อในเครือของธนาคารชื่อดัง 

 


มีเอกสารจากธนาคารแห่งประเทศไทยรับรอง โดยการกู้เงินจะต้องมีการนำเงินฝากประจำไว้จำนวน11%ของยอดที่กู้ห้ามมีการถอนโอนไปทั้งหมด7ครั้ง รวม1,350,000บาทในวันเดียวกัน ทางทนายรณณรงค์ฝากคำถามไปยังธนาคารชื่อดัง ว่าข้อมูลที่ลูกค้าขอยื่นกู้เงินทางออนไลน์มีความปลอดภัยหรือไม่ เหตุใดมิจฉาชีพถึงรู้ข้อมูลว่ามีลูกค้ายื่นกู้เงินและใช้ข้อมูลมาหลอกลวงได้"

ผู้จัดการแบงก์เอกชนชื่อดัง เสียรู้ตกเป็นเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ สูญ 1.3 ล้านในวันเดียว
 

ขณะเดียวกัน ผู้จัดการแบงก์เอกชน เล่าว่า ตนทำเรื่องกรอกแบบฟอร์มกับธนาคารแห่งหนึ่งไว้ เพราะต้องการกู้เงินจำนวน 555,000 บาท นำมาช่วยน้าสาวที่ต้องการใช้เงินไปลงทุน ระหว่างที่กรอกประมาณ 3-4 วัน มี LINE ทักมา แจ้งว่ามีสินเชื่อส่วนบุคคลให้ทำการสมัครลิงก์ ตนจึงกรอกแบบฟอร์มสมัครไป

 

"ไม่ถึง 24 ชั่วโมง มีคนติดต่อเข้ามา แจ้งว่าอนุมัติวงเงิน 500,000 บาท บอกว่าเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เนื่องจากตนเป็นลูกค้าใหม่จะต้องกันวงเงิน ไว้ 11% ของวงเงินกู้เท่ากับ 55,000 บาท ให้โอนเข้ามาในบัญชีเพื่อล็อกวงเงินไว้ โดยตนโอนเงินไปทั้งหมด 7 ครั้ง" เธอเล่ารายละเอียด


โดยเธอระบุรายละเอียดเพิ่มเติมอีกดังนี้ 
 - ครั้งที่ 1 เวลา 11.32 น. จำนวน 55,000 บาท เป็นการกันวงเงิน 11%
- ครั้งที่ 2 เวลา 12.17 น. จำนวน 150,000 บาท ทางบริษัทบอกว่าทำข้อมูลผิดต้องแก้ไขข้อมูล เสียค่าใช้จ่าย 150,000 บาท
- ครั้งที่ 3 เวลา 12.33 น. ให้โอนเงินให้อีก 150,000 บาท เนื่องจากโอนไป 150,000 บาท ครั้งที่แล้ว ไม่ได้ระบุในโน้ตความจำว่า ไว้สำหรับโอนเพื่ออะไร ให้โอนเพื่อแก้ไขข้อมูล

ผู้จัดการแบงก์เอกชนชื่อดัง เสียรู้ตกเป็นเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ สูญ 1.3 ล้านในวันเดียว
- ครั้งที่ 4 เวลา 12.53 น. จำนวนเงินคือ 185,000 บาท
- ครั้งที่ 5 เวลา 14.16 น. จำนวนเงิน 215,000 บาท
- ครั้งที่ 6 เวลา 15.09 น. จำนวนเงิน 255,000 บาท
- ครั้งที่ 7 เวลา 17.25 น. จำนวน 350,000 บาท เป็นรอบสุดท้าย เพื่อจะเติมเครดิตเข้าไป เพราะว่าเครดิตไม่พอ
รวมเป็น 1,360,000 บาท


ผจก.แบงก์เหยื่อคอลเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ ผู้จัดการแบงก์ผู้เสียหาย ยอมรับว่า รู้สึกเสียใจมาก ไม่คิดว่าจะมาโดนหลอกแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นถึงผู้จัดการแบงก์ ยอมรับว่า มิจฉาชีพแนบเนียนมาก มีทั้งหลักฐาน เอกสารที่น่าเชื่อถือ ทำให้ตกเป็นเหยื่อในครั้งนี้


นอกจากนี้ ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า จากนี้ตนเตรียมสอบถามไปยังธนาคาร 2 ธนาคาร เนื่องจาก 3 วันก่อนหน้ามิจฉาชีพทักมา ผู้เสียหายไปกรอกแบบกู้เงินไว้กับ 2 ธนาคารดังกล่าว จึงสงสัยว่าทำไมมิจฉาชีพรู้ว่าเหยื่อต้องการจะใช้เงิน แล้วทักมาทางไลน์ได้ เพราะไม่ได้รู้จักกันทางเฟซบุ๊กด้วย ไม่รู้ว่าข้อมูลส่วนตัวเหยื่อหลุดไปได้อย่างไร เรื่องนี้จึงมองว่าธนาคารแห่งประเทศไทยต้องรับผิดชอบ


อย่างไรก็ตาม ส่วนเรื่องคดีจะแจ้งความข้อหาฉ้อโกง กับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และหากตำรวจสืบจากบัญชีที่โอนไป ถ้าสามารถตามไปถึงที่ทำการของแก๊งได้ ผู้เสียหายก็น่าจะได้เงินคืน สุดท้ายอยากเตือนภัยว่า ผู้จัดการธนาคารยังถูกหลอกได้ เพราะมิจฉาชีพปลอมข้อมูลทางธนาคารแห่งประเทศไทยมาหลอก จึงต้องฝากถึงหน่วยงานภาครัฐหามาตรการช่วยเหลือประชาชนด้วย

 

ผู้จัดการแบงก์เอกชนชื่อดัง เสียรู้ตกเป็นเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ สูญ 1.3 ล้านในวันเดียว
ข้อมูลจาก รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline