ทนายผัวเมียเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ แฉสาวทอม พร้อมงัดคลิปหลักฐานประกอบ

ทนายความ 2 ผัวเมียเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ แฉกลับสาวทอม ออกสื่อเรียกร้องความสนใจ พร้อมงัดคลิปหลักฐานประกอบ

ทนายผัวเมียเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ แฉสาวทอม พร้อมงัดคลิปหลักฐานประกอบ สืบเนื่องจากที่ก่อนหน้านี้ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ได้พา น.ส.เอ๋ ผู้เสียหาย (สาวทอม) พบ พงส.บก.ป.แจ้งความดำเนินคดีกับคู่สามีภรรยานายจ้างเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์มีชื่อเสียง มูลค่าบริษัทหลายร้อยล้านบาท โดยมีนาย จ. และ นาง บ.  เป็นเจ้าของบริษัท และเป็นสามีภรรยากัน ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราและข่มขืนใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการใด 

 

สาวทอมโดนแฉกลับ ทนายเผยอีกด้าน ที่แท้ออกสื่อเรียกร้องความสนใจ พร้อมงัดคลิปหลักฐานประกอบ

ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ น.ส.เอ๋ ผู้เสียหาย (สาวทอม)

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายเอกสิทธิ์ ศรีสังข์ ทนายความของเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ เกี่ยวกับคดีสาวทอม ได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า กรณีที่สาวทอมอดีตลูกจ้างทำงานเกี่ยวกับบัญชี ที่บริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ชลบุรี ไปออกข่าว หรือไปแจ้งความว่าถูกกระทำชำเรา หรือกักขังหน่วงเหนี่ยว ความจริงในเรื่องนี้ เบื้องต้นสาวทอมเป็นชู้กับเมียเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์แห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ชลบุรี


แต่พอมาถูกจับได้ก็มีการพบปะและเลิกกับภรรยาผู้เสียหายหลายครั้ง ระหว่างที่คบหากันได้มีการพูดจาขอความเห็นใจ และได้เงินจากภรรยาของผู้เสียหายไปไม่น้อยกว่า 500,000 บาท และทรัพย์สินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แหวนแบรนด์เนม แต่พฤติกรรมของสาวทอมก็ยังไม่ยอมหยุด กระทั่งเวลาเนิ่นนานกว่า 5 - 6 ปี ก่อนจะมีการจับได้เมื่อช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา

สาวทอมโดนแฉกลับ ทนายเผยอีกด้าน ที่แท้ออกสื่อเรียกร้องความสนใจ พร้อมงัดคลิปหลักฐานประกอบ

ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ น.ส.เอ๋ ผู้เสียหาย (สาวทอม)


ทนายความเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ดังกล่าวระบุต่อไปว่า หลังจากนั้นผู้เสียหายฝ่ายชายได้เสนอทางเลือก 2 ทาง คือ ต้องคืนเงินรวมทั้งทรัพย์สินที่ได้ไป หรือหากรักภรรยาของผู้เสียหายมาก เมื่ออยู่กันมา 5 - 6 ปี จึงเสนอให้มาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน หลังจากนั้นจึงได้ตกลงมาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน ในลักษณะชาย 1 หญิง 2 มาอยู่บ้านเดียวกัน และมีสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว และใช้ชีวิตเฉกเช่นกับสามีภรรยาทั่วไปโดยความยินยอมของทุกฝ่าย

พร้อมกันนี้ยังรวมไปถึงการไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ อย่างเปิดเผยทั้งในและต่างประเทศ เช่น ไปประเทศสิงคโปร์ นอนโรงแรมหรูในพัทยา รวมทั้งโรงแรมในกรุงเทพฯ ไปร้านอาหารก็ถ่ายรูปร่วมกันทั้ง 3 คนอย่างเปิดเผย นอกจากนี้ ยังหลับนอนด้วยกันโดยไม่มีการกักขังหน่วงเหนี่ยวทั้งสิ้นแต่อย่างใด

สาวทอมโดนแฉกลับ ทนายเผยอีกด้าน ที่แท้ออกสื่อเรียกร้องความสนใจ พร้อมงัดคลิปหลักฐานประกอบ

ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ น.ส.เอ๋ ผู้เสียหาย (สาวทอม)


นายเอกสิทธิ์ เล่าเพิ่มเติมอีกว่า ต่อมาฝ่ายสาวทอมได้มีการร้องขอการไปอยู่ในลักษณะชาย 1 หญิง 2 หากไม่มีการพอใจกันขึ้นมาอาจจะมีการฟ้องร้องในเรื่องของการเป็นชู้ เพราะผู้เสียหายมีทะเบียนสมรสกันอยู่ จึงทำข้อตกลงเพื่อป้องกันตัวเอง โดยมีข้อห้ามในเรื่องการทำร้าย ทำให้เสียชื่อเสียง แต่ข่าวที่ออกไปกลายเป็นสัญญาทาสนั้น จากการตรวจสอบหลักฐานแล้ว ไม่ใช่เป็นเรื่องของสัญญาทาสแต่อย่างใด แต่เป็นการทำสัญญาที่มีข้อตกลงกันเอง โดยไม่มีการบังคับหรือขู่เข็ญแต่อย่างใด


"เมื่อมีการคบกันสักระยะหนึ่งคาดว่าคงมีเรื่องไม่เข้าใจกัน ระหว่าง 2 เมีย 1 ผัว จึงเกิดการทะเลาะกัน จึงไปกล่าวหาว่าเป็นเรื่องการกระทำชำเรา ในความเป็นจริงไม่ใช่ และพยายามออกข่าวเพื่อเป็นกระแสสังคมมากดดันพนักงานสอบสวน การมาชี้แจงในครั้งนี้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและพร้อมจะต่อสู้คดีในชั้นศาล" ทนายความเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ ระบุด้วยความมั่นใจ


ทนายความคนดังกล่าวระบุอีกว่า หากไม่ออกมาชี้แจง สังคมอาจไม่เข้าใจและฟังข้อมูลฝ่ายเดียว เชื่อว่าประชาชนที่รับข่าวสาร หากมีสติและไตร่ตรอง ก็คงจะมีข้อกังขาในใจ โดนกระทำหลายครั้งหลายทีแต่ไม่แจ้งความ ประกอบกับมีภาพประกอบว่าไปเที่ยวด้วยกัน โดยเฉพาะไปต่างประเทศ รวมทั้งสัญญาทาสดูแล้วก็ไม่มีอะไร

สาวทอมโดนแฉกลับ ทนายเผยอีกด้าน ที่แท้ออกสื่อเรียกร้องความสนใจ พร้อมงัดคลิปหลักฐานประกอบ

ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ น.ส.เอ๋ ผู้เสียหาย (สาวทอม)


นอกจากนี้ นายเอกสิทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า ในเรื่องนี้ไม่กังวลในการต่อสู้คดีในชั้นศาล แต่ต้องมาพูดเพราะว่าหากไม่พูดสังคมจะไม่เข้าใจ สุดท้ายเชื่อว่าคดีจะจบลงด้วยดี เพราะถือว่าเป็นคนในครอบครัว แต่มีปัญหาไม่เข้าใจกันเท่านั้นเอง สุดท้ายหากมานั่งคุยและปรับความเข้าใจกัน เชื่อทุกฝ่ายคงจบลงไปด้วยดี


ส่วนสัญญาที่อ้างว่าเป็นทาสดูแล้ว เป็นเรื่องข้อตกลงมีการคบกัน 3 คน หากจะเลิกก็ต้องสมัครใจเลิกกันทั้ง 3 คน และจะไม่ทำร้ายกัน ซึ่งไม่มีการบังคับอะไรกันเลย ส่วนการประสานงานกับทางสาวทอมนั้น ยอมรับว่าติดต่อไปแล้ว แต่ไม่มีการตอบไลน์ หากพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกมาคงต้องไปชี้แจง 

 


"ยอมรับว่าสองผัวเมียขณะนี้เครียดมาก จากที่มีข่าวออกมา และทำให้เสียชื่อเสียง ที่สำคัญเป็นการออกข่าวฝ่ายเดียว จึงได้ออกมาชี้แจงข้อมูลให้สังคมทราบบ้าง และผมจะไปพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 11 พฤศจิกายน เพื่อขอทราบข้อมูล เพื่อมาเตรียมการในการยื่นคำให้การในคดีนี้ต่อไป" นายเอกสิทธิ์ ระบุทิ้งท้าย

สาวทอมโดนแฉกลับ ทนายเผยอีกด้าน ที่แท้ออกสื่อเรียกร้องความสนใจ พร้อมงัดคลิปหลักฐานประกอบ

ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ น.ส.เอ๋ ผู้เสียหาย (สาวทอม)

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline