"สมศักดิ์"จี้การไฟฟ้านครหลวงตรวจสอบ มีจนท.เอี่ยวหรือไม่ หลังดีเอสไอปฏิบัติการปราบโกง จับกลุ่มขโมยไฟฟ้าขุดบิทคอยน์เสียหายกว่า 500 ล้าน ชี้นี่แค่ 1% หากรวบได้ทั้งหมดอาจสูงถึง 5 หมื่นล้าน หวั่นเป็นสาเหตุปรับขึ้นค่าไฟฟ้าประชาชน

    7 ธ.ค.65 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงผลการปฏิบัติการ เปิดยุทธการปราบโกงสายฟ้าฟาด (ปฏิบัติการ Electrical Shock) ตรวจค้นการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า ผลิตเหมืองขุดบิทคอยน์ บริเวณเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลรวมทั้งสิ้น 41 จุด มูลค่าอาจสูงถึง 5 หมื่นล้าน หวั่นเป็นสาเหตุปรับขึ้นค่าไฟฟ้าประชาชน

ปฏิบัติการยึดเครื่องขุดบิทคอยน์ 3,500เครื่อง  ลอบใช้ไฟหลวง 5หมื่นล้าน
   สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สนธิกาลัง ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมศุลกากร การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เปิดปฏิบัติการ “Electrical Shock” เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัยลักกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้เป็นจุดทาเหมืองขุดเงิน ดิจิทัล ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีและกรุงเทพมหานคร รวมจานวน 41 จุด ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ปีละกว่า 500 ล้านบาท

ปฏิบัติการยึดเครื่องขุดบิทคอยน์ 3,500เครื่อง  ลอบใช้ไฟหลวง 5หมื่นล้าน

โดยกรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคาร้องเรียน จากพลเมืองดีที่พบว่า มีการ กระทาความผิดทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ โดยมีการลักลอบตั้งเหมืองขุดเงินดิจิทัลโดยเฉพาะบิตคอยน์ โดยผิดกฎหมาย มีการนาเครื่องมือที่ใช้ในการขุดบิทคอยน์มาจากต่างประเทศ เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน และมีการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า ต่อการกระแสไฟตรงโดยไม่ผ่านมิเตอร์ ทาให้ประเทศได้รับความเสียหาย

ปฏิบัติการยึดเครื่องขุดบิทคอยน์ 3,500เครื่อง  ลอบใช้ไฟหลวง 5หมื่นล้าน

   กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีการประสานงานกับการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมทั้งกรมศุลกากร จนพบจุดต้องสงสัยมากกระจายตัวในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ซึ่งการทำเหมืองขุดบิทคอยน์ดังกล่าวจะใช้กระแสไฟฟ้าปริมาณมากขนาดเทียบเท่ากับโรงงานอุตสาหกรรม แต่มีการลักลอบต่อไฟตรง โดยไม่ผ่านมิเตอร์วัดไฟ อันเป็นการลักกระแสไฟฟ้า

 

ปฏิบัติการยึดเครื่องขุดบิทคอยน์ 3,500เครื่อง  ลอบใช้ไฟหลวง 5หมื่นล้าน

   ซึ่งเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา และอาจมีความผิดอาญาอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหลายฐานความผิด จากการสืบสวน จนพบกลุ่มนายทุนที่มีพฤติการณ์จัดหาอาคารพาณิชย์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลกว่า 41 แห่ง เช่าไว้เพื่อใช้เป็นจุดวางเครื่องขุดเงินดิจิทัล

   ผลปฏิบัติการเปิดยุทธการปราบโกงสายฟ้าฟาด (ปฏิบัติการ Electrical Shock) ตรวจค้น 41 จุด ที่มีการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า และใช้เครื่องขุดเงินดิจิทัลเลี่ยงภาษีในเหมืองขุดบิตคอยน์ พบว่า ทั้ง 41 จุด เป็นอาคารพาณิชย์ ที่มีการต่อกระแสไฟฟ้าตรงที่ไม่ผ่านมิเตอร์ไฟฟ้า และพบอุปกรณ์ที่ใช้ขุดเหรียญ คริปโตเคอเรนซี่ ที่กำลังใช้ไฟฟ้าจากการลักลอบต่อกระแสไฟตรง ยึดเครื่องขุดบิทคอยน์ 3,500 เครื่อง และยังมีเครื่อง Power Supply ที่มีกาลัง 1,800 - 2,000 วัตต์ ทุกเครื่องขุดเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ เพื่อใช้ในการสำรองไฟฟ้า เพื่อที่จะเข้าในเครื่องขุดต่อไป

ปฏิบัติการยึดเครื่องขุดบิทคอยน์ 3,500เครื่อง  ลอบใช้ไฟหลวง 5หมื่นล้าน

      ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่า มีการสนับสนุนการกระทาความผิดจากกลุ่มนายทุนชาวไทย ที่ให้การ สนับสนุนเครื่องขุดเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ที่ลักลอบหนีการสาแดงภาษีนำเข้าในราชอาณาจักร ไทย เพื่อนาไปใช้ในการกระทำความผิด หรือสนับสนุนทุนเป็นเงินเพื่อให้จัดการอุปกรณ์ สถานที่ รวมไปถึงการ ติดต่อกับคนที่มาดำเนินการต่อไฟฟ้าตรงไม่ผ่านมิเตอร์ให้ เพื่อที่จะทาให้ไม่ต้องเสียค่าไฟฟ้าตามจริงที่ต้องเป็น อัตราที่สูงอัตราก้าวหน้าตามจริง ซึ่งทาให้รัฐได้รับความเสียหาย จากการสืบสวน พบว่า มีการกระทาความผิด มาแล้วเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี

 

       จากนั้น นายสมศักดิ์ฯ กล่าวว่า “ตนต้องขอขอบคุณทางดีเอสไอที่ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล เข้าตรวจค้นสถานที่ ต้องสงสัยลักกระแสไฟฟ้าของรัฐ เป็นอาคารพาณิชย์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลกว่า 41 แห่ง เช่าไว้เพื่อใช้เป็นจุดวางเครื่องขุดเงินสกุลดิจิตอล โดยแต่ละอาคารจะวางเครื่องขุดเงินสกุลดิจิตอล จุดละประมาณ 100เครื่อง ซึ่งกลุ่มผู้กระทำผิดจะแอบลักลอบต่อไฟตรงเข้าตัวอาคารไม่ผ่านมิเตอร์วัดไฟทาให้เสียค่าไฟฟ้า ต่ำากว่าความเป็นจริงอย่างมาก จากที่ต้องเสียค่าไฟฟ้าประมาณเดือนละ 300,000 – 500,000 บาทต่อแห่ง

 

    แต่มีการจ่ายค่าไฟจริงเพียงแห่งละประมาณ 300-2000บาท ทาให้การไฟฟ้านครหลวงเสียหายกว่า 20 ล้านบาทต่อเดือน หรือปีละเกือบ 200 - 300 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานจากทาง กรมสอบสวนคดีพิเศษว่าอาคารดังกล่าวมีการใช้กระแสไฟที่สูงมาก ทาให้เกิดความร้อน และซึ่งส่งผลเสียหาย ต่อระบบเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศ จากนี้เป็นต้นไปพวกเราจะเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจค้น จับกุม เพื่อนาคนผิดเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด" นายสมศักดิ์ กล่าว

ปฏิบัติการยึดเครื่องขุดบิทคอยน์ 3,500เครื่อง  ลอบใช้ไฟหลวง 5หมื่นล้าน

   ทั้งนี้ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทางกรม สอบสวนคดีพิเศษ จะทาการขยายผลต่อไปโดยพบว่า การต่อกระแสไฟฟ้าตรงเพื่อให้ได้รับรายได้จากการได้ เหรียญคริปโตเคอเรนซี่แล้วนั้น ยังเป็นช่องทางหนึ่งในการฟอกเงินของกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำ ความผิดจากการทาการพนันออนไลน์และจากยาเสพติด ฯลฯ โดยทางกรมสอบสวนคดีพิเศษจะทำการสืบสวน ขยายผลเพื่อดาเนินการต่อผู้ร่วมการกระทำความผิดดังกล่าวต่อไป

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ thainews