เปิดวินาทีเรือหลวงสุโขทัยก่อนอับปาง จมลงใต้ทะเล ปิดตำนานเรือรบสมรรถนะสูง เรือชั้นคอร์เวต หมายเลข 442 คาดอุปกรณ์ข้างในเรือเสียหายเกินกว่าจะซ่อมแซมได้อย่างคุ้มค่า


  กรณีเรือหลวงสุโขทัยอัปปาง หลังจากประสบอุบัติเหตุกลางทะเลประจวบคีรีขันธ์   ซึ่งขณะนี้ กองทัพเรือกำลังปูพรมค้นหา กำลังพลเรือหลวงสุโขทัยอีก 31 นายลอยคอกลางทะเลอ่าวไทย พลัดหลงจากกระแสคลื่นลมแรงในทะเลระหว่างการช่วยเหลือ  โดยได้มีการเปิดภาพเรือหลวงสุโขทัย (FSG-442) ก่อนอับปางจมดิ่งลงก้นทะเล  ซึ่งจากคลื่นลมแรงในอ่าวไทยทำให้มีน้ำทะเลบางส่วนไหลเข้าระบบเครื่องไฟฟ้าผ่านท่อไอเสียข้างเรือ จนทำให้เครื่องไฟฟ้าดับ และส่งผลต่อเครื่องจักรใหญ่หยุดทำงานเป็นเหตุให้เรือไม่สามารถควบคุมเรือได้ และทำให้น้ำเข้าภายในตัวเรืออย่างรวดเร็วจนทำให้เรือเอียงเเละจมลง
 

เปิดวินาทีเรือหลวงสุโขทัยก่อนอับปาง จมลงใต้ทะเล ปิดตำนานเรือรบสมรรถนะสูง
โดยทางเพจ ThaiArmedForce.com ได้เปิดภาพเรือหลวงสุโขทัยขณะกำลังจมลงสู่ก้นทะเล  พร้อมข้อความว่า ล่าสุดน่าจะค่อนข้างชัดเจนว่าเรือแทบจะเรียกได้ว่าจมลงแล้ว และถึงกู้ขึ้นมาได้ อุปกรณ์ข้างในก็น่าจะเสียหายเกินกว่าจะซ่อมแซมได้อย่างคุ้มค่า น่าจะถือได้ว่าปิดตำนาน เรือหลวงสุโขทัย อย่างน่าเสียดายครับ ซึ่งเมื่อเวลา 23.30 น. ของวันที่ 18ธ.ค.65 เรือหลวงสุโขทัยได้จมลงใต้ผิวน้ำแล้ว เนื่องจากมีน้ำเข้าเรือเป็นจำนวนมาก 

เปิดวินาทีเรือหลวงสุโขทัยก่อนอับปาง จมลงใต้ทะเล ปิดตำนานเรือรบสมรรถนะสูง

 ล่าสุดในวันที่ 19ธ.ค.65  พลเรือเอก ปกครอง มนธาตุผลิน  โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีเรือหลวงสุโขทัย ประสบเหตุน้ำเข้าเรือจนเกิดการเอียง เนื่องจากคลื่นลมแรง ขณะทำการลาดตระเวน อยู่บริเวณแบริ่ง 090 ระยะ 20 ไมล์ จากท่าเรืออำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

เปิดวินาทีเรือหลวงสุโขทัยก่อนอับปาง จมลงใต้ทะเล ปิดตำนานเรือรบสมรรถนะสูง

 

แต่เนื่องจากขณะนั้นบริเวณดังกล่าวมีคลื่นลมแรง ทำให้เรือเอียงจนทำให้มีน้ำทะเลบางส่วนไหลเข้าระบบเครื่องไฟฟ้าผ่านท่อไอเสียข้างเรือ ส่งผลให้เครื่องไฟฟ้าดับส่งผลต่อเครื่องจักรใหญ่หยุดทำงาน ซึ่งผลจากเครื่องจักรใหญ่และเครื่องจักรช่วยหยุดทำงานดังกล่าว เป็นเหตุให้ไม่สามารถควบคุมเรือได้ และส่งผลให้น้ำเข้าภายในตัวเรืออย่างรวดเร็วจนทำให้เรือเอียง

เปิดวินาทีเรือหลวงสุโขทัยก่อนอับปาง จมลงใต้ทะเล ปิดตำนานเรือรบสมรรถนะสูง

 ในเวลาต่อมา กองทัพเรือได้สั่งการให้เรือรบและอากาศยานของกองทัพเรือ ประกอบด้วย เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เรือหลวงกระบุรี เฮลิคอปเตอร์จำนวน 2 เครื่อง พร้อมชุดป้องกันความเสียหายและกู้ภัยเรือ เร่งให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน นอกจากนี้ได้ประสานหน่วยภายนอกเข้าร่วมให้การช่วยเหลือ โดย เรือหลวงกระบุรี ได้เดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ เมื่อเวลา 20.40 น. และพยายามเข้าเทียบเรือหลวงสุโขทัย เพื่อส่งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่และช่วยเหลือกำลังพลจำนวน 106 นาย แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากคลื่นลมยังคงรุนแรง

เปิดวินาทีเรือหลวงสุโขทัยก่อนอับปาง จมลงใต้ทะเล ปิดตำนานเรือรบสมรรถนะสูง

ต่อมาเรือหลวงสุโขทัย มีอาการเอียงมากขึ้นและได้จมลงเมื่อเวลา 00.12 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่มีเรือลากจูงเอกชนจากท่าเรือบางสะพานจำนวน 2 ลำ และเรือน้ำมัน “STRAITS ENERGY” ได้เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุ เพื่อให้การสนับสนุนในการช่วยเหลือ ซึ่งเรือหลวงกระบุรี  เรือน้ำมัน “STRAITS ENERGY” และเรือลากจูงทั้ง 2 ลำ ได้ดำเนินการช่วยเหลือกำลังพล และต่อมาเวลา 01.04 น. เฮลิปคอปเตอร์แบบ Seahawks จำนวน 2 ลำ ได้เดินทางมาถึง

 

 

พร้อมทั้งทำการปล่อยแพช่วยเหลือลงทะเล จำนวน 8 แพ ทั้งนี้เรือต่าง ๆ สามารถให้การช่วยเหลือกำลังพลขึ้นมาจากน้ำได้แล้ว 73 นาย โดยอยู่บนเรือหลวงกระบุรี จำนวน 47 นาย เรือลากจูง จำนวน 4 นาย เรือน้ำมัน “ศรีไชยา” จำนวน 20 นาย และเรือน้ำมัน “STRAITS ENERGY” จำนวน 2 นาย ยังคงมีกำลังพลจำนวน 33 นายที่ลอยคออยู่ในทะเล ซึ่งเรือทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่กำลังเร่งดำเนินการค้นหาและช่วยเหลือต่อไป 


   ทั้งนี้ เรือหลวงกระบุรี เรือลากจูง และเรือน้ำมัน “ศรีไชยา” ได้นำกำลังพลที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว 71 นาย เดินทางไปยังท่าเรือบางสะพานเรียบร้อยแล้ว โดยมีกำลังพลจำนวน 11 นาย รักษา ณ โรงพยาบาลบางสะพาน ส่วนกำลังพล จำนวน 40 นาย เดินทางไปยังศูนย์พักพิง สำหรับกำลังพลที่ขึ้นมาจากเรือน้ำมัน “ศรีไชยา” จำนวน 20 นาย ได้เดินทางไปยัง โรงพยาบาลบางสะพาน เพื่อตรวจร่างกายและคัดแยกต่อไป 


   นอกจากนี้ เมื่อเวลา 07.00 น. เรือหลวงกระบุรีได้ออกเรือเดินทางจากท่าเรือบางสะพานไปยังพื้นที่เกิดเหตุเพื่อสนับสนุนการค้นหาและช่วยเหลือ ร่วมกับเรือหลวงอ่างทอง รวมถึงอากาศยานแบบ Dornier  และเฮลิปคอปเตอร์แบบ Seahawks ที่กำลังเร่งดำเนินการค้นหา กำลังพลทั้งหมดและเตรียมการในการกู้เรือหลวงสุโขทัยต่อไป

เปิดวินาทีเรือหลวงสุโขทัยก่อนอับปาง จมลงใต้ทะเล ปิดตำนานเรือรบสมรรถนะสูง


    กองทัพเรือ โดย กองเรือยุทธการ ได้ตั้ง ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย  ขึ้นมาทำหน้าที่ในการประสานการปฏิบัติ  เพื่อเร่งดำเนินการในการให้ความช่วยเหลือกำลังพลและกู้ภัยเรือหลวงสุโขทัย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของกำลังพลเป็นสำคัญ ทั้งนี้ญาติพี่น้องของกำลังพลประจำเรือ สามารถติดสอบถามได้ที่ ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยหมายเลขโทรศัพท์ 038 182 435 และ 084 002 3554 โดยล่าสุดมียอดกำลังพลที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว จำนวน 75 นาย

สำหรับ เรือหลวงสุโขทัย เป็นเรือชั้นคอร์เวต หมายเลข 442 สังกัดหมวดเรือที่ 1 กองเรือฟริเกตที่ 1 กองเรือยุทธการ ประจำการเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2530 สร้างโดยบริษัท ทาโคมา โบ๊ตบิลดิ้ง ที่เมืองทาโคมา รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริก

"เรือหลวงสุโขทัย" เป็นเรือคอร์เวตชุดเรือหลวงรัตนโกสินทร์ 2 ลำ โดยเป็นเรือชุดเดียวกับ "เรือหลวงรัตนโกสินทร์" หมายเลข 441 

 

ภารกิจหลัก เรือหลวงสุโขทัย คือ การปราบเรือดำน้ำ การลาดตระเวนตรวจการณ์ การคุ้มกันกระบวนเรือ การสนับสนุนการยิงฝั่ง โดยภารกิจรองคือการสนับสนุนภารกิจกองทัพเรือ ทั้งนี้เรือหลวงสุโขทัยเรือรบสมรรถนะสูง  ได้รับการติดตั้งระบบอาวุโยุทโธปกรณ์ และระบบอำนวยการรบได้ทั้ง 3 มิติ ได้แก่ การป้องกันภัยทางอากาศ สงครามผิวน้ำ และสงครามปราบเรือดำน้ำ

เรือหลวงสุโขทัย

  • ระวางขับน้ำปกติ 840 ตัน เต็มที่ 960 ตัน
  • กว้าง 9.6 เมตร ยาว 76.8 เมตร สูง 26.82 เมตร
  • โดมโซนาร์ 4.5 เมตร
  • ใช้เครื่องจักรใหญ่ดีเซลจำนวน 2 เครื่อง กำลัง 7,268 แรงม้า
  • เครื่องไฟฟ้าจำนวน 4 เครื่อง
  • ความเร็วมัธยัสถ์ 18 นอต สูงสุด 24 นอต
  • ระยะปฏิบัติการสูงสุด 3,568 ไมล์ทะเล

 


ยุทโธปกรณ์เรือหลวงสุโขทัย

  • ปืน 76/62 มม. จำนวน 1 กระบอก
  • ปีน 40L70 มม. แท่นคู่ 1 กระบอก
  • ปืน 20 มม. 2 กระบอก
  • ระบบอาวุธปราบเรือดำน้ำ "เรือหลวงสุโขทัย" ประกอบด้วย
  • ท่อยิงตอร์ปิโด 2 แท่น MK 32 MOD5 (6 ท่อยิง)
  • ระบบอาวุธปล่อยนำวิถี "เรือหลวงสุโขทัย" ประกอบด้วย
  • ระบบอาวุธปล่อยนำวิถิ่ พื้น-สู่-พื้น แบบ HARPOON BLOCK 1C จำนวน 2 แท่น (8 ท่อยิง)
  • ระบบอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น-สู่-อากาศ แบบ ALBATROS จำนวน 1 แท่น (8 ท่อยิง ASPIDE 2000)
  • ระบบ SONAR : DSQS 21 C MOD
  • ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ : ESM Harris Excellis 3601
  • ระบบต่อต้านอาวุธปล่อยนำวิถี : DAGAIE EW/IR

 

 ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม THAINEWS