เพื่อนร่วมงานเล่าเอง ทุกข์ที่ "หนุ่มใหญ่ดับคาโต๊ะทำงาน" ต้องเจอ

เพื่อนร่วมงานเล่าเอง สิ่งที่ "หนุ่มดับคาโต๊ะทำงาน" ต้องเจอทั้งเครียดและโดดเดี่ยวมาก ยิ่งฟังยิ่งสงสารจับใจ

จากกรณีข่าวสุดสะเทือนใจ เพจดังเผยเหตุการณ์หนุ่มใหญ่ทำงานหนักจนตาย ฟุบหลับเสียชีวิตคาโต๊ะทำงาน จนกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่กำลังถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ หลายๆคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ล่าสุด เพื่อนร่วมงานเล่าเอง ทุกข์ที่ "หนุ่มใหญ่ดับคาโต๊ะทำงาน" ต้องเจอ ยิ่งฟังยิ่งสงสารจับใจ

โดยตอนแรกเพจ จอดับ ได้เล่าเรื่องราวของหนุ่มใหญ่รายหนึ่งที่ทำงานในวงการโทรทัศน์ ใช้ร่างกายอย่างหนักทำงานหามรุ่งหามค่ำคนเดียว สุดท้ายเสียชีวิตคาโต๊ะทำงานเอาไว้ว่า

 ใครว่าทำงานจนตายไม่มีจริง มันเพิ่งเกิดขึ้นกับหนุ่มใหญ่ในวงการทีวี เขาอาจไม่ใช่คนเด่นคนดังนั่งหน้าจอ แต่ก็อยู่มาตั้งแต่สมัยยังเป็นเคเบิ้ลทีวี ในฐานะฝ่ายจัดทำผังรายการพอมาถึงยุคดิจิทัล งานก็ยิ่งถาโถมหนักขึ้นเรื่อยๆ โดนสั่งให้ทำผังรายการคนเดียวควบถึง 2 ช่องไม่เคยมีการหาคนมาช่วยกันแบ่งเบา

การทำผังรายการมีรายละเอียดหยุมหยิม ทั้งตัวรายการ ทั้งโฆษณา สารพัดสารพัน ต้องคอยปรับแก้ตลอดเวลา แล้วนี้ คนๆเดียว ให้เหมาทำทั้ง 2 ช่อง ในแต่ละวัน เขาต้องทำงานเกินเวลา และแต่ละสัปดาห์ก็ทำงานเกิน 5 วัน บางสัปดาห์ซัดไป 7 วันรวด พอนานไปร่างกายก็เริ่มแย่ มีอาการป่วยพอลาหยุด ลาป่วย ไปได้แค่วันสองวัน ก็โดนโทรจิกตามให้รีบกลับมาทำผังรายการ นี่มันสถานีโทรทัศน์หรือโรงงานนรกกันแน่ เป็นใครเจอแบบนี้ ก็เสื่อมโทรมทั้งร่างกายและจิตใจ

 

เพื่อนร่วมงานเล่าเอง ทุกข์ที่ "หนุ่มใหญ่ดับคาโต๊ะทำงาน" ต้องเจอ

 

สุดท้าย เขาก็ตายในหน้าที่ บนโต๊ะทำงานในตึกน้ำผลไม้ ย่านพระราม 6 ร่างกายและจิตใจของเขาแบกรับภาระต่อไปไม่ไหวแล้วเขาฟุบลงกับโต๊ะอย่างเงียบๆ คว่ำหน้าลงกับงานที่เขาแบกรับจนเกินกำลัง มันอ่อนล้าเกินกว่าที่ร่างกายมนุษย์คนนึงจะทนต่อไปได้คนผ่านมาเห็นก็นึกว่าเขาแค่ฟุบหลับ จึงไม่ได้ปลุกปล่อยอยู่เช่นนั้น จนข้ามคืน แม่บ้านมาเจอเขาในตอนเช้า จึงได้รู้ว่าร่างนั้นไม่มีลมหายใจแล้วฐานรากของพิรามิดที่สูงตระหง่าน มักจะเต็มไปด้วยซากศพของแรงงานทาส ที่ถูกปล่อยทิ้งอย่างไร้ค่า หลับให้สบายนะเบิร์ด โบยบินไปสู่เสรี เธอหลุดพ้นจากพันธนาการของโลกนี้แล้ว

 

และได้เผยคำพูดของหนุ่มใหญ่ดับคาโต๊ะทำงานที่เคยพูดกับเพื่อนร่วมงานบ่อยๆไว้อีกโพสต์ว่า "คงต้องรอให้ผมตายก่อนละมั้ง"

ที่เบิร์ดต้องมีติดตัวตลอดเวลาคือถุงใส่ยา แต่โดยรวมเขาก็แข็งแรงดี ไม่ถึงขนาดล้มหมอนนอนเสื่อ ก็เหมือนชายวัย 40 กว่าๆ ทั่วไป ที่มีปัญหาเรื่องความดัน เรื่องน้ำตาล เป็นธรรมดา

ถ้าวงจรชีวิตดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น มีสัดส่วนที่เหมาะสม ทั้งการทำงาน การกิน และการพักผ่อน นาฬิกาชีวิตของเบิร์ดก็คงจะไม่หยุดเดินเร็วขนาดนี้ คงไม่ถึงขั้นฟุบไปกับโต๊ะ หยุดหายใจขณะยังทำงาน

การเป็นเจ้าหน้าที่จัดทำผังรายการของสถานีโทรทัศน์ บางคนอาจคิดภาพไม่ออกว่ามันจะหนักหนาสาหัสขนาดไหน เอาตรงๆ นะ ไม่มีงานไหนที่หนักเกินไปหรอก ถ้าผู้บริหารวางโครงสร้างองค์กรอย่างเหมาะสม ไม่ใช่แบบที่เบิร์ดต้องเจอ

ถามว่า แล้วผู้ใหญ่ไม่เคยหาคนมาช่วยงานเบิร์ดเลยเหรอ หึหึ ก็พอจะมีบ้างแหละ แต่ส่วนใหญ่เป็นการโยกคนจากแผนกอื่นมา เพราะต้องการจะกดดันให้คนนั้นลาออก เลยเอามาดองไว้ที่แผนกนี้ ไม่ใช่การส่งคนมาช่วยเหลือให้งานมีประสิทธิภาพ

คนที่ทำงานในองค์กรนี้มานาน จะรู้ว่าเบิร์ดเป็นคนเงียบๆ สุภาพเรียบร้อย ไม่ค่อยมีปากมีเสียง อาจเพราะบุคลิกของเขาที่เป็นแบบนี้ เลยทำให้เบื้องบนไม่เคยสนใจใยดี สักแต่ว่าโยนงานให้ทำโครมๆๆ

เพื่อนๆ ที่เคยร่วมงานกับเบิร์ดแทบทุกคน ล้วนแต่เคยได้ยินเบิร์ดพูดเชิงตัดพ้อว่า "คงต้องให้ผมตายก่อนละมั้ง เขาถึงจะหาคนมาช่วยงาน"

อืม ก็คงจะจริงอย่างเบิร์ดว่า แล้ววันนั้นก็มาถึงจริงๆ

** คนที่เพิ่งมาอ่านแล้วงง ไปย้อนอ่านโพสต์ก่อนๆ หน้านี้นะ

ซึ่งในโพสต์ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของผู้เสียชีวิตเข้ามาคอมเมนต์แสดงความเสียใจและเล่าสิ่งที่ผู้เสียชีวิตต้องเจอและเป็นทุกข์มาตลอดว่า

 

เพื่อนร่วมงานเล่าเอง ทุกข์ที่ "หนุ่มใหญ่ดับคาโต๊ะทำงาน" ต้องเจอ

 

"หลับให้สบายนะเพื่อนเบิร์ด เบิร์ดเคยมาปรารภกับพี่...บ่อยๆ ว่าเบิร์ดหาคนปรึกษาไม่ได้ โปรโมก็ไม่ค่อยมีให้ เบิร์ดต้องดิ้นรนด้วยตัวเองทุกอย่าง ทั้งติดตามงานแก้ปัญหา ทั้งโดนบ่นโดนด่ากับเจ้านายและลูกค้า เมื่อเบิร์ด เหนื่อยมากๆเบิร์ดก็จะไปยืนอัดบุหรี่ พี่...เคยไปเกาะบ่าเบิร์ดอยู่บ่อยๆ ขอให้เบิร์ดสู่สุคตินะเบิร์ด เบิร์ดได้พักแล้ว แต่ยังมีคนอีกหลายคนที่ทำงานคล้ายๆกับเบิร์ด ยังต้องทนทำต่อไปอีก ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวน้องเบิร์ดด้วย"

 

เพื่อนร่วมงานเล่าเอง ทุกข์ที่ "หนุ่มใหญ่ดับคาโต๊ะทำงาน" ต้องเจอ

 

ขอบคุณ จอดับ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline