ลุยตรวจสอบ มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป "สารวัตรซัว" พบไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมาย

มหาดไทย สั่งลงพื้นที่ตรวจสอบ “มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป” ของ สารวัตรซัว พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล ไม่ปรากฏการจดทะเบียนมูลนิธิตามกฎหมาย


   กรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉ สารวัตรซัว เจ้าของเว็บพนันออนไลน์ใหญ่ที่สุดในประเทศ  เป็นนายบ่อน นายตำรวจ “ซัว เป็นต่อกรุ๊ป” มีชื่อว่า พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล ตำแหน่ง สารวัตรฝ่ายโยธาธิการ 2 กองโยธาธิการ สังกัด กองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง  ที่จัดตั้งบริษัทต่างๆมาเพื่อฟอกเงินที่ได้มาจากการพนันออนไลน์ นำมาซึ่งคำสั่งให้สารวัตรซัว ออกจากราชการไว้ก่อน ปมทำผิดวินัยร้ายแรง

คืบหน้าล่าสุด ปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร สั่งลงพื้นที่ตรวจสอบ “มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป” ชี้หากพบเข้าข่ายการกระทำผิด ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด พร้อมเปิดสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 รับแจ้งเบาะแสมูลนิธิ สมาคม ที่อาจเข้าข่ายทำผิดกฎหมาย

ลุยตรวจสอบ มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป "สารวัตรซัว" พบไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมาย
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เปิดเผยถึงกรณีปรากฏข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมีการกล่าวถึง “มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป จำกัด” ซึ่งอยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชนในขณะนี้นั้น ขอเรียนว่า ตนในฐานะนายทะเบียนมูลนิธิในเขตกรุงเทพมหานครตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้สั่งการให้กรมการปกครอง ในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับจดทะเบียนมูลนิธิได้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวทันที

ลุยตรวจสอบ มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป "สารวัตรซัว" พบไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมาย

 

ลุยตรวจสอบ มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป "สารวัตรซัว" พบไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมาย

ขณะนี้ได้รับรายงานจากนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง ว่า กรมการปกครอง โดยสำนักการสอบสวนและนิติการ ได้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในข่าวสาร เนื่องจากพบว่า เว็บพนันดังกล่าวอาจมีการแอบอ้างใช้ชื่อและจัดตั้งมูลนิธิชื่อ “มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป จำกัด” ซึ่งในเบื้องต้นตรวจสอบในฐานข้อมูลแล้วพบว่า “ไม่ปรากฏการจดทะเบียนมูลนิธิในชื่อดังกล่าว” ทำให้การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่สาธารณชนของมูลนิธินี้เข้าข่ายผิดกฎหมาย

ลุยตรวจสอบ มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป "สารวัตรซัว" พบไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมาย

ดังนั้น จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อสืบค้นข้อมูลและแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วน ณ บ้านเลขที่ 9 อาคารเป็นต่อกรุ๊ป ซอยรามอินทรา 5 แยก 15 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220 ซึ่งเป็นสถานที่ที่ระบุไว้ในเว็บไซต์ของมูลนิธิเป็นต่อ กรุ๊ป จำกัด โดยจากการตรวจสอบพบว่า ไม่ปรากฏป้ายชื่อมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป จำกัด ติดตั้งไว้ที่ด้านหน้ารั้วหรือจุดใด ๆ ของสถานที่นั้น

ลุยตรวจสอบ มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป "สารวัตรซัว" พบไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมาย

พร้อมกันนี้ได้ทำการตรวจสอบเพิ่มเติม ได้พบว่าปรากฏป้ายชื่อบริษัทหลายบริษัทติดตั้งไว้ที่รั้ว/ประตูทางเข้าด้านหน้าอาคาร เจ้าหน้าที่จึงสอบถามพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่งที่ปรากฏป้ายชื่อที่อาคารดังกล่าว จึงได้ทราบข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติม โดยพบว่ามีผู้บริหารที่เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับมูลนิธิเป็นต่อ กรุ๊ป เจ้าหน้าที่จึงได้โทรศัพท์สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าตัว ซึ่งบุคคลดังกล่าวได้ให้ข้อมูลโดยยอมรับว่า มูลนิธิ เป็นต่อ กรุ๊ป ไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นมูลนิธิแต่อย่างใด เป็นเพียงการรวมกลุ่มกันของผู้บริหารที่รู้จักสนิทสนมกันในหลายบริษัท เพื่อทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว 


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้กระทรวงมหาดไทยได้มีชุดข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากการลงพื้นที่ดังกล่าว โดยในขั้นตอนต่อไป กรมการปกครองจะได้ประสานไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DEs) เพื่อขอความอนุเคราะห์ตรวจสอบเว็บไซต์ของมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป จำกัด

ลุยตรวจสอบ มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป "สารวัตรซัว" พบไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมาย

รวมถึงความเชื่อมโยงระหว่างเว็บไซต์กับบุคคลที่จดทะเบียนเว็บไซต์ว่าเข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดบริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 หรือไม่ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้ครบถ้วน รัดกุม หากพบว่าการดำเนินการของมูลนิธิเป็นต่อ กรุ๊ป จำกัด เข้าข่ายความผิดตามมาตราดังกล่าวจริง จะได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ต่อไป


ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่ thainews