กรมอุตุฯ ประกาศเข้าฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ 5 มีนาคม นี้

กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเข้าฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ 5 มีนาคม นี้ คาดว่าปีนี้ร้อนกว่าปีที่แล้ว พร้อมย้ำเฝ้าระวังพายุฤดูร้อนในเดือนเม.ย. ที่อากาศร้อนอบอ้าวและร้อนจัด

วันที่ 3 มี.ค. 2566 นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ประเทศไทยจะสิ้นสุดฤดูหนาวและเข้าสู่ฤดูร้อนในวันที่ 5 มีนาคม 2566 โดยเกณฑ์การพิจารณาการเข้าสู่ฤดูร้อนมี 2 องค์ประกอบได้แก่ ลมที่พัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนเปลี่ยนจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเป็นลมตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งพื้นที่ประเทศไทยตอนบนส่วนใหญ่มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิวัดได้ตั้งแต่ 35 องศาเซลเซียสขึ้นไป ฤดูร้อนปีนี้ เริ่มต้นช้ากว่าปกติเนื่องจากฤดูหนาวมีอากาศหนาวเย็นต่อเนื่องนาน คาดว่า จะสิ้นสุดฤดูร้อนในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมตามปกติ

 

กรมอุตุฯ ประกาศเข้าฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ 5 มี.ค.นี้

แต่อย่างไรก็ตามบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนบริเวณยอดภูและยอดดอยรวมทั้งเทือกเขายังคงมีอากาศหนาวเย็นต่อไปอีกระยะหนึ่ง และคาดว่าฤดูร้อน จะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566


ทั้งนี้คาดการณ์ว่า ฤดูร้อนปี 2566 อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 35.5 องศาเซลเซียสซึ่งใกล้เคียงค่าปกติที่ 35.4 องศาเซลเซียส แต่สูงกว่าปี 2565 ที่อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 35.5 องศาเซลเซียสซึ่งสูงกว่าปีที่ 34 องศาเซลเซียสแล้ว สำหรับอุณหภูมิสูงที่สุดประมาณ 40-43 องศาเซลเซียส โดยจังหวัดที่มีอุณหภูมิสูงสุดได้แก่ จังหวัดสุโขทัย ตาก ลำปาง และแม่ฮ่องสอน ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิสูงสุด 38-39 องศาเซลเซียส


จากคาดหมายลักษณะอากาศบริเวณประเทศไทยตอนบนในช่วงตั้งแต่เริ่มต้นฤดูร้อนไปจนถึงกลางเดือนมีนาคม จะมีอากาศร้อนหลายพื้นที่ในตอนกลางวันกับมีหมอกหนา โดยที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า จากนั้นจนถึงปลายเดือนเมษายน อากาศจะร้อนอบอ้าวโดยทั่วไป รวมทั้งมีอากาศร้อนจัดหลายพื้นที่

 

กรมอุตุฯ ประกาศเข้าฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ 5 มี.ค.นี้

ในเดือนเมษายนจะเป็นเดือนที่มีอุณหภูมิสูงที่สุด โดยพื้นที่ที่จะมีอุณหภูมิสูงถึง 40 – 43 องศาเซลเซียสได้อยู่ในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ เลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีษะเกษ และอุบลราชธานี ส่วนภาคกลางและตะวันออก รวมทั้งชายฝั่ง อุณหภูมิสูงสุดประมาณ 40 – 42 องศาเซลเซียส บริเวณจังหวัดอุทัยธานี นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี นครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว


สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังคือ ในเดือนเมษายนซึ่งอากาศร้อนอบอ้าวและร้อนจัด อาจเกิดพายุฤดูร้อน โดยจะมีพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง รวมทั้งอาจมีลูกเห็บตกในบางแห่ง ก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินตลอดจนผลผลิตทางการเกษตรได้ จากนั้นในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคมที่เป็นช่วงปลายฤดูร้อน ลักษณะอากาศจะเริ่มแปรปรวน โดยยังคงมีอากาศร้อนอบอ้าวในบางช่วงกับจะมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น


สำหรับภาคใต้ประมาณปลายเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนเมษายน จะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ คลื่นลมทั้งทะเลอันดามันและอ่าวไทยสูง 1-2 เมตร จากนั้นจนถึงกลางเดือนพฤษภาคมจะมีฝนตกชุกหนาแน่นเพิ่มขึ้นและต่อเนื่องโดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีฝนตกหนักร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ คลื่นลมในทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น ในบางช่วงอาจสูง 2-3 เมตร ส่วนทะเลอ่าวไทยยังคงมีคลื่นสูง 1-2 เมตร นอกจากนี้ยังต้องเฝ้าระวังการก่อตัวของพายุไซโคลนฝั่งอันดามันด้วย


ทั้งนี้ สำหรับการประกาศเข้าสู่ฤดูร้อน ถือว่าล่าช้าจากการคาดการณ์เดิม ที่จะประกาศเมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ เลื่อนมาเป็นต้นเดือนมีนาคม เนื่องจาก 2 สถานการณ์ปัจจุบัน คือสถานการณ์เอลนีโญ ลานีญา โดยปรากฏการณ์ลานีญา มีการอ่อนกำลังลงและกำลังเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงเวลานี้ ฉะนั้นจะสังเกตได้ว่าประเทศไทยตอนบนจะยังมีอากาศเย็นในช่วงเช้า


และอีกปรากฏการณ์หนึ่งเกิดจากสถานการณ์กระแสลมกรดขั้วโลก ซึ่งตอนนี้มีความผิดปกติอยู่และมีการอ่อนกำลังลง ประกอบกับเกิด Polar Vortex ทำให้อากาศเย็นจากบริเวณด้านบนขั้วโลกไหลลงมาสู่ด้านล่าง

 

กรมอุตุฯ ประกาศเข้าฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ 5 มี.ค.นี้