สั่งยุบ หน่วยเฉพาะกิจตำรวจทางหลวง เซ่นส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก

สั่งยุบ หน่วยเฉพาะกิจตำรวจทางหลวง เซ่นส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก ระบุเป็นหน่วยที่มีปัญหา ทั้งรวบอำนาจและทำงานซ้ำซ้อน

กำลังเป็นประเด็นร้อนสำหรับเรื่อง "ส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุก" ล่าสุด วันที่ 31 พ.ค. 66 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง สั่งยุบหน่วยเฉพาะกิจตำรวจทางหลวง หลังพบทำงานทับซ้อนพื้นที่ และรวบอำนาจ เป็นหน่วยที่มีปัญหา

สั่งยุบ หน่วยเฉพาะกิจตำรวจทางหลวง เซ่นส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก

ที่ กองบังคับการตำรวจทางหลวง ภายหลังประชุมร่วมกับรองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง และผู้กำกับการตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ  เรื่องการตรวจสอบปัญหาการเรียกเก็บเงินสติกเกอร์รถบรรทุก พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการ ผบก.ทล. เผยว่า ในที่ประชุมมีแผนการเร่งด่วนมีคำสั่งให้ยกเลิกชุดเฉพาะกิจ ทล. ของกองบังคับการตำรวจทางหลวงโดยทันที โดยจะมีหนังสือสั่งการเป็นลายลักษณ์อักษรในวันที่ 1 มิ.ย. 66 นี้

เนื่องจากหน่วยเฉพาะกิจตำรวจทางหลวง เป็นหน่วยที่มีปัญหาทั้งรวบอำนาจและทำงานซ้ำซ้อนกับตำรวจทางหลวงในพื้นที่ โดยชุดเฉพาะกิจ จากการตรวจสอบเบื้องต้นถูกแต่งตั้งในยุคของ ผบก.ทล.คนที่ผ่านมา แต่ต้องตรวจสอบก่อนว่า บุคคลใดเป็นผู้ลงนามในหนังสือแต่งตั้ง สำหรับชุดเฉพาะกิจมีหน้าที่ดูแลในเรื่องของรถบรรทุกหนัก ซึ่งเป็นการทำงานซ้ำซ้อนและมีปัญหา และจะเร่งตรวจสอบหากพบว่าชุดนี้เข้าไปเกี่ยวข้องกับส่วยรถบรรทุกก็จะไม่เอาไว้

สั่งยุบ หน่วยเฉพาะกิจตำรวจทางหลวง เซ่นส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก

ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เปิดโปงข้อมูลเกี่ยวกับส่วยสติกเกอร์รถบรรทุกนั้น ได้สั่งการให้จเรตำรวจแห่งชาติดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวโดยเร็วแล้ว ขณะเดียวกัน ทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางก็ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบร่วมด้วย

พร้อมแต่งตั้ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) มารักษาราชการในตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เพื่อให้ตรวจสอบในประเด็นส่วยสติกเกอร์ และจะมีการตั้งชุดเฉพาะกิจของตำรวจสอบสวนกลางเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน และตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย

สั่งยุบ หน่วยเฉพาะกิจตำรวจทางหลวง เซ่นส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก

ทั้งนี้ ยอมรับว่า เบื้องต้นมีเรื่องส่วยจริง และเป็นเรื่องที่ได้ยินมานานแล้ว อาจหายไปเป็นบางช่วงเวลา แต่เมื่อช่วงนี้กลับมาเป็นข่าวอีกจึงได้สั่งการให้ตรวจสอบโดยเร็ว ซึ่งเรื่องส่วยนั้นมีทั้งผู้รับและผู้ให้  โดยผู้ให้คือระบบขนส่ง ส่วนผู้รับเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จึงต้องให้ผู้บังคับการ ปปป. เข้ามาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวในทุกมิติ