ฟังเสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้า และประชาชน เกี่ยวกับการแจกเงินดิจิทัล 10000บาท หรือ ดิจิทัลวอลเล็ต ส่วนใหญ่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย

   กรณี พรรคเพื่อไทยได้เสนอหนึ่งในนโยบาย คือ "ดิจิทัลวอลเล็ต" หรือ "แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท" ในช่วงหาเสียงเอาไว้ ซึ่งสิ่งที่ทางพรรคเพื่อไทยได้ใช้หาเสียงในครั้งนี้ มีประชาชนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยต่อนโยบายดังกล่าว บ้างก็ว่าเป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่ตรงจุด บ้างก็ว่าเงินดังกล่าวอาจนำมาช่วยเศรษฐกิจได้

 

 

   ล่าสุดวันนี้ (16 ต.ค.) ทาง"ทีมข่าวไทยนิวส์" ได้ลงพื้นที่มายัง ถ.เยาวราช เพื่อสำรวจความคิดเห็นถึงนโยบายเงินดิจิทัลดังกล่าวจากพ่อค้าแม่ค้ารวมถึงประชาชนบางส่วน

แจกเงินดิจิทัล 10,000 เสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้า-ปชช. ไปต่อหรือพอแค่นี้
แม่ค้าขายลอตเตอรี่รายหนึ่งได้ให้ความเห็นว่า ตนเห็นด้วยต่อนโยบายดังกล่าว โดยหากได้เงิน 10,000 บาทที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้หาเสียงไว้ ก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ 

แจกเงินดิจิทัล 10,000 เสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้า-ปชช. ไปต่อหรือพอแค่นี้

   ขณะที่แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว ที่ค้าขายอยู่บริเวณ ถ.เยาวราช เผยว่า

ตนไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ ขณะเศรษฐกิจของไทยค่อนข้างดีขึ้นแล้ว ไม่ควรมีการนำเงินมาแจกแบบนี้ หากต้องการช่วยประชาชนจริงๆ อยากให้ช่วยเหลือโดยมีแนวทางแบบที่รัฐบาลชุดที่ผ่านมา

 


 


   ด้านความเห็นจากประชาชนที่เดินทางมาจับจ่ายใช้สอย ที่ ถนนเยาวราช เปิดเผยว่า ตนเข้าใจในส่วนที่รัฐบาลต้องการจะช่วยเหลือ แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับนโยบายบางส่วนอยากให้เป็นการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มหรือกลุ่มที่เดือดร้อนจริงๆมากกว่า ตนเข้าใจว่าหากขณะนี้ยังมีสถานการณ์ โควิด-19 การแจกเงินแบบนี้อาจจะเป็นการกระตุ้นเศรษกิจและการไหลเวียนของเงินได้ แต่อย่างที่เห็นว่าตอนนี้หลายๆอย่างก็ค่อนข้างที่จะดีขึ้น

แจกเงินดิจิทัล 10,000 เสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้า-ปชช. ไปต่อหรือพอแค่นี้

   หากรัฐบาลต้องการจะช่วยเหลือก็อยากจะให้มุ่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในแบบภาพรวม อีกทั้งรูปแบบของการแจกเงินดังกล่าว ยังเป็นรูปแบบเงินดิจิทัล หลายๆคนอาจจะยังไม่เข้าใจ ซึ่งอาจทำให้คนบางกลุ่มเสียโอกาสในส่วนนี้ได้

 

   โดยทั้งหมดนี้ก็เป็นความเห็นบางส่วนจากประชาชนต่อนโยบาย "แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท" ที่ทางทีมข่าวไทยนิวส์ได้ลงพื้นที่รวบรวมความคิดเห็นในวันนี้

แจกเงินดิจิทัล 10,000 เสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้า-ปชช. ไปต่อหรือพอแค่นี้

   อย่างไรก็ตามรัฐบาลโดยการนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยังคงเตรียมเดินหน้านโยบายตามที่ได้หาเสียงไว้ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศต่อไปได้