เจ้าของธุรกิจให้เช่าสินสอด ถูกลูกค้าเชิดเงิน 1.5 ล้านบาทหนี ติดต่อขอเช่าสินทรัพย์ เพื่อขออัพStatement ขอสินเชื่อธนาคาร

    26ต.ค.66  ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 นางสาว จัสมิน  อายุ 30 ปี เจ้าของธุรกิจบริการเช่าสินสอด เช่าเงินถ่ายรูปสินค้า เช่าเงินโชว์บัญชีเพื่อขอเอกสารแบงค์การันตียื่นวีซ่า เข้ายื่นเรื่องขอความเป็นธรรม - ขอรับเงินเยียวยา และขอคุ้มครองพยาน จากกรณีโดนลูกค้าที่มาเช่าเงินเพื่ออัปเดตstatement โดยทางบริษัทตกลงให้เช่ายอด 1.5 ล้านบาท  มีการเซ็นสัญญาเช่าเรียบร้อย สุดท้ายถูกลูกค้าเชิดเงินหาย โดยมี  นายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯประจำรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับเรื่อง

เจ้าของธุรกิจให้เช่าทรัพย์สินครบวงจร ร้องทุกข์ เจอลูกค้าแสบ โกง1.5ล้าน


   โดยนางสาว จัสมิน อายุ 30 ปี และ น.ส.เก๋  อายุ 46 ปี เจ้าของธุรกิจบริการให้เช่าทรัพย์สินและเงินสดครบวงจร หอบหลักฐานเข้าพบ ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความช่วยเหลือหลังตัวเอง ให้บริการเช่าทรัพย์สินกับลูกค้ารายหนึ่ง เป็นจำนวนเงิน 1.5 ล้านบาท ซึ่งหลังจากโอนเงินไปให้ลูกค้าแล้วปรากฏว่าถึงกำหนดนัดคืนลูกค้าไม่ยอมคืนเชิดเงินหนีเข้ากลีบเมฆ

 

   น.ส.จัสมิน เปิดเผยอีกว่า ตนเองทำธุรกิจลักษณะนี้มาไม่ถึงปี ก็โดนลูกค้าโกงเลย โดยทางบริษัทให้บริการตั้งแต่เช่า สร้อย แหวนเงิน สินสอดทองหมั้น สำหรับวางโชว์ในงานแต่งงาน หรือ ใช้สำหรับทำแบงค์การันตีเพื่อยื่นขอวีซ่าเดินทางไปต่างประเทศ ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาลูกค้าเชิดเงินหนี 

เจ้าของธุรกิจให้เช่าทรัพย์สินครบวงจร ร้องทุกข์ เจอลูกค้าแสบ โกง1.5ล้าน


  กระทั่ง 18 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อจากลูกค้า ชื่อ น.ส.แอน หรือ อัญธิญาน์ อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดมหาสารคาม ติดต่อเข้ามาขอเช่าสินทรัพย์ เป็นเงินจำนวน 1.5 ล้านบาท สำหรับขอ Statement ธนาคาร คิดค่าเช่า 27,000 บาท กำหนดคืนภายในวันนั้นเลย หลังจากอัพstatement

 

  ซึ่ง น.ส.แอน อ้างว่า จะต้องใช้statement สำหรับขอสินเชื่อ จึงมีการตกลงและนัดทำสัญญากันที่ธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น วันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยตัวของ น.ส.แอนเดินทางมาด้วยตนเองพร้อมแสดงหลักฐานบัตรประชาชนและหลักฐานต่างๆครบตามที่บริษัทกำหนด ส่วนทางตนเองส่ง น.ส.เก๋ พี่ที่ทำบริษัทด้วยกันเป็นคนไปดูแลและประกบลูกค้า


โดยหลังจากทำสัญญา น.ส.จัสมินก็โอนเงิน 1.5 ล้านบาท เข้าบัญชี น.ส.แอน โดยตกลงกันว่าหลังจากขอ statement ธนาคารเสร็จเรียบร้อยแล้วจะทำการโอนเงินคืนให้ทันทีพร้อมกับค่าเช่า ค่าบริการ รวมเป็นเงิน 1,527,000 บาท บาท ปรากฏว่า หลังจากโอนเงินไปให้แล้ว น.ส.แอน เริ่มมีพิรุธ ออกอาการร้อนรน และ คุยโทรศัพท์ตลอด อ้างว่า แอปฯธนาคารเข้าไม่ได้  สแกนใบหน้าไม่ผ่าน เหมือนถ่วงเวลาที่จะไม่โอนเงินมาคืน

ทาง น.ส.เก๋ เห็นความผิดปกติ จึงเรียกพนักงานธนาคารมาช่วย พนักงานธนาคารจึงแนะนำว่าให้ทำการโอนหน้าเคาน์เตอร์ได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ปรากฎว่า น.ส.แอน รีบวิ่งออกจากธนาคารไปทันที ยังทิ้งเอกสาร หลักฐานต่างๆไว้หน้าเค้าท์เตอร์ด้วย น.ส.เก๋ ที่มาคอยดูแลและประกบลูกค้า รีบวิ่งตามไป แต่ก็ไม่ทัน พอกลับมาที่ธนาคารให้ตรวจสิบบัญชี ก็พบว่า เงินถูกโอนไปยังบัญชีบุคคลอื่นแล้ว 

 

หลังจากนั้น ทาง น.ส.จัสมิน พยายามส่งทั้งข้อความและคลิปเสียงไปขอเงินคืน ทางนางสาวแอน ตอบกลับมาเพียงสั้นๆว่า ได้ค่ะ , พี่เช่าเท่าไหร่จ่ายเท่านั้น , หนูไปบ้าน พี่เขาก็ไม่มีให้หรอกนะ พี่ไม่ได้อยู่บ้าน , พี่จะจ่ายค่าเช่าตามที่พี่แจ้ง , พี่ไม่ได้โกงหรอก แล้วก็เงียบหายไปเลย ไร้การติดต่อกลับมาอีก

เจ้าของธุรกิจให้เช่าทรัพย์สินครบวงจร ร้องทุกข์ เจอลูกค้าแสบ โกง1.5ล้าน

น.ส.จัสมิน บอกว่า ตนเองได้แจ้งความไว้แล้วที่ สภ.เมืองขอนแก่น ในวันที่เกิดเหตุ ซึ่งตำรวจได้ออกหมายเรียกไปแล้ว แต่ทาง น.ส.แอน ก็บอกกับ น.ส.จัสมิน ว่า แจ้งความทำไม ตนเองไม่ได้โกง จะรีบหาเงินมาคืนให้ และ ถ้าทำให้อับอาย จะไม่คืนเงิน จึงอยากขอความช่วยเหลือจากทางศูนย์รับเรื่องราวร้องเรียนทำเนียบรัฐบาลให้ช่วยเร่งรัดติดตามคดี เพราะตนเองกังวลว่า น.ส.แอน จะยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปก่อนแล้วจะยิ่งติดตามยากมากขึ้น 

เจ้าของธุรกิจให้เช่าทรัพย์สินครบวงจร ร้องทุกข์ เจอลูกค้าแสบ โกง1.5ล้าน

ขณะที่  นายกองตรี ดร ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์  มองว่ากรณีดังกล่าวการทำธุรกิจของ น.ส.จัสมิน ก็ถือว่า รอบคอบเพราะทุกครั้ง จะมีบอดี้การ์ด มีคนตามไปประกบลูกค้าด้วย แต่เหตุการณ์นี้ทาง น.ส.แอน ผู้ต้องหา ใช้เวลาเพียงสั้นๆ ในการโอนเงินไปยังบัญชีอื่นและสบโอกาสหลบนี้ ซึ่งพฤติกรรมถือว่าอุกอาจและเป็นการโกงกันซึ่งหน้าและในธนาคารเลยด้วย 

ทางศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล เบื้องต้นได้ประสานกับทางผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรขอนแก่นและดูรายละเอียดของคดี ซึ่งปกติแล้วตามกฎหมายสามารถอายัดบัญชีได้ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งกรณีนี้ทางผู้ต้องหาใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที จึงเป็นช่องว่างให้ผู้ต้องก่อเหตุ และอายัดบัญชีไม่ทัน จึงถามผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงได้ประสานให้ตำรวจเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป