ทนายฝั่งบ้านอากู๋เหมทัศน์ สวนทันควัน หลังอีกฝ่ายอ้างใช้สื่อกดดันจน 1 ในผู้ต้องหาครอบครองปรปักษ์ตัดสินใจลาโลก

ติดตามกันอย่างต่อเนื่องสำหรับคดี 1 ในผู้ต้องหา ครอบครองบ้านปรปักษ์ หรือ บ้านอากู๋เหมทัศน์ ซึ่งหลังจากที่ พนักงานสอบสวน สน. คันนายาว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุจึงทราบข้อมูลดังนี้

 

ที่เกิดเหตุอยู่ภายในบ้านพักหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร พบร่างของ น.ส. ภานุมาศ สามัคคี อายุ 52 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บนพื้นห้องนอนชั้น 2 

 

ทนายฝั่งบ้านอากู๋ สวนทันควัน หลังอีกฝ่ายอ้างใช้สื่อกดดันจนตัดสินใจลาโลก

 

จากการสอบถามญาติทราบว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะที่ออกไปซื้อของนอกบ้านและกลับเข้ามาในบ้านพักในช่วงเวลาประมาณ 08:00 น. ไม่สามารถเรียกผู้เสียชีวิตได้จึงมีการปีนขึ้นไปดูที่บริเวณชั้นสอง เพราะประตูห้องนอนล็อกอยู่ จึงพบว่าผู้เสียชีวิตและผ้าอยู่บริเวณคออยู่ภายในห้องน้ำที่บริเวณประตู จึงปีนขึ้นไปนำร่างลงมา และพยายามปั๊มหัวใจ แต่ไม่เป็นผล

 


อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิต เสียชีวิตมาประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง เพราะร่างยังไม่เปลี่ยนสภาพ และยังไม่แข็ง ซึ่งร่างผู้เสียชีวิตนอนอยู่ที่บริเวณชั้นสองภายในห้องนอน ตรวจสอบไม่พบสัญญาณ 

 


จากการสอบถามญาติให้ข้อมูลว่าช่วงเช้าหลังจากกลับออกมาจากการเดินทางไปข้างนอกพบว่าประตูห้องนอนล็อคจึงพยายามเรียกแต่ ไม่มีใครตอบกลับจึงปีนไปดูที่ระเบียงพบว่าผู้เสียชีวิตผูกคออยู่ภายในห้องน้ำซึ่งอยู่ในห้องนอน จึงรีบทำประตูเข้าไปและเคลื่อนย้ายร่างลงสู่พื้นและเริ่มทำการช่วยฟื้นคืนชีพแต่ไม่เป็นผลจึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการ 
 

ทนายฝั่งบ้านอากู๋ สวนทันควัน หลังอีกฝ่ายอ้างใช้สื่อกดดันจนตัดสินใจลาโลก

ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ผู้เสียชีวิตใช้ผ้าปูเตียง ฉีกเป็นเส้นในการก่อเหตุ ซึ่งในห้องที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำร่างผู้เสียชีวิตส่งสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อทำการผ่าชันสูตรต่อไป

 


สำหรับผู้เสียชีวิตรายนี้มีรายงานว่า เป็นเพื่อนบ้านที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีข้อพิพาทการครอบครองปรปักษ์บ้านทาวน์โฮมหลังหนึ่งในพื้นที่รามอินทราซอย 58 ที่เป็นข่าวลงดังในช่วงที่ผ่านมา

 

ด้าน น.ส. อำนวยพร มณีวรรณ์ ทนายความฝ่ายเจ้าของบ้านตัวจริงที่เป็นคู่กรณี เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องการเสียชีวิตของอดีตคู่กรณีที่เข้าไปยึดของบ้านของลูกความ ก็รีบเดินทางมายัง สน.คันนายาว เพื่อสอบถามกับพนักงานสอบสวน โดยยังไม่ได้มีการพูดคุยกับลูกความ และญาติของฝ่ายอดีตคู่กรณีแต่อย่างใด จึงขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้นด้วย


ส่วนการที่ทนายความของคู่กรณีได้ออกมาให้ข้อมูลว่า สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่ทางลูกความได้ใช้สื่อมวลชนกดดัน จนทำให้เกิดผู้เสียชีวิคเกิดความเครียดจนก่อเหตุนั้น โดยส่วนตัวเห็นว่าต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตนเอง ไม่น่าจะเป็นการกดดันจนทำให้ผู้เสียชีวิตเกิดความเครียดก็ยังได้
 

 

สำหรับข้อพิพากที่เกิดขึ้นนั้นเริ่มจากการที่ฝ่ายเจ้าของบ้านตัวจริงได้แจ้งความดำเนินคดีบุกรุกกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 5 คน ที่เข้าไปยึดครองบ้านหลังดังกล่าว โดยในจำนวนนั้นมีผู้เสียชีวิตอยู่ด้วย ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ในชั้นการพิจารณาสั่งฟ้องของพนักงานอัยการ 

ทนายฝั่งบ้านอากู๋ สวนทันควัน หลังอีกฝ่ายอ้างใช้สื่อกดดันจนตัดสินใจลาโลก