เศร้า ไฟไหม้กุฏิวัดสวนแก้ว สลด 3 ด.ช. ไฟคลอก นอนกอดกันเสียชีวิต

เศร้าคืนวันวิสาขบูชา ไฟไหม้กุฏิเก่าวัดสวนแก้วกลางดึก เจ้าหน้าที่สลด พบ 3 เด็กชายถูกไฟคลอก นอนกอดกันเสียชีวิตในกองเพลิง

เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เวลา 23.50 น. วันที่ 22 พ.ค. 2567  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเกิดเพลิงไหม้กุฎิวัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.เมือง จ.นนทบุรี มีเด็กชาย 3 คนถูกไฟคลอกเสียชีวิต

 

สลดคืนวันวิสาขบูชา ไฟไหม้กุฏิวัดสวนแก้ว 3 ด.ช.ถูกไฟคลอก นอนกอดกันเสียชีวิต

โดยในที่เกิดเหตุเป็นกุฏิพระเก่าโครงสร้างเป็นเหล็กทั้งหลัง ฝาไม้อัด มีร่องรอยถูกไฟไหม้เสียหาย ภายในพบร่างเด็กชายเสียชีวิต รวม 3 ราย นอนกอดกันอยู่ตรงประตูทางออก สภาพศพถูกไฟไหม้เกรียม เป็นเด็กชายฝาแฝดอายุ 11 ปี 2 คน และเด็กชายอายุ 9 ปี 1 คน ซึ่งทั้ง 3 คนเป็นเด็กกำพร้าที่ทางวัดได้อุปการะไว้และส่งเรียนหนังสือ 


จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าที่โคนเสากุฎิเป็นเหล็กมีปลั๊กไฟติดตั้งอยู่ มีกระแสไฟฟ้ารั่วอยู่ เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าจึงได้ทำการตัดกระแสไฟ

 

ทั้งนี้ คนงานในวัดเผยว่า โดยปกติแล้วบริเวณกุฏิที่เกิดเหตุ เป็นกุฏิที่ให้สามเณรที่บวชในภาคฤดูร้อนได้พักอาศัยอยู่ โดยจะมีเด็กชายฝาแฝดจะนอนพักอยู่กุฏิดังกล่าวเพียง 2 คน แต่ก่อนเกิดเหตุมีเพื่อนมาเล่นด้วยกันในกุฏิรวม 5 คน ระหว่างนั้น 2 คนง่วง จึงได้เดินทางกลับไปหาแม่ชีที่ได้เลี้ยงดูตัวเองอยู่ ก่อนจะเกิดเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวขึ้น

 

สลดคืนวันวิสาขบูชา ไฟไหม้กุฏิวัดสวนแก้ว 3 ด.ช.ถูกไฟคลอก นอนกอดกันเสียชีวิต

โดยในช่วงเกิด พระอาจารย์มาเรียกบอกว่าเกิดไฟไหม้ ตนเป็นคนวิ่งมาดับไฟ ขณะนั้นไฟกำลังลุกรุนแรง จึงเอาถังดับเพลิงรีบเข้าไปดับไฟ ตอนที่ดับไฟนั้นยังไม่รู้ว่ามีเด็กอยู่ข้างใน แต่พอไฟดับเสร็จถึงเห็นว่ามีเด็กอยู่ 3 คน ส่วนสาเหตุที่ไฟไหม้ตนยังไม่ทราบเกิดจากอะไรกันแน่


ขณะที่ ตำรวจ สภ.บางใหญ่ ได้บันทึกภาพหลักฐานที่เกิดเหตุ พร้อมนำร่างผู้เสียชีวิตนำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อชันสูตรตรวจสอบสาเหตุของผู้เสียชีวิตต่อไป พร้อมเตรียมประสานญาติผู้เสียชีวิต เพื่อนำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

 

ส่วนสาเหตุสันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ประกอบกับมีฝนตกลงมา จึงทำให้ไฟเกิดชอร์ตกับตัวโครงสร้างซึ่งเป็นเหล็กและเกิดไฟลุกไหม้ขึ้น ทำให้เด็กทั้ง 3 คนซึ่งพยายามจะหนีออกจากห้องถูกไฟฟ้าดูดและถูกไฟคลอกซ้ำจนเสียชีวิต ซึ่งต้องชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป

 

ขอบคุณ FB : อัญวุฒิ โพธิ์อำไพ