- 24 มี.ค. 2568
พี่สาวยันค้านประกันตัว "อดีตตำรวจคลั่ง" หลังยิงน้องสะใภ้ดับแบบหัวชนฝา เผยความคับแค้นใจถูกกดขี่มานานนับปี
(24 มีนาคม 2568) นางแสงรัตน์ ภัทราพร พี่สาวของ ร้อยตำรวจเอก (ร.ต.อ.) ศรชัย ตรงใจอนันต์ ผู้ต้องหาในคดียิงน้องสะใภ้เสียชีวิต และพี่สาวบาดเจ็บสาหัส เปิดเผยว่า ตนและครอบครัวจะคัดค้านการประกันตัวอย่างถึงที่สุด เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยของคนในครอบครัว
"ฉันจะค้านประกันตัวแบบหลังชนฝา พี่น้องภาษาอะไรถึงทำกันแบบนี้! เมื่อวานเขายิงไป 5 นัด กระสุนยังเหลืออยู่อีก 1 นัด ถ้าไม่เข้าไปแย่งปืนกันไว้ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น" นางแสงรัตน์กล่าวด้วยความคับแค้น
นางแสงรัตน์เล่าต่อว่า ตลอดเวลาที่อาศัยอยู่ร่วมกันในบ้านหลังนี้ ร.ต.อ. ศรชัย ชอบสร้างปัญหา ใช้ชีวิตไม่เป็นปกติ กลางวันนอน กลางคืนไม่นอน และยังล็อคห้องบนชั้นสองทั้งหมด ไม่ให้พี่สาวขึ้นไปนอน ทั้งที่บ้านมีทั้งหมด 4 ห้อง แม้ญาติพี่น้องจะพูดเตือนก็ไม่เคยฟัง
"ฉันจะค้านประกันตัวแบบหลังชนฝา พี่น้องภาษาอะไรถึงทำกันแบบนี้! เมื่อวานเขายิงไป 5 นัด กระสุนยังเหลืออยู่อีก 1 นัด ถ้าไม่เข้าไปแย่งปืนกันไว้ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น" นางแสงรัตน์กล่าวด้วยความคับแค้น
นางแสงรัตน์เล่าต่อว่า ตลอดเวลาที่อาศัยอยู่ร่วมกันในบ้านหลังนี้ ร.ต.อ. ศรชัย ชอบสร้างปัญหา ใช้ชีวิตไม่เป็นปกติ กลางวันนอน กลางคืนไม่นอน และยังล็อคห้องบนชั้นสองทั้งหมด ไม่ให้พี่สาวขึ้นไปนอน ทั้งที่บ้านมีทั้งหมด 4 ห้อง แม้ญาติพี่น้องจะพูดเตือนก็ไม่เคยฟัง
เขาได้เงินไปแล้ว แต่ก็ยังอยู่ ฉันไม่เคยไล่เขาออกจากบ้านเลย เขาเป็นคนบอกเองว่าจะไป แต่สุดท้ายก็ผัดผ่อนไปเรื่อย แล้วทำไมถึงมาก่อเหตุแบบนี้"
ขณะนี้ ครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บยืนยันจะเดินหน้ายื่นคัดค้านการประกันตัว ร.ต.อ. ศรชัย อย่างถึงที่สุด เนื่องจากมองว่าเป็นบุคคลอันตราย และหวั่นเกรงว่า หากได้รับการปล่อยตัว อาจกลับมาก่อเหตุซ้ำได้
โดยก่อนหน้านี้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเดินทางไปยัง สถานีตำรวจนครบาลท่าข้าม เพื่อยื่นเรื่องคัดค้านการประกันตัว ร้อยตำรวจเอก (ร.ต.อ.) ศรชัย ตรงใจอนันต์ อดีตรองสารวัตรจราจร สน.สำเหร่ ผู้ต้องหาในคดียิงน้องสะใภ้เสียชีวิตและพี่สาวบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัยของสมาชิกในครอบครัว
นายอำพล ภัทราพร อายุ 49 ปี ลูกชายของนางแสงรัตน์ และเป็นหลานของ ร.ต.อ. ศรชัย เปิดเผยว่า ขณะที่เกิดเหตุ ปืนของผู้ต้องหามีกระสุน 5 นัด โชคดีที่กระสุนไม่โดนอากู๋(ลุง)ของตน แต่น่าเศร้าที่กลับไปถูกน้าสาวจนเสียชีวิต และทำให้ป้าบาดเจ็บสาหัส
"วันนี้ผมต้องมาที่โรงพักเพื่อยื่นเรื่องค้านประกันตัว เพราะหากเขาได้รับการปล่อยตัว อาจเป็นอันตรายต่อแม่ของผม รวมถึงญาติพี่น้องคนอื่น ๆ ผมเคยแจ้งตำรวจไปแล้วว่า ร.ต.อ. ศรชัย มีอาวุธปืนและอาจก่อเหตุรุนแรง แต่ตำรวจกลับตอบว่ายังไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น พอมาวันนี้มีคนตาย มีคนบาดเจ็บ แล้วจะให้เขาได้ประกันตัวหรือ?" นายอำพลกล่าว
นายอำพล กล่าวว่า ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบพบว่า ร.ต.อ. ศรชัย มีใบครอบครองอาวุธปืน 3 กระบอก แต่จากการตรวจค้นพบเพียง 2 กระบอก ทำให้ครอบครัวผู้เสียหายยิ่งกังวลว่า หากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว อาจนำอาวุธที่เหลือไปใช้ก่อเหตุรุนแรงอีก
นายอำพล เผยอีกว่า สำหรับสาเหตุของความขัดแย้งในครอบครัวเกิดจากปัญหามรดกบ้านพ่อแม่เดิมที่มีชื่อ ร.ต.อ. ศรชัย เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ แต่เกิดข้อพิพาทกับญาติพี่น้อง โดยพี่น้องเสนอขอแบ่งทรัพย์สิน แต่ ร.ต.อ. ศรชัย ไม่ยินยอม นำไปสู่การฟ้องร้องในชั้นศาล
ต่อมาศาลมีคำสั่งให้พี่น้องสามารถซื้อสิทธิ์กรรมสิทธิ์บ้านจาก ร.ต.อ. ศรชัย เป็นเงิน 250,000 บาท พร้อมมีคำสั่งให้ ร.ต.อ. ศรชัย ต้องออกจากบ้านภายในปี 2567 แต่เมื่อถึงกำหนด ผู้ต้องหากลับไม่ยอมออก อ้างว่าจะย้ายออกในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 แต่สุดท้ายก็เลื่อนออกไปเป็นสิ้นปี 2568 ทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมดังกล่าว
นายอำพล กล่าวต่อว่า จากบาดแผลของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ พบว่าถูกยิงที่ศีรษะทั้งคู่ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของผู้ต้องหา ทั้งที่เขาเคยเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร ไม่น่าก่อเหตุรุนแรงเช่นนี้
"หากขณะเกิดเหตุไม่มีคนเข้าไปแย่งปืน คงมีคนตายไปแล้วถึง 4 คน ผมจึงขอค้านการประกันตัวอย่างถึงที่สุด เพราะเชื่อว่าหากเขาออกมา คนในครอบครัวยังต้องเสี่ยงกับอันตราย" นายอำพลกล่าว