หมอเปิดความจริง "คนรักแร้ดำ" ต้องรู้ คุณอาจกำลังเป็นโรคร้าย

อย่ามองว่ารักแร้ดำแค่ไม่สวย! เพราะในบางกรณี อาจเป็นสัญญาณของโรคเบาหวาน ภาวะดื้ออินซูลิน หรือความผิดปกติของฮอร์โมนที่คุณอาจมองข้าม

รักแร้ดำ = แค่ไม่สวย? หรือร่างกายกำลังส่งสัญญาณโรคร้าย!? หมอหมูวีระศักดิ์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หมอหมู วีระศักดิ์ ระบุถึงเรื่องดังกล่าว ว่า

ผิวหนังบริเวณรักแร้ที่มีสีคล้ำผิดปกติ หรือที่หลายคนเรียกว่า “รักแร้ดำ” ไม่ได้เกิดจากการเสียดสีหรือโกนขนเท่านั้น แต่ในบางกรณี อาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับ ระบบเผาผลาญ ฮอร์โมน และอินซูลิน ได้ เช่น ภาวะดื้อต่ออินซูลิน หรือ เบาหวานชนิดที่ 2

หมอเปิดความจริง คนรักแร้ดำ ต้องรู้ คุณอาจกำลังเป็นโรคร้าย

โรคที่สัมพันธ์กับ “รักแร้ดำ” (Acanthosis Nigricans):

1. ภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance) / โรคเบาหวานชนิดที่ 2
2. โรคอ้วน (Obesity)
3. ความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น โรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) ในผู้หญิง ภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมน (Hypothyroidism) หรือความผิดปกติของต่อมหมวกไต (เช่น Cushing's Syndrome) ก็สามารถทำให้เกิดได้ เนื่องจากภาวะเหล่านี้ส่งผลต่อระดับอินซูลินหรือฮอร์โมนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของผิวหนัง
4. ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน ยาสเตียรอยด์ หรือยารักษาภาวะดื้อต่ออินซูลินบางชนิด อาจเป็นผลข้างเคียงให้เกิดได้ชั่วคราว
5. มะเร็ง เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร (หายากแต่ร้ายแรง)

 

รักแร้ดำแบบไหนที่ควรกังวล?
1. ผิวคล้ำเรียบจากการเสียดสี / โกนขน: ปกติ ไม่อันตราย
2. ผิวดำ หนา สาก คล้ายกำมะหยี่ + มีประวัติน้ำหนักขึ้นเร็ว: ควรตรวจน้ำตาล และฮอร์โมน
3. รักแร้ดำ+ปวดท้อง+น้ำหนักลดเร็ว: อาจต้องคัดกรองมะเร็งในช่องท้อง (ในรายที่มีปัจจัยเสี่ยง)

สรุป: หากคุณหรือคนใกล้ตัวมี 'รักแร้คล้ำ หนา สากขึ้นอย่างผิดปกติ' อย่ามองว่าเป็นแค่ 'ปัญหาความงาม' เพราะมันอาจบ่งชี้ถึง โรคเบาหวาน ดื้อต่ออินซูลิน หรือ ความผิดปกติของฮอร์โมน แนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจเลือด ตรวจระดับน้ำตาล และฮอร์โมน เพื่อคัดกรองก่อนสายเกินไปนะครับ

อ้างอิงข้อมูลจาก: Hermanns, J. F., & Schuurmans, N. (2020). Acanthosis Nigricans: A Concise Review. Journal of Clinical & Investigative Dermatology, 8(3).

เรียบเรียงโดย: รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี 

ปล. ข้อมูลทั้งหมดที่ผมนำเสนอมีการอ้างอิงแหล่งที่มาชัดเจนและผมได้พยายามอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ แต่บางครั้งอาจมีการโต้แย้งในข้อมูล ซึ่งเป็นเรื่องปกติในแวดวงวิชาการ ดังนั้นจึงขอเรียนทุกท่านว่า โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านบทความของผม และควรหาข้อมูลเพื่มเติมเพื่อความถูกต้องอีกครั้ง ด้วยนะครับ